"Bake mode on" ร้านขนมไซส์มินิของคนทำขนมไม่เป็นสู่เจ้าของธุรกิจรายได้ 5 หลักต่อเดือน!
Text : Yuwadi.s
เพราะมีแพสชันแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะแพสชันเรื่องการกิน จากคนที่ชอบกินขนมก็เลยไปลงเรียนทำขนมจนกลายเป็นธุรกิจไซส์มินิที่เปิดร้านโฮมเมดจนดังใน TikTok กับร้านที่ชื่อว่า Bake mode on มาพร้อมคอนเซปต์ “ร้านเบเกอรี่ที่ทำด้วยความชอบและใจรัก” ก่อตั้งโดยอดีตมนุษย์เงินเดือนอย่าง ลูกนัท - ณัฐฐาพร แสงอรุณ โดยเธอเป็นคนชอบกินขนมเป็นชีวิตจิตใจ จึงต่อยอดความชอบนี้ด้วยการไปลงเรียนทำขนมจริงจังและมาฝึกทำจนเปิดร้านขายบนโลกออนไลน์ ควบคู่กับการทำคอนเทนต์บน TikTok จนมีผู้ติดตามครึ่งหมื่นเลยทีเดียว
จากมนุษย์เงินเดือนที่ชอบกินขนมสู่เจ้าของร้านเบเกอรี่
โดยลูกนัทได้เล่าย้อนไปว่าเธอเป็นพนักงานบริษัททั่วไปที่มีความฝันว่าอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่สำคัญคือเธอมีแพสชันด้านการกินขนมเป็นทุนเดิม ทำให้เธอตัดสินใจลงเรียนคอร์สสอนทำขนมและกลับมาฝึกทำจนเปิดร้านในที่สุด
“ตอนแรกลูกนัทเป็นพนักงานบริษัททั่วไปเลย จนช่วงต้นปีที่ผ่านมา อยู่ดีๆ มีความคิดว่าอยากลองทำขนม ส่วนตัวเราชอบกินขนมทุกอย่าง เลยลงเรียนไปเลย พอเรียนทำขนมแล้วมันสนุกในการทำ เรียนเสร็จเลยลองมาปรับ มาฝึกทำ ลองดูว่าอยากทำเมนูไหนบ้าง เราเรียน 3 คอร์ส ใช้เวลาเรียน 3 วัน แล้วมาฝึกทำอยู่เป็นเดือน จนเริ่มมีเมนูเข้าร้านทีละอย่างสองอย่าง เริ่มจากคุ้กกี้นิ่ม ขายบนออนไลน์ไม่มีหน้าร้าน”
ในช่วงแรก ลูกนัทเริ่มต้นจากแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม เธอใช้วิธีการเล่าเรื่องให้ลูกค้ารู้จัก มีการยิงโฆษณาบ้าง จนลูกค้าเริ่มรู้จัก ใช้เวลาประมาณ5 เดือน จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาลุยธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว
“เราเริ่มขายด้วยแพลตฟอร์มที่เราถนัดก่อนคือเฟซบุ๊ก ลงเฟซบุ๊กขายก่อนเลย ลูกค้าก็เริ่มมาเรื่อยๆ เราจะเน้นการทำคอนเทนต์ในเฟซบุ๊ก มียิงโฆษณาบางๆ ไปด้วย จะเน้นการถ่ายรูปให้คนรู้จักว่าร้านเรานำเสนออะไร มีเมนูชื่ออะไร ที่มาที่ไปเป็นแบบไหน ลงรูปไปเรื่อยๆ ตอนแรกเราเริ่มทำร้านควบคู่กับงานประจำ เพราะเราก็อยากให้มันเป็นรายได้ที่ 2 แต่พอทำไปเรื่อยๆ เหมือนเราชอบการเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่แล้ว เลยกัดฟันออกมาทำเต็มตัว มีความสุขมากกว่า ทำร้านได้ 4-5 เดือนก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ”
ฟังเสียงของลูกค้าเพื่อพัฒนาขนม
สำหรับจุดเด่นของขนมร้าน Bake mode on ที่แม้ว่าจะขายขนมเมนูธรรมดา แต่กลับไม่เหมือนใครด้วยการย่อส่วนขนมให้เป็นไซส์มินิ ที่หยิบกินง่ายพอดีคำ มีทั้งเค้กกล้วยหอมมินิ คุ้กกี้นิ่มจิ๋วรวมไปถึงมินิปังกรอบที่กำลังมาแรงบนโลก TikTok ซึ่งไอเดียที่เธอย่อส่วนขนมนี้มาจากการฟังฟีดแบคลูกค้าและมาปรับพัฒนาเพื่อให้ขนมของเธอถูกใจกลุ่มลูกค้ามากที่สุด
“เมนูแรกที่เราขายคือคุ้กกี้นิ่มนิวยอร์ก ระหว่างนั้นเราก็เพิ่มเค้กกล้วยหอมนมสดจิ๋วมา ตัวคุ้กกี้เรามีการปรับ ตอนที่ขายแรกๆ ลูกค้าจะฟีดแบคกลับมาว่าเขาไม่เคยกินแบบนี้ คือเราทำชิ้นใหญ่มาก ด้วยความคนไทยก็อยากจะกินคุ้กกี้ชิ้นเล็ก ขนมมันไม่ควรกินแล้วอิ่ม เลยอยากให้เล็กลง เราก็เลยปรับมาเรื่อยๆ มีเค้กกล้วยหอมจิ๋ว มินิคุ้กกี้นิ่ม แล้วตอนนี้ก็มีมินิปังกรอบ ตอนแรกเราเองก็ยังหาคอนเซปต์ร้านไม่เจอ แค่อยากทำขนม แต่พอทำมาเรื่อยๆ ด้วยความที่ลูกค้าเราเกือบ 90% คือผู้หญิง เราเลยรู้สึกว่าขนมไม่ต้องใหญ่มากดีกว่า เอาเป็นเมนูมินิให้หมด มีแค่เค้กวันเกิดที่อาจจะเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ส่วนเมนูเด่นๆ ของเราจะเป็นเค้กกล้วยหอมที่เราจะไม่ใส่สารกันเสียอะไรเลย และใช้กล้วยหอมทองจริงๆ คนเลยชอบ รสชาติจะกลมกล่อม เด็กๆ ก็ชอบมันกินง่าย เราก็ทำแพ็คเกจจิ้งให้น่ารักๆ คนก็สามารถเอาไปให้เป็นของขวัญได้ด้วย”
สร้างตัวตนบน TikTok ดึงลูกค้าเข้าร้าน
สำหรับช่องทางการขายหลักของร้านคือบน Facebook แต่ช่องทางที่ไว้ใช้ในการโปรโมตและสร้างตัวตนคือบนโลก TikTok ที่ลูกนัทเล่าว่าตอนแรกเธอกลัวการเข้าไปในช่องทาง TikTok เพราะเคยเข้าไปขายมาก่อนแต่ไม่ปังเท่าที่ควร จนเธอตัดสินใจที่จะลุยธุรกิจขนมเต็มตัว จึงทำให้เธอลองเข้าไปสร้างตัวตนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับปังกว่าที่คิด แถมยังมีออเดอร์เข้ารัวๆ อีกด้วย
“ตอนแรกเราไม่กล้าลง TikTok ก่อนหน้านี้เราเคยทำธุรกิจอื่นเล่นๆ แล้วเราทำคอนเทนต์ไม่เป็น เรากลัวการทำคอนเทนต์ ตอนนั้นเจอที่ทำไปแล้วยอดวิวไม่ขึ้น ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่พอมาครั้งนี้ ด้วยความที่เราอยากจริงจังกับธุรกิจนี้ เราเลยเสิร์ชดูว่าเจ้าอื่นที่ทำคล้ายๆ กัน ทำคอนเทนต์ประมาณไหน ตัดต่อยังไง ก็เลยเอามาปรับ ตอนนั้นคลิปที่ทำเป็นรูปว่า อายุเท่านี้ มีอะไรของตัวเองบ้าง กำลังมาแรง เราก็ลองทำ ปรับเป็นแนวทางเรา คลิปนั้นก็บูมเลย พอคลิปแมสมันส่งผลมากเลยค่ะ หลังจากที่ลูกค้ารู้จักก็จะทักเข้ามาในเพจเยอะมาก เวลาลูกค้าทัก เพจจะถามว่ารู้จักมาจากช่องทางไหนก็คือมาจาก TikTok หมดเลย”
โดยลูกนัทได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจนี้และการได้ผันตัวเองจากมนุษย์เงินเดือนมาสู่เจ้าของร้านขนมเล็กๆ
“ตอนนี้การทำธุรกิจถ้าเทียบกับงานประจำคือมันมีความสุขมาก เหมือนเราได้คุมทุกอย่างเอง จัดการทั้งหมดได้เอง ไม่มีใครมาคุมเรา เราจะทำอะไรตอนไหนก็ได้ ส่วนหัวใจสำคัญคือการฟังเสียงของลูกค้า ฟังว่าเขาอยากได้อะไร พอเราได้ยินและรับรู้เสียงลูกค้าเราก็จะได้เงินกลับมา เราแก้ปัญหาให้เขาได้ ที่สำคัญอีกอย่างคือความซื่อสัตย์ เราจะใช้วัตถุดิบที่ดี ไม่ลับหลังลูกค้าว่าเขาไม่รู้หรอก เราต้องจริงใจและซื่อสัตย์”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup