พลิกที่ตาบอดมาทำ “บ้านสวนพาฝัน” คาเฟ่สุดฮิตที่ต้องจองคิวล่วงหน้า!
จะมีสักกี่คนที่กล้าเปิดคาเฟ่บนที่ตาบอด แถมอยู่ไกลถึงบ้านแพ้ว สมุทรสาคร ซึ่งต้องซอกแซกเข้าไปอีกค่อนข้างลึก ทั้งยังจะต้องนั่งเรือไปอีกจึงจะถึงที่หมาย แต่เพราะความบ้าบิ่นของ ตาว-ฌัลลิกา วันวงษ์ และ ปุ่น-ฌนกมน ดิษยวราธร ที่ทั้งไม่มีเงินทุนและไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่กลับสามารถปลุกปั้น บ้านสวนพาฝัน ให้กลายเป็นคาเฟ่ที่ถ้าจะมาที่นี่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น
เพราะความดื้อบวกรวมกับ Passion จึงทำให้เกิดเป็นบ้านสวนพาฝัน คาเฟ่ในสวนที่ถ้าจะมาก็ต้องจองคิวกันล่วงหน้า ทั้งๆ ที่อยู่ถึงบ้านแพ้ว
“ไม่มีเงินทุนเลย มีแค่ไอเดีย ครอบครัวทุกคนคัดค้าน ไม่มีใครเห็นด้วย บอกว่าจะเป็นไปได้ยังไงเปิดคาเฟ่ในสวนที่ไกลๆ แบบนี้”
ปุ่นเล่าว่าทั้งคู่ไม่มีเงินทุนจริงๆ และไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่สุดท้ายพ่อเห็นถึงความตั้งใจเลยยอมเอาที่ไปจำนอง เพื่อเอาเงินมาให้ลงทุนด้วย การเริ่มต้นของบ้านสวนพาฝันจึงต้องประหยัดที่สุดทุกบาททุกสตางค์ เช่น เลือกใช้ของมือสอง การไม่มีกาแฟสด เพราะไม่มีเงินซื้อเครื่องชงกาแฟ เป็นต้น
จากที่เปิดวันแรกไม่มีสตางค์เหลือเลยสักบาท รูดบัตรเครดิตทุกใบจนเต็ม เปิดเพียง 1 เดือนเจอฤทธิ์โควิด สมุทรสาครโดนล็อกดาวน์ แต่ด้วยความเป็นนักสู้ไม่ยอมแพ้ จึงปรับตัวตลอดเวลา หันไปทำขนมเค้กส่งบ้าง ใช้เวลาว่างมาทำคอนเทนต์ เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย บ้านสวนพาฝันก็พลิกมาปังในทันที
จนมาวันนี้ใครจะเชื่อว่าคาเฟ่ในสวนที่ลึกจะมีลูกค้าเพียบ ชนิดที่รอคิวที่ท่าเรือจนรอไม่ได้ จนต้องจองคิวกันล่วงหน้าและเต็มเร็วในทุกวันหยุด
คาเฟ่กลางสวน บนพื้นที่เกือบ 2 ไร่ 22 โต๊ะนี้มีอะไรน่าดึงดูด ทำไมใครๆ ต้องดั้นด้นมา แน่นอนว่านอกเหนือจากบรรยากาศ ขนมเค้กที่ทั้งน่ารักและแสนอร่อย เมนูเครื่องดื่มที่ปรับเปลี่ยนทุก 6 เดือน มากไปกว่านั้นคือ พลังของโซเชียล และนี่คือเคล็ดลับความสำเร็จของบ้านสวนพาฝัน
มัดใจด้วยการแชร์ความรู้ผ่านคอนเทนต์
“ก่อนคิดจะได้ต้องให้ก่อน ให้ง่ายที่สุดคือให้ความรู้” ตาวบอกกับเราเช่นนั้น และนั่นทำให้การทำคอนเทนต์ของบ้านสวนพาฝัน นอกจากจะมีคอนเทนต์ทั่วไปแล้ว ยังมุ่งเน้นไปที่คอนเทนต์ที่ให้ความรู้ในการทำธุรกิจ เช่น เปิดคาเฟ่ต้องมีอะไรบ้าง สอนการทำเค้ก เป็นต้น และกลายเป็นจุดเด่นของช่องบ้านสวนพาฝัน ที่ทำให้คนดูรู้สึกถึงความจริงใจและความตั้งใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์การทำคาเฟ่จริงๆ จนนำไปสู่ความน่าเชื่อถือ และเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านสวนพาฝัน
“เราทำคลิปสอนการทำมอคค่าพอท มีงบ 2,000 บาทก็สามารถเปิดร้านกาแฟได้ เป็นคลิปแรกที่เป็นไวรัล แตะล้านวิวเร็วมาก เราเอาเครื่องมอคค่าพอท เตาแก๊ส มาตั้งแล้วก็สอนวิธีการทำ เล่าจากประสบการณ์จริง ซึ่งตอนนั้นมีสถานการณ์โควิดแล้วล็อกดาวน์ คนก็เริ่มอยากจะหาอาชีพที่ทำที่บ้านได้ ขณะเดียวกันส่วนใหญ่ตอนนั้นคลิปใน TikTok จะเป็นคลิปเต้น พอเราทำคลิปที่เป็นการ Educate คนก็เลยสนใจ เลยเป็นคอนเทนต์ที่ทำให้คนรู้จักเรา ดังขึ้นมาเลยว่าร้านอยู่ที่ไหน สอนไหม เราก็เฮ้ย! มันไม่ธรรมดานะ”
ยั่วยวน คุ้มค่า ตรงปกไม่จกตา
เนื่องเพราะบ้านสวนพาฝันตั้งอยู่ในสวนที่บ้านแพ้ว ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ต้องขับรถราวชั่วโมงครึ่ง แถมยังต้องนั่งเรืออีกนิดหน่อย ด้วยการเดินทางที่ไกลเช่นนี้ จึงต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่า คุ้มเวลา และอิ่มใจเมื่อมาเยือน ฉะนั้นทุกเมนูจึงผ่านการคิดและรังสรรค์ ตกแต่งสวยงามด้วยดอกไม้ และอื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้ถ่ายภาพสวยๆ ได้โมเมนต์ดีๆ กลับไป ที่สำคัญคือ สิ่งที่ลูกค้าเห็นในโซเชียลอย่างไรของจริงก็ต้องเป็นเช่นนั้น
“บางทีแก้วที่ใส่เครื่องดื่มสำหรับเมนูนี้หมด เราจะถามลูกค้าก่อนเลยว่าขอเปลี่ยนแก้วได้ไหม ปริมาณเท่ากันนะ ถ้าลูกค้าโอเค ขอแค่ให้ได้ถ่ายรูป เราถึงจะเปลี่ยนแก้ว ในคอนเทนต์บนโซเชียลเราจะเขียนเลยว่าบางทีดอกไม้อาจจะไม่เหมือนในรูปนะ แต่คอนเซปต์ของเมนูยังเหมือนเดิม แล้วลูกค้าจะมาคอมเมนต์ว่าจะมาขอพิสูจน์ว่าจริงมั้ย หรือมาแล้วบอกว่าเหมือนในรูป ก็กลายเป็นคอนเทนต์ที่ส่งต่อไปอีก”
ปุ่นกล่าวเสริมด้วยว่า คอนเทนต์บนโซเชียลคือสิ่งเดียวที่ทำให้ลูกค้าเจอบ้านสวนพาฝัน และมีหน้าที่ยั่วยวนให้ลูกค้ามา แม้วันนี้ลูกค้าอาจจะยังมาหาไม่ได้ แต่ถ้าเขารู้จักแล้วเมื่อถึงวันที่เหมาะสมเขาก็จะมาหาเรา
อย่าลืมทำคอนเทนต์ออฟไลน์
ปุ่นบอกว่าการทำคอนเทนต์เพื่อสื่อสารกับลูกค้า หรือทำให้คนรู้จักบ้านสวนพาฝันในแง่มุมต่างๆ มากขึ้น ไม่ได้มีแค่บนโซเชียลเท่านั้น แต่คอนเทนต์ในร้านก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ด้วยเหตุนี้ ที่นี่จะให้ความสำคัญกับการบริการ สิ่งที่พนักงานในร้านจะต้องสื่อสารกับลูกค้า เพราะถ้าคอนเทนต์บนโซเชียลดี แต่ไม่ได้ทำให้ลูกค้าประทับใจเมื่อมาบ้านสวนพาฝัน เขาก็จะไม่กลับมาซ้ำอีกครั้ง
จากความอินสู่ความผูกพัน
“ความอินทำให้อร่อยขึ้น” คำกล่าวนี้ของตาวอธิบายถึงความผูกพันของคนที่ติดตาม จนทำให้หลายคนรู้สึกรักบ้านสวนพาฝันไปด้วย
จริงๆ ในการทำคอนเทนต์ จุดเด่นไม่ได้เป็นแค่โปรดักต์ แต่สิ่งสำคัญคือ เป็นตัวบุคคลหรือเจ้าของนี่แหละ เมื่อปุ่นเป็นคนชอบบอกเล่า เป็นคนที่รู้ดีที่สุดเพราะเป็นเจ้าของ การทำคอนเทนต์โดยเจ้าของจึงง่ายที่สุด แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ความผูกพันและความน่าเชื่อถือที่เหนือความคาดหมาย
“ลูกค้าหลายคนมาเจอเรา เขาไม่รู้สึกว่าเป็นลูกค้า แต่เหมือนคนที่รู้จักกันมานาน เหมือนเขาซื้อเราตั้งแต่ยังไม่มาร้าน เค้กก้อนนี้ที่เขากินจะอร่อยกว่าเค้กของโต๊ะนั้นที่ไม่รู้จักเรา นอกจากนี้ ยังเป็นการกรองลูกค้า สมัยก่อนร้านค้าอยากจะขายของให้ทุกคน แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว เราต้องขายถูกคนคือคนที่เป็นลูกค้าเรา แล้วจะทำให้เกิดปัญหาน้อย เพราะคนที่เป็นลูกค้าพร้อมที่จะเข้าใจเรา”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup