อดีตที่ปรึกษาด้านไอทีลุกมาทำ “กัมมี่วีแกน” เปลี่ยนของกินยากให้กินง่ายมัดใจตลาดคนรักสุขภาพ
Text : จีราวัฒน์ คงแก้ว
คนรักสุขภาพต่างรู้ดีว่า “แอปเปิ้ลไซเดอร์” ดีต่อสุขภาพ และคนที่มีปัญหาเรื่องระบบการย่อยและลำไส้ แต่รูปแบบที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน กลับกินยากกินเย็น เป็นของมีประโยชน์ที่รสชาติโหดใช่เล่น นั่นเองที่ทำให้สาวที่ปรึกษาด้านไอที (IT Consultant) วัย 27 ปี อัน-ภิญญา ศุภภิญญาโรจน์ ลุกมาปลุกปั้นแบรนด์ Golster เปิดตัวด้วย แอปเปิ้ลไซเดอร์ในรูปแบบกัมมี่ ที่เคี้ยวง่าย รสชาติดี ได้คุณประโยชน์ครบ แถมยังเป็นกัมมี่วีแกนที่คนอยากเลี่ยงเนื้อสัตว์กินได้อย่างสบายใจอีกด้วย
เริ่มด้วยโจทย์เปลี่ยนของมีประโยชน์แต่กินยากให้กินง่าย
การนั่งมองคนรักที่อยู่ท่ามกลางสารพัดวิตามินมีประโยชน์ แต่กลับเลือกปล่อยให้หมดอายุมากกว่ากินให้หมด เพราะรสชาติที่ไม่ได้ จนเห็นว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในรูปแบบกัมมี่ซึ่งนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นเพียงกระปุกเดียวที่คนเอือมวิตามินกินจนหมดกระปุก
ภิญญา ซึ่งเป็นสาวกแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่ต้องกินทุกเช้า และทรมานเพราะรสชาติมาตลอด จึงเกิดความคิดที่อยากทำให้แอปเปิ้ลไซเดอร์กลายเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกัมมี่ เยลลี่เคี้ยวง่ายและอร่อย แถมคุณประโยชน์ครบถ้วนดูบ้าง จึงเริ่มต้นศึกษาหาโอกาสและนวัตกรรมที่ใช่ จนสามารถปล่อยแบรนด์เพื่อสุขภาพน้องใหม่ “Golster” (โกลสเตอร์) ออกสู่ตลาดได้สำเร็จเมื่อ 2 ปีก่อน
ความน่าสนใจของกัมมี่เพื่อสุขภาพจากแบรนด์ Golster คือการประกาศตัวเป็นวีแกนตั้งแต่วันเริ่มต้น
“โดยทั่วไปการทำกัมมี่เขาจะใช้เจลาตินที่มาจากสัตว์ ซึ่งกลุ่มที่เป็นวีแกนก็ไม่ค่อยสบายใจที่จะกินเท่าไร โดยส่วนตัวเองเป็นคนที่กินอาหารเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว มองว่าตลาดของกินเล่นที่เป็นเยลลีวีแกนนั้นยังไม่ค่อยมี จึงเป็นความต้องการหลักในตอนนั้นเลยที่จะทำให้กัมมี่ของเราเป็นวีแกน”
ที่มาของการเลือกใช้เพกติน (Pectin) สารจากพืชเพิ่มความหนึบของเยลลี่ แทนเจลาตินที่มาจากสัตว์ ประกาศตัวเป็นกัมมี่เพื่อสุขภาพของชาววีแกน
สินค้าตอบโจทย์คนบอกต่อ แบรนด์ปังเพราะโซเชียล
ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ออกสู่ตลาดโดยเน้นการขายออนไลน์เป็นหลัก และเติบโตแบบออร์แกนิกขนานแท้ จากการบอกต่อปากต่อปาก ใครจะคิดว่าวันหนึ่งแบรนด์ Golster จะกลายเป็นกระแสในทวิตเตอร์ เมื่อมีคนกินแล้วแชร์ต่อ
“มันเริ่มจากมีคนกินแล้วชอบ เพราะรู้สึกว่าของเราแปลกใหม่ ยังไม่เคยมีในตลาดมาก่อน เลยเอาไปโพสต์ ปรากฏมีคนซื้อตามกันเยอะมาก แล้วโพสต์ตามๆ กัน เหมือนเพื่อนบอกต่อเพื่อน หลายๆ คนก็เห็นแบรนด์เราจากในทวิตเตอร์นี่แหล่ะ อย่างเวลาไปออกบูธก็มีคนมาถามว่า นี่แบรนด์ที่อยู่ในทวิตเตอร์ใช่ไหม อะไรแบบนี้ ซึ่งในทวิตเตอร์เราไม่เคยยิงโฆษณาเลย ออร์แกนิกแบบสุดๆ”
การแชร์แบบออร์แกนิก ทำให้พวกเขาค้นพบอะไรหลายอย่าง กระทั่งสรรพคุณสินค้าที่ลูกค้าเป็นคนบอกกลับมาด้วยซ้ำ อย่างเช่น ซื้อไปกินเพื่อลดความอยากขนม ของคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เรียกว่าเกินไปกว่าจุดขายที่พวกเขาได้ประกาศไว้
“จริงๆ สรรพคุณของแอปเปิ้ลไซเดอร์ จะช่วยเรื่องระบบกระเพาะอาหารและระบบลำไส้ ทำให้ลำไส้ของเราดีขึ้นในระยะยาว เขาจะช่วยปรับสมดุลในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดความอยาก ลดการกินจุกจิกลงได้ด้วย ซึ่งนี่เป็นผลพลอยได้ที่ลูกค้ารีวิวกลับมา แทนที่เขาจะไปพูดเรื่องท้องผูกกลับกลายเป็นกินแล้วน้ำหนักลด ซึ่งจริงๆ นี่ไม่ใช่จุดขายของเราเลย แต่ตอนนี้กลายเป็นจุดขายไปแล้วเพราะลูกค้า” เธอบอก
ลูกค้าของพวกเขาอยู่ในวัยตั้งแต่ 20 ต้นๆ ขณะคนที่คนอายุมากขึ้น ก็ไม่ได้ซื้อแค่ให้ตัวเองเท่านั้น แต่มักซื้อไปฝากลูกหลานด้วย โดยลูกค้าส่วนใหญ่คือผู้หญิงเป็นหลัก แม้จะชูจุดขายเรื่องการเป็นวีแกน แต่เธอยอมรับว่า ยังมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นวีแกนไม่มากนัก
“มองว่าคนไม่ได้สนใจเรื่องเป็นวีแกนเท่าไร เพราะเดี๋ยวนี้คนที่กินวีแกนจริงๆ ก็เริ่มมีความอะลุ่มอล่วยในการกินมากขึ้น ไม่ได้ต้องวีแกน 100 เปอร์เซ็นต์ อะไรขนาดนั้น แต่ก็ถือว่า เราขอเป็นหนึ่งในทางเลือกของชาววีแกน อยากให้เขามองมาที่แบรนด์เราแล้วสบายใจที่จะกิน”
เติบโตตามเทรนด์สุขภาพ พัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตลาด
แม้ลูกค้าวีแกนจะไม่ได้มากนัก แต่เธอบอกว่า ตลาดคนรักสุขภาพยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เลือกสินค้าที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ขณะที่บ้านเรายังมีอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพเยอะมาก ต่างช่วยกระตุ้นให้ตลาดนี้เติบโต ส่งผลต่อธุรกิจของพวกเขาที่เชื่อว่ายังเติบโตได้อีกเรื่อยๆ รับเทรนด์สุขภาพที่เกิดขึ้น
หนึ่งในสัญญานการเติบโต คือการพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันนอกจาก แอปเปิ้ลไซเดอร์ในรูปแบบกัมมี่ พวกเขายังมีวิตามินรวมในรูปแบบกัมมี่ และกัมมี่แก้แฮงค์ บรรเทาอาการเมาค้างของสายปาร์ตี้อีกด้วย
“เรายังมีสินค้าอยู่อีกหลายตัว แต่ยังไม่อยากปล่อยออกมา เพราะต้องมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อยากรอให้ปังกว่านี้ก่อน โดยแนวทางในการพัฒนาสินค้า เราจะคิดจากสิ่งที่คนใช้ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก อะไรที่จำเป็น เป็นสิ่งที่คนน่าจะต้องการกัน แต่คนยังทำน้อย ค่อนข้างจะนิช (Niche) หน่อย ส่วนอะไรที่มีอยู่เยอะแล้วในตลาด ก็ไม่ค่อยอยากจะไปทำให้มันเยอะเข้าไปอีก อย่าง แอปเปิ้ลไซเดอร์ มีคนทำอยู่แล้วก็จริง แต่จะเป็นแบบเม็ด หรือเป็นผงชงดื่ม ซึ่งก็ทานยากอยู่ดี ฉะนั้นอะไรที่ผู้บริโภคอยากหาทางเลือกที่ทานง่าย เราจะทำ”
ภิญญา บอกเราว่าแนวทางพัฒนาสินค้าในอนาคต อาจไม่ได้มีเพียงรูปแบบของกัมมี่เท่านั้น แต่ยังเน้นกินง่ายและเป็นวีแกนอยู่ ตามความมุ่งมั่นในวันเริ่มต้นของพวกเขา โดยอาจมีการทำงานที่คอลแลบกับอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพมากขึ้นด้วย
ในมุมมองของคนรุ่นใหม่ ที่ออกจากงานประจำ มาเป็นผู้ประกอบการและก่อร่างสร้างฝันของตัวเองจนสำเร็จ ภิญญา บอกเราว่า หัวใจสำคัญที่ต้องมี คือ “แพสชั่น” (Passion) ในสิ่งที่ทำ
“ก่อนหน้านี้ทำงานที่ปรึกษาด้านไอที ซึ่งไม่เกี่ยวกับสินค้าเพื่อสุขภาพใดๆ ทั้งสิ้น ที่มาจับธุรกิจนี้ ต้องบอกว่า เกิดจากแพสชั่นล้วนๆ โดยส่วนตัวมองว่า อะไรที่เรามีแพสชั่นกับมัน เราจะอยากทำ อยากสู้ จะไม่เหนื่อย และมีความสุขในทุกๆ วันที่ได้ทำ เพราะการทำอะไรเป็นของตัวเองนั้นย่อมเหนื่อยกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้ว ฉะนั้นต้องเริ่มจากสิ่งที่ชอบ ถึงจะใส่กับมันได้เต็มที่”
Golster คือหนึ่งในแบรนด์ของคนรักสุขภาพ ที่จะมาร่วมงาน PLANT BASED FESTIVAL ปี 2023 นี้ ซึ่งเป็นการเข้าร่วมเป็นปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จอย่างมากจากปีที่ผ่านมา โดยพวกเขาเตรียมขนของแจกและผลิตภัณฑ์ใหม่มาต้อนรับสายสุขภาพทุกคน
ช่องทางติดต่อ Golster
FB : Golster
IG : Golster Official
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup