Starting a Business

จากพนักงานออฟฟิศสู่ผู้ผลิตเสื้อมัดย้อม เริ่มต้นจาก 0 สู่ออร์เดอร์หลักพันตัวที่สร้างรายได้แตะ 6 หลัก

 

Text : Yuwadi.s

     บางทีโอกาสก็เข้ามาตอนที่เราไม่ทันตั้งตัว แม้จะไม่พร้อมแต่บางครั้งก็ต้องคว้าเอาไว้! นี่คือเรื่องราวของอดีตพนักงานออฟฟิศที่ผันตัวมาเป็นผู้รับผลิตเสื้อมัดย้อมให้แบรนด์ดังขึ้นห้าง เธอเริ่มต้นจาก 0 ไม่เคยทำเสื้อมัดย้อมมาก่อน แต่ก็มีออร์เดอร์เข้ามาจนถึงวันที่ต้องลงมือทำจริงจัง ณ ปัจจุบัน จู-ชวนพร หวังเจริญ คือผู้รับผลิตเสื้อมัดย้อมที่มีออร์เดอร์เข้ามาไม่ขาดสายโดยที่ไม่ต้องทำการตลาด แต่พิสูจน์ด้วยฝีมือที่ทำให้ลูกค้าติดใจ

 

เริ่มต้นจากการขายสีมัดย้อมในไอจีช่วงหางาน

     โดยจูเล่าให้ฟังว่าเธอเป็นพนักงานออฟฟิศทั่วไป ทำงานประจำตั้งแต่เรียนจบ จนมีช่วงหนึ่งหลังที่เธอกลับมากรุงเทพฯ หลังไปเรียนต่อญี่ปุ่นมาหนึ่งปีครึ่ง เธอมองหางานประจำพร้อมกับลองเอาสีมัดย้อมมาขายในไอจีเพื่อหารายได้ระหว่างหางาน โดยไม่ได้คิดว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ผลิตเสื้อมัดย้อม

     “แม่เราเป็นครูสอนทำเสื้อมัดย้อมของศูนย์ฝึกอาชีพ กทม. เราเริ่มจากการเอาสีของแม่มาแบ่งขายในไอจี ชื่อ  Tietodyefor_closet ตอนนั้นเราทำเสื้อมัดย้อมไม่เป็นเลย ไม่เคยทำ ไม่รู้ด้วยว่าต้องผสมยังไง รู้แค่ว่าอยากหารายได้ จนเริ่มขายสีในไอจีไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีคนติดต่อมาว่ารับทำเสื้อมัดย้อมไหม แต่เราทำไม่เป็น ก็ยังไม่ได้รับทำ จนมีช่วงหนึ่งที่เราอยากลองทำ เพราะเวลาที่ลูกค้ามาซื้อสี แล้วอยากรู้สูตรหรือว่าติดปัญหาตรงไหน เราจะได้ตอบเขาได้ เราก็ลองทำและมีแม่คอยช่วยบอก ระหว่างนั้นก็มีออร์เดอร์เข้ามาเรื่อยๆ ว่ารับทำเสื้อมัดย้อมไหม เราก็ยังไม่กล้ารับ จนขายสีมาเรื่อยๆ 2-3 ปี มีออเดอร์หนึ่งที่เรารู้สึกว่าน่าจะพอทำได้ สีมันไม่ได้ยาก เลยลองรับงานดู ทีละ 1 ตัว 2 ตัว ลูกค้าก็ฟีดแบคกลับมาว่าโอเคบ้าง ไม่โอเคบ้าง เราก็ปรับปรุงมาเรื่อยๆ”

     หลังจากนั้น จุดเริ่มต้นของการรับงานผลิตเสื้อมัดย้อมอย่างจริงจังก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีลูกค้ารายใหญ่ติดต่อเข้ามาผ่านคุณแม่ กลายเป็นการปูทางที่ทำให้เธอรับงานถึงหลักพันตัว

 

 

  “ตอนเริ่มทำจริงจัง มีลูกค้าเจ้าหนึ่ง มีชื่อขายอยู่ในห้าง ติดต่อมาผ่านคุณแม่ (เพจมัดย้อม บ้านครูเอ๋) คุณแม่ก็ถามว่ารู้จักไหม เราก็รู้จักเพราะเราเป็นลูกค้าเขา ตอนนั้นเราอยากทำ คุยกับแม่ว่างั้นก็ต้องลอง เราต้องทำให้ได้เยอะกว่านี้ เขาเริ่มจากเอาเสื้อตัวอย่างมาให้ลองว่าเราจะทำได้จริงจังหรือเปล่า เราก็ลองทำ เริ่มจากการแกะสีจากกระดาษที่เขาพิมพ์มา จนรู้ว่าโอเค สีนิ่ง ลูกค้าก็เริ่มเอาเสื้อมาลงให้ทำทีละ 200 ตัว 300 ตัว 400 ตัว”

     โดยจูเล่าว่าผ่านไป 3 เดือน เธอเจอกับออร์เดอร์ล็อตใหญ่ จำนวน 2,000 ตัว เป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญในการทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง เธอจึงระดมทีมและสามารถผ่านออร์เดอร์ครั้งนั้นไปได้ในเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นก็รับผลิตเสื้อมัดย้อมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

     “เราเริ่มได้ 3 เดือน ลูกค้าถามว่าคุณจูไหวไหมคะ 2,000 ตัว ตอนนั้นเรายังทำงานประจำด้วย ขายสีในไอจีด้วย 9 โมงถึง 5 โมงเย็นทำงานประจำ กลับมาแพ็คของที่เราขายสี หลังจากนั้นก็ทำออร์เดอร์เสื้อ วนลูปแบบนี้จนเหนื่อยเกินไป พอออร์เดอร์เจ้าใหญ่เข้ามา เลยดึงแฟนเข้ามาช่วย ดึงคุณแม่มาช่วย เราก็คิดว่า 2,000 ตัว มีกัน 3 คนจะไหวไหม ก็ลังเลจะรับดีไหม ปรึกษาแม่ แม่บอกไหว รับเลย แม่ก็ไปขอความช่วยเหลือจากนักเรียนในการมัดเสื้อ แต่คนลงสีจะเป็นเรา คนผสมสีจะเป็นเรา ผ่านไปเดือนกว่า ออร์เดอร์ 2,000 ตัวจบ ก็รู้ว่าเราไหว แต่ในช่วงที่เราทำงานประจำ 9 โมงถึง 5 โมงเย็น งานออร์เดอร์เสื้อจะไม่มีคนทำ ตอนนั้นเรายังไม่อยากออกจากงาน เราเลยจ้างลูกจ้างคนหนึ่งมาฝึกเขา แต่เรายังผสมสีเองอยู่ กลับจากทำงานเราจะผสมสีให้เขา ตอนเช้าเขาก็จะลงสีให้เรา”

 

 

ลูกค้าเข้าแบบไม่ต้องทำการตลาด

     จูเล่าว่าหลังจากนั้นก็มีออร์เดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ได้ทำการตลาดหรือโปรโมตใดๆ แต่เป็นเพราะการบอกปากต่อปากของลูกค้า ทำให้มีออร์เดอร์จากลูกค้าคนอื่นเข้ามา

     “หลังจากตอนนั้นเราก็เน้นทำแนวแกะสีตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าอยากได้แบบไหน เราทำให้ได้ ลายแบบไหน เราก็ทำได้ เป็นการทำมัดย้อมตามสั่ง กลายเป็นจุดเด่นของร้านเราเลยที่ทำให้ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก เราไม่ได้ทำการตลาดเลย ลูกค้าบอกต่อกันเอง เราว่าเป็นเพราะเขาได้ตามที่เขาต้องการ เหมือนมีแบบในหัวอยู่แล้วแต่ที่อื่นอาจจะทำไม่ได้ ไม่ตรง ลูกค้าบางคน ก่อนจะมาถึงเรา เขาก็มีส่งให้ที่อื่นลองทำดูก่อนหรือส่งไปหลายๆ ที่ว่าทำได้ไหม แต่ส่วนใหญ่เขาก็โอเค เราก็ได้งาน อาจเป็นเพราะเราขายสีเองด้วย มีโอกาสเล่นสีได้เยอะ เรารู้จักสีของเราดี”

     โดยจูเล่าว่าการทำเสื้อมัดย้อมก็เหมือนการทำอาหารตามสั่ง ต่อให้ใช้ทัพพีเดียวกัน สูตรเดียวกัน แต่ทำออกมาอาจจะรสชาติไม่เหมือนกัน การผสมสีมัดย้อมก็เช่นกัน ทำให้ร้านของเธอมีจุดเด่นตรงที่สามารถผสมสีได้ตรงตามใจลูกค้าจากที่เธอสั่งสมประสบการณ์ผสมสีมา

     “การผสมสี เราว่ามันคล้ายกับการทำอาหารตามสั่ง ใช้ทัพพีเดียวกัน ช้อนตวงเดียวกัน แต่คนละคนผัด มันก็รสชาติไม่เหมือนกัน เราเคยลองให้คนอื่นผสมสีให้ ใช้สูตรเดียวกับเราเป๊ะ ก็ออกมาไม่เหมือนกัน ตอนนี้เราเลยเพิ่งออกมาจากงานประจำเพื่อทำมัดย้อมเต็มตัว เพราะงานมัดย้อมหลักๆ มาจากเรา เราก็เลยต้องทำให้มันนิ่งกว่านี้ถึงจะปล่อยได้”

     เธอได้ปิดท้ายว่ากรทำธุรกิจต้องทำออกมาจากใจ ใส่ใจและนึกถึงลูกค้าที่เป็นผู้ใช้งานด้วย ไม่ใช่แค่ขายของให้ลูกค้าแล้วจบไป ฉะนั้น เธอจึงใส่ใจชิ้นงานในแต่ละตัวที่จะออกมา

     “สมมติถ้าลูกค้าเอาเสื้อเราไป ต้องนึกถึงตอนที่เขาเอาไปขายให้ลูกค้าของเขา ไม่ใช่แค่เราขายให้แล้วจบ ต้องนึกถึงคนใช้งานว่าได้เสื้อไปแล้วโอเคไหม มีรอยเปื้อนนิดหนึ่งก็ไม่โอเค เรามีคติที่ว่าเราขายให้ลูกค้าก็จริงแต่ไม่ได้ขายให้แค่เขา เราต้องขายให้ลูกค้าเขาด้วย ถ้าเสื้อมีรอยเปื้อน เราอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้แต่เราไม่มีโอกาสไปอธิบายให้ลูกค้าของลูกค้าฟังได้ ให้ทุกอย่างมันจบที่เราดีกว่า เรารักในสิ่งที่ทำ เราทำออกมาจากใจ มันเลยออกมาในรูปแบบของชิ้นงาน”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup