Snackies.th ร้านผลไม้ฟรีซดรายบน TikTok จากคนขี้อายที่ต้องไลฟ์สด สร้างรายได้ 8 หลักต่อเดือน!
Text : Yuwadi.s
จากคนขี้อายที่ต้องมาไลฟ์สดเปิดหน้าขายของ กว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ง่ายเพราะต้องอาศัยพลังใจและความกล้า จนสามารถสร้างรายได้แตะ 8 หลักต่อเดือน กับแบรนด์ผักผลไม้ฟรีซดราย ‘Snackies.th’ ก่อตั้งโดย หยง - ชนนิกานต์ กุลยิ่งรุ่งเรือง ที่เธอเน้นการขายโดยไลฟ์สดบน TikTok ไลฟ์ทุกวันแบบไม่มีวันหยุดจนลูกค้าติดใจกลายเป็นลูกค้าประจำ
จากครูสอนภาษาสู่เจ้าของธุรกิจ
โดยหยงได้เล่าย้อนไปก่อนที่จะเริ่มต้นทำแบรนด์ให้ฟังว่าเดิมทีเธอเรียนที่ประเทศจีน จากนั้นก็ทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กจีน จนกระทั่งโควิดที่ทำให้เธอไม่สามารถกลับไปจีนได้ เธอจึงต้องทิ้งงานและเงินที่นั่น
“ตอนแรกหยงไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองจีน พอเรียนจบก็ทำงานที่นั่นเลย เป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้เด็กจีน ทีนี้เรากลับมาเมืองไทย ตอนช่วงโควิดมาพอดี เราอยากจะกลับบ้านมาทำธุระ แล้วโควิดมาปุ้บ ก็เลยกลับไปจีนไม่ได้ เราต้องทิ้งงานที่นู่นแล้วก็ว่างงานไปประมาณ 6 เดือนเลย พอโควิด ทุกอย่างปิดหมดเราเลยเริ่มสนใจพวกธุรกิจออนไลน์”
หลังจากที่เธอว่างงานสักพักก็ตัดสินใจลุกขึ้นมาลองทำอะไรสักอย่าง ประกอบกับมีคนแนะนำเรื่องผลไม้อบแห้ง ทำให้เธอได้ตัดสินใจทดลองขายเพราะเห็นช่องว่างของราคาที่น่าจะไปได้
“แถวเชียงใหม่จะมีโรงงานผลไม้อบแห้งเยอะ คนรู้จักเขาก็แนะนำว่าอยากลองไหม ตอนแรกเราก็แค่เอาไปลองขายดูก่อน ไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนั้นไม่ได้มีแพสชันเลย แค่คิดว่าจะทำอะไรดี มันเคว้งๆ หน่อย พอคนแนะนำ เราก็ไปดูโรงงาน คุยกับเขา แล้วก็มาดูราคาที่เขาขายออนไลน์กัน ณ ตอนนั้น ก็เห็นว่ามันมีช่องว่างของราคาที่น่าจะไปได้”
การขายออนไลน์ในช่วงแรก หยงเริ่มต้นเข้าสู่แพลตฟอร์มอย่าง Lazada ตามมาด้วย Shopee และขายอยู่ในนั้น 1-2 ปี หยงเล่าว่าการขายจะไปได้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้ปังมากเท่าไหร่
“ตอนเราขายแรกๆ สินค้าจะมีไม่กี่ตัว เน้นไปที่สตรอเบอร์รี่อบแห้ง กีวี่อบแห้ง บ๊วย ขายมาเรื่อยๆ ช่วงปีแรกเราขายใน Lazada กับ Shopee วันหนึ่งอาจจะมี 50 ออเดอร์ก็ดีใจแล้ว เราสร้างแบรนด์ตั้งแต่ต้น เพราะอยากให้ลูกค้าจำแบรนด์เราได้ ตอนแรกไม่ได้ชื่อ Snackies แต่เป็นชื่อ อิ่มลไม ตอนนั้นเราเน้นขายแพ็คเกจจิ้งสวย โดดเด่น กินง่าย ถุงก็จะออกแบบสวยๆ ส่วน Snackies จะเน้นขายง่าย เป็นตัวลูกของอิ่มลไมอีกที”
กระโดดเข้า TikTok จนยอดขายปัง
หลังจากที่ขายได้เรื่อยๆ มาสักพัก หยงได้ตัดสินใจพาแบรนด์เข้าสู่แพลตฟอร์มใหม่ที่เปลี่ยนชีวิตนั่นคือ TikTok เธอได้ลองไลฟ์ครั้งแรกในชีวิต แม้ในช่วงแรกจะไลฟ์แบบคนขี้อายที่ยังไม่กล้าเปิดหน้า แต่ก็สร้างยอดขายมากขึ้นได้เรื่อยๆ
“เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ตอนนั้น TikTok กำลังมาแต่ยังไม่มีคนไลฟ์เยอะ เราก็เข้าไปดู เห็นคนไลฟ์ ปีที่แล้วจะฮิตตักสุ่ม บ๊วยซอง เราก็ปิ๊งไอเดียว่าเรามีผลไม้อบแห้งเยอะ ตอนนั้นมีประมาณ 20 SKU ถ้าเราลองเอามามิกซ์ แล้วตักขายแบบเขาบ้างดีไหม ดูปุ้บ บอกน้องสาวตอนตี 3 ตื่นเช้ามาทำเลย ขึ้นไลฟ์ ผู้ติดตามตอนนั้นยังไม่ถึงร้อยคนเลย แต่ก็ลองทำดู วันแรกที่ทำ ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยกล้าไลฟ์เลย ปกติเป็นคนไม่กล้าแสดงออกเท่าไหร่ เราก็ตั้งกะละมัง แล้วให้ลูกค้าเห็นแค่มือกับกะละมัง แค่นั้นเลย พอของเรามันเป็นของที่ยังไม่มีใครทำ มันเลยน่าสนใจ ราคาจับต้องได้ ไลฟ์แรกคนดูรวมทั้งหมดตอนจบไลฟ์ประมาณ 7 หมื่นคน”
หยงได้แชร์กลยุทธ์ในการไลฟ์สดของเธอให้ฟังว่าเธอจะเน้นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการไลฟ์สด คุยกับลูกค้าแบบเป็นกันเองและจำลูกค้าประจำได้ทุกคน ทำให้ไลฟ์ของเธอไม่เหมือนการไลฟ์ซื้อของกับแม่ค้าแต่จะเป็นการซื้อของกับเพื่อน พี่ น้องมากกว่า
“จริงๆ ร้านเราลูกค้าประจำค่อนข้างเยอะ เวลาหยงขึ้นไลฟ์ต้องดูเป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส ต่อให้ไม่มีคนดูเราก็จะพยายามพูดตลอดเวลา เพราะจะมีคนใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ จุดเด่นร้านเราคือเราจะใส่ใจลูกค้า ถ้าเป็นลูกค้าประจำเข้ามาคอมเมนต์บ่อยๆ เราจะจำชื่อได้ทุกคน เราอยากทำบรรยากาศการไลฟ์ให้เข้าถึงง่าย บางทีเราจะแทนตัวเองว่าน้องแม่ค้ากับพี่ลูกค้า มันจะไม่เหมือนซื้อของกับแม่ค้าแต่เหมือนซื้อของกับคนกันเอง ข้อดีของร้านเราอีกอย่างคือเราสม่ำเสมอ เราไม่เคยหยุดไลฟ์เลย 7 วัน เราไลฟ์ทุกวัน เวลาเดิม ลูกค้าก็จะจำได้”
นอกจากนี้หยงยังแชร์ว่าจากคนที่ไม่กล้าไลฟ์ วันแรกที่ไลฟ์ถ่ายแค่มือสู่วันนี้ที่ต้องไลฟ์เปิดหน้า เธออาศัยความกล้าและต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้แบรนด์ดีขึ้น
“เราใช้ความกล้าเหมือนกันว่าจะยิ้มยังไง วางมุมไหนจะสวย จุดที่ทำให้เราเปิดหน้าขึ้นไลฟ์คือมันต้องเปลี่ยนแปลง เวลาไลฟ์ขายไปสักพัก สิ่งไหนขายดี มันจะมีคู่แข่ง แล้วคู่แข่งเขาทำยังไงให้ได้ลูกค้าจากเราไปก็คือการตัดราคา พอเล่นทางนั้นแล้วมันไม่เวิร์ก มันเลยจำเป็นต้องลองไลฟ์เห็นหน้าเพื่อให้ลูกค้ารู้จักเรา จำเราได้ ความกล้าต้องมาแล้วในการที่จะทำให้คนจำได้ มันก็ขายดีกว่าเมื่อก่อน แต่ก็ใช้เวลากว่าเขาจะรู้จักเรา พอไลฟ์เปิดหน้าไปสักพักมันจะหายอายแล้วชินไปเอง”
เธอได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจนั่นคือการควบคุมคุณภาพสินค้าและซื้อใจลูกค้าให้ได้ตั้งแต่ครั้งแรก นอกจากนี้ยังเน้นการให้บริการลูกค้าทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านอย่างดีที่สุด
“หลังถุงของเราจะเขียนไว้ว่า คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณ เราจะพยายามเน้นคุณภาพสินค้า ด้วยความที่เราขายของกิน ถ้าเราซื้อใจลูกค้าได้ตั้งแต่ครั้งแรก เขาก็จะกลับมาซื้อซ้ำ ตัวไหนเราไม่กล้ากิน ไม่มั่นใจ เราจะไม่กล้าเอามาขายให้ลูกค้า ส่วนบริการ เรามีบริการหลังบ้านแน่น เพราะบริการหลังการขายสำคัญมาก เราไลฟ์ทุกวัน แพ็คส่งของทุกวันไม่มีวันหยุด ตรงนี้สร้างความประทับใจได้เหมือนกันเพราะลูกค้าได้ของเร็ว หรือการทำงานกับขนส่ง บางทีขนส่งไม่ส่งของเราก็มีทีมช่วยตามของให้ลูกค้า ถ้ามีปัญหา ของแตก เรามีทีมหลังบ้านที่จะคุยและเคลมให้ลูกค้าทันที”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup