Starting a Business

ส่องกลยุทธ์เชฟสาวชาวเกาหลีปั้นแบรนด์เบเกอรีอย่างไรให้เป็นร้านดังในนิวยอร์ก

 

Text : Vim Viva

     ท่ามกลางการผุดขึ้นของร้านเบเกอรีแบบรายวัน แต่สำหรับ “ลีเซ่” (Lysee) แม้จะเปิดบริการได้เพียงปีเดียว แต่กลับขึ้นแท่นร้านเค้กอันโด่งดังแห่งนครนิวยอร์กโดยฝีมือการปลุกปั้นของเชฟสาวชาวเกาหลีที่บรรจงสร้างสรรค์ขนมแต่ละชิ้นให้เป็นงานศิลปะในร้านที่ตกแต่งสไตล์พิพิธภัณฑ์

     ความสวยงามของเค้กและรสชาติที่ผสมผสานระหว่างความเป็นเกาหลี ฝรั่งเศส และอเมริกันเป็นที่น่าสนใจจนทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับร้าน “ลีเซ่” ถูกตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ ทั้งยังเป็นไวรัลในโซเชี่ยลมีเดีย อย่างอินสตาแกรม ยูทูป และทวิตเตอร์ เลยไปถึงเหว่ยป๋อ โซเชียลมีเดียในจีนเลยทีเดียว อะไรที่ทำให้ร้านเค้กซึ่งตั้งอยู่ใกล้อาคารแฟลตไอรอน อันเป็นแลนด์มาร์คในแมนฮัตตันแจ้งเกิดอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงปี และ “ลี อึนจี” เชฟเจ้าของร้านใช้กลยุทธ์อะไร ไปติดตามกัน

     ลีเชฟ อึนจีเล่าว่าเธอเกิดและโตที่เมืองปูซานในเกาหลี แรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยากเป็นเชฟขนมหวานเกิดขึ้นหลังได้ดูรายการเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่ แม้ไม่เห็นด้วย แต่เมื่อทนแรงรบเร้าไม่ไหว ครอบครัวก็ยอมส่งเธอมาเรียนที่สถาบัน Institut National de la Boulangerie Patisserie ในกรุงปารีสเมื่อปี 2006  หลังเรียนจบก็เข้าสู่เส้นทางอาชีพเชฟขนมอบโดย 3 ปีแรกทำงานที่ร้านอาหารมิชลิน Ze Kitchen Galerie โดยเชฟวิลเลี่ยม เลอเดย และ 4 ปีหลังทำงานที่ร้าน 3 ดาวมิชลิน Le Meurice ภายใต้การดูแลของเชฟอลัง ดูคาส

     ระหว่างใช้ชีวิตที่ปารีส เชฟลีได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ “Qui sera le prochain grand pâtissier?” เรียลิตี้ด้านขนมอบของฝรั่งเศสและเป็นผู้แข่งขันคนแรกที่ไม่ใช่ชาวยุโรปที่ฝ่าไปถึงรอบสุดท้าย ปี 2016 เธอถูกทาบทามจาก Jungsik ร้านอาหารโมเดิร์นเกาหลีซึ่งเป็นร้าน 2 ดาวมิชลินในนิวยอร์กให้ไปรับตำแหน่ง Executive Pastry Chef หรือหัวหน้าแผนกครัวขนมอบ ที่ร้าน Jungsik นี่เองที่เป็นเวทีให้เธอได้ทดลองใช้ความสามารถในการรังสรรค์เมนูต่างๆ ด้วยเทคนิคฝรั่งเศสแต่ใช้วัตถุดิบเกาหลี

  

     เชฟลี ได้รับการจดจำจากเมนูขนมหวาน Baby Banana ซึ่งแลดูเหมือนกล้วยจริง ๆ และยังคงรสชาติกล้วยแบบเต็ม ๆ และต่อมา Baby Banana ก็เป็นขนมหวานที่กลายเป็นลายเซ็นของเธอ และทำให้เธอได้รับรางวัล “เชฟขนมหวานดาวรุ่งแห่งนิวยอร์ก” และรางวัล “ศิลปะแห่งการนำเสนอ”

      หลังทำงานที่ Jungsik ได้ระยะหนึ่ง ความต้องการที่จะสร้างความรื่นรมย์ให้กับลูกค้าผ่านขนมหวานเพิ่มระดับสูงขึ้นจนทำให้เชฟลีตัดสินใจออกมาทำตามความฝันด้วยการเปิดร้านของตัวเอง โดยเธอได้คิดคอนเซปต์ร้าน และเมนูต่าง ๆ ไว้แล้วว่าต้องการนำเสนอแบบไหน

     ร้านลีเซ่ (Lysee) จึงถือกำเนิดขึ้นในฤดูร้อนปี 2022 ชื่อร้านมาจากการผสมคำระหว่าง ”muse” ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าพิพิธภัณฑ์ และ “Lee” ซึ่งเป็นนามสกุลของเธอ การตกแต่งร้านจะคล้ายพิพิธภัณฑ์ และนำเสนอขนมต่าง ๆ เหมือนงานศิลปะ ขนมแต่ละชิ้นรังสรรค์อย่างสุดฝีมือจึงออกมาสวยงาม เชฟลีกล่าวว่าเวลาเสิร์ฟขนมของทางร้าน เธออยากให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้รับของขวัญ ขนมของเธอนอกจากเป็นอาหารตาแล้วยังเป็นอาหารที่รสชาติถูกปากลูกค้าด้วย 

      ขนมเด่นที่เป็นลายเซ็นของเชฟลีโดยมากเป็นมูสเค้ก อาทิ มูสเค้กข้าวกล้องเกาหลีคั่วคาราเมล มู้สเค้กรูปดอกไม้ และอื่น ๆ ไปจนถึงเค้กที่กำลังเป็นไวรัล ลูกค้าชื่นชอบคือมู้สเค้กข้าวโพดที่ทำออกมาเป็นฝักข้าวโพดที่ใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมงในการผลิต

     เชฟลียังเผยอีกว่าแรงบัลดาลใจในการออกแบบขนมเกิดขึ้นทุกที่และทุกเวลา แต่สิ่งที่สำคัญอันดับแรกคือการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ธีมการนำเสนอขนมของร้านลีเซ่จึงแบ่งเป็น 4 ฤดูกาล เมื่อเธอนึกถึงวัตถุดิบ เช่น ผลไม้ในแต่ละฤดูกาล ไอเดียใหม่ ๆ จะผุดขึ้นทันที

     “เราเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่สดใหม่ คัดสรรมาอย่างดีสุดเพื่อให้ขนมออกมาคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งเหล่านี้อาจมองไม่เห็นจากตัวขนม แต่ลูกค้าสามารถรับรู้เมื่อได้ลิ้มลอง สำหรับฉัน ขนมหวานถือเป็นงานศิลปะที่รับประทานได้ ขนมทุกชิ้นของทางร้านสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง เราจึงหวังว่าประสบการณ์พิเศษแบบนี้จะนำมาซึ่งความสุขอันแสนหวานให้กับลูกค้า” เชฟลีกล่าว

     สำหรับเป้าหมายในระยะใกล้ เชฟลีคาดหวังจะประสบความสำเร็จในการบริหารร้าน มีพลังในการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ออกมาเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า ส่วนในอนาคต เธอฝันจะขยายสาขาร้านลีเซ่ไปยังกรุงโซล เกาหลี และที่ปารีส ฝรั่งเศส

ที่มา : 
https://www.lyseenyc.com/about
https://www.koreatimes.co.kr/www/culture/2023/07/141_353960.html

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup