Starting a Business

Paws n’ claws ร้านขนมน้องหมา ที่อบสดใหม่ทุกออร์เดอร์ เน้นความต่างหน้าตาน่ารักเหมือนขนมคน

 

Text : Yuwadi.s

     จากแค่คำถามเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในใจกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่อยากทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เป็นคนรักสัตว์เหมือนกันและนี่คือร้านขนมน้องหมา น้องแมวที่ก่อตั้งโดย 2 สาวเพื่อนซี้ที่รักสุนัขและแมวอย่าง พลอย - กชณิชา สุจริต และ ติ๊บ - ลลิตา ตันติธนานนท์(ติ๊บ)

      พวกเขาก็เป็นหนึ่งในผู้บริโภคที่มองหาสินค้ามาให้สัตว์เลี้ยง หนึ่งในนั้นคือ ขนม พวกเธอทำขนมโฮมเมดให้น้องหมาน้องแมวกินอยู่แล้ว เพราะขนมในท้องตลาดนั้นส่วนใหญ่เป็นแบบอบแห้ง ทำให้เธอมีคำถามในใจและคิดแทนไปว่า มันจะแห้งไหม มันจะบาดปากไหม จากคำถามนี้กลายเป็นสิ่งที่ต่อยอดจนกลายเป็นแบรนด์ Paws n’ claws ขนมน้องหมาน้องแมวโฮมเมดที่อบสดใหม่เหมือนมายืนกินหน้าเตา แถมยังสวยน่ารัก หน้าตาดีไม่แพ้ขนมของคนเลยล่ะ

คนรักสัตว์สู่ผู้ก่อตั้งร้านขนมหมาแมวแบบโฮมเมด

     โดยพลอยได้เล่าย้อนไปในตอนก่อนที่จะเริ่มทำแบรนด์ให้ฟังว่าเธอกับติ๊บ เป็นคนที่ชอบเลี้ยงสัตว์ ที่สำคัญยังเป็นคนชื่นชอบการทำขนมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และด้วยขนมน้องหมาน้องแมวที่มีในท้องตลาดยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการ เธอจึงทำขนมให้สัตว์เลี้ยงกินเอง กลายเป็นจุดเริ่มของแบรนด์

     “พลอยกับติ๊บเราเลี้ยงสุนัขอยู่แล้ว เราสองคนก็ชอบทำขนมด้วย เราเลยทำขนมให้น้องหมาน้องแมวที่บ้านกินกันเอง ด้วยความที่ว่าในท้องตลาดมันจะมีแต่ฟรีซดราย อบแห้ง เราก็คิดแทนหมาแมวว่ามันจะแห้งไหม บาดปากไหม แข็งมากเลย กินได้เหรอ เราอยากทำขนมที่มีเนื้อสัมผัสแตกต่าง มีความนุ่ม หอม เราเลยลองทำแล้วปรากฏว่าน้องหมาแมวเราชอบมาก มายืนเฝ้าหน้าเตา เราก็ดีใจจังเลย เพื่อนคนอื่นๆ ที่เขาเลี้ยงสัตว์ เขารู้ เราก็เอาไปแบ่งให้เขา เขาก็ชอบกันใหญ่ พอโควิด เราก็คุยกับเพื่อนว่าไหนๆ ช่วงนี้งานไม่ได้เยอะ เราลองมาทำขายดีไหม เพื่อนคนอื่นๆ ก็แนะนำว่าให้ทำขายออนไลน์ เราก็ลองเปิดเพจ Instagram ดู”

     ด้วยความที่เป็นแม่หมาแม่แมวมาก่อน ทำให้พวกเธอเข้าใจว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการอะไร พวกเธอจึงเลือกที่จะทำขนมหมาแมวที่มีความสดใหม่ รสสัมผัสอ่อนนุ่ม ที่สำคัญคือเรื่องของหน้าตาที่มีความน่ารักโดนใจ ไม่เพียงแค่เลือกซื้อให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองกินแต่ยังซื้อไปเป็นของขวัญได้ด้วย

     “เพื่อนเรา เป็นคนชอบอะไรที่น่ารัก กุ๊กกิ๊ก เราอยากทำให้ขนมเราต่างจากคนอื่น เพราะขนมน้องหมาส่วนใหญ่ในตลาดไม่ได้เน้นหน้าตาน่ารัก เขาจะเน้นสารอาหาร แต่เรารู้จุดว่า เวลาเราขาย เราไม่ได้ขายแค่น้องหมาที่กิน เราขายเจ้าของด้วย ซึ่งปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าคนชอบอะไรที่น่ารัก เราเลยตั้งโจทย์ว่าเราจะทำขนมน้องหมาให้น่ารักได้ไหม โดยที่คุณประโยชน์ สารอาหารต้องได้รับเหมือนเดิมและเป็นโฮมเมด เราเลยได้ขนมที่หน้าตาน่ารักขึ้นมา ทำให้เรามีความต่างจากท้องตลาด เลยแทบจะไม่ได้ทำการตลาดอะไรเลย ตัวขนมมันมีจุดเด่นที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายอยู่แล้ว”

เน้นความต่างของโพรดักส์ ทำให้ลูกค้ารู้จักโดยแทบไม่ต้องทำการตลาด

     จุดสำคัญที่ทำให้แบรนด์ Paws n’ claws มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าได้ในเวลาไม่นานทั้งที่ไม่ได้ทำการตลาด นั่นคือการชูโรงด้วยตัวขนมหมาแมวที่แปลกใหม่ หน้าตาน่ารักไม่แพ้ขนมคน กุญแจสำคัญคือการให้พ่อแม่น้องหมาน้องแมวเข้ามามีส่วนร่วมในการทำขนมได้ด้วย

     “กุญแจสำคัญคือเราต้องการให้พ่อแม่น้องหมา เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกสรร เช่น ลาย ข้อความ ออกแบบ ขนมเรา Customize ได้เป็นจุดเด่นที่ต่างจากเจ้าอื่นและขนมของเราจะมีหน้าตาน่ารัก ส่วนผสมก็จะเน้นวัตถุดิบที่มีประโยชน์กับน้องหมาทุกชิ้น เช่น ตับวัว บล็อกโคลี่ แล้วก็มีสูตรสำหรับน้องหมาวีแกน ไม่กินเนื้อสัตว์ มีคละกันไป อีกอย่างที่เป็นจุดเด่นสำคัญคือตัวรอยัลไอซิ่ง ที่เป็นตัวแต่งหน้า สูตรนี้เราคิดค้น 6 เดือน ปัญหามันเยอะมาก มันยากมากที่จะทำยังไงให้เราไม่ต้องส่งห้องเย็น ไม่งั้นค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้น กว่าจะได้สูตรนี้มันยากมาก เรายังไม่เห็นว่ามีใครเลียนแบบได้ เป็นจุดเด่นของเรา นอกจากนี้ขนมเราเป็นเกรดคนกิน คนสามารถกินได้ทุกชิ้น พลอยเองกว่าจะได้มาหนึ่งสูตร เราชิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เราเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ เนื้อสัมผัสต้องไม่แข็งไปหรือนิ่มไปและเราไม่ได้แต่งรสชาติหรือกลิ่นเลย รสชาติในขนมมันคือรสชาติของวัตถุดิบที่เราเอามาทำ”

     กลยุทธ์ในการทำการตลาดของแบรนด์ แม้ว่าจะไม่ได้มีการทุ่มเงินลงในไปส่วนนี้มากเท่าไหร่ แต่มีการทุ่มใจให้กับลูกค้าด้วยการสื่อสารอย่างจริงใจ โดยใช้ตัวเองที่มองในมุมของลูกค้าว่าต้องการอะไร

     “เราไม่ค่อยได้ทำการตลาด แต่เราทำในมุมของพ่อหมาแม่หมา ด้วยความที่เราเป็นหนึ่งในผู้บริโภค เราก็จะคิดว่าเราอยากได้อะไร อยากเห็นอะไร ทำยังไงในมุมของผู้บริโภคถึงอยากซื้อของชิ้นนี้จัง เราจะเน้นในการสื่อสารกับลูกค้า เช่น เวลาสั่งขนมมา เราจะถามก่อนว่าแพ้อะไรไหม อายุเท่าไหร่ ขนมเราน้องที่ต่ำกว่า 2 เดือนไม่ควรกินนะ ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า หรือถ้าน้องหมาแพ้อาหาร รสนี้ไม่ควรสั่งนะ เราอยากเจอการขายที่ใส่ใจกับเรามากแค่ไหน เราก็จะเป็นร้านที่ใส่ใจลูกค้าให้มากๆ”

     โดยพลอยได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำแบรนด์ Paws n’ claws ให้ฟังว่าการรู้จักลูกค้าของตัวเองให้ดีคือคีย์สำคัญที่สุด

     “เรามองว่าเราต้องรู้จักลูกค้าให้มากๆ กลุ่มเป้าหมายเราเป็นใคร ใครคือลูกค้าเรา มีพฤติกรรมยังไง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อันนี้สำคัญมากในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ สร้างสรรค์แพ็คเกจจิ้ง รวมไปถึงการโฆษณา บริการหลังการขายก็ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการแบบไหน คิดว่าเราคือลูกค้าไปเลยแล้วเราจะเห็นภาพชัดว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าไหม เราเดินมาในทิศทางที่ถูกหรือยัง”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup