Text : Yuwadi.s

     ใครจะคิดว่าเพราะรถติดหนักในวันหนึ่ง เป็นเหตุในผู้หญิงคนหนึ่งตัดสินใจลาขาดจากงานประจำและมาทำขนมขายอย่างเต็มตัว ที่สำคัญยังสร้างรายได้สุดปังกว่าการทำงานประจำหลายเท่าตัว นี่คือเรื่องราวของผู้ก่อตั้งร้าน Bam Blu Bakery อย่าง เอ๋ - อรพรรณ กลั่นดี อดีตผู้จัดการคอนโดใจกลางเมืองที่ชอบกินขนมและอยากทำกินเองเพื่อคลายเครียดจากการทำงานและการเผชิญรถติด จากงานอดิเรกกลายเป็นงานหลักที่สร้างรายได้หลักแสนให้กับเธอในวันนี้

 

 

จากผู้จัดการคอนโดสู่เจ้าของร้านขนม

     โดยเอ๋เล่าว่าเธอเป็นผู้จัดการคอนโดย่านสุขุมวิท แต่บ้านพักของเธออยู่ย่านสมุทรปราการ ในช่วงหลังเธอต้องเผชิญกับรถติดทุกวัน ขณะเดียวกัน เธอก็เริ่มทดลองทำขนมเพื่อคลายเครียดจากการทำงาน จนขนมของเธอกลายเป็นรายได้เสริม

     “เราทำงานที่สุขุมวิท 39 ดูแลลูกบ้าน เก็บค่าน้ำค่าไฟ ดูแลตึก ทำมาหลายปี ส่วนบ้านเราอยู่สมุทรปราการ ไกลกันมาก เมื่อก่อนรถก็ไม่ได้ติดอะไร แต่ตอนหลังมันติดมากทั้งเช้าและเย็น ทีนี้เราก็เริ่มทำขนมไปด้วย เพราะอยากคลายเครียด ไม่ได้อยากหารายได้เสริมอะไร เพราะตอนนั้นเราทำงานกับแฟน 2 คน ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่พอเริ่มทำขนม ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก ก็มีเพื่อนสนใจ ทำขายไหม อยากลองกิน เราเลยลองขายดู มันก็มีรายได้เสริมเข้ามาแบบ 500 – 1,000 บาทต่อวัน ตอนนั้นเรายังทำคู่กับงานประจำ”

     หลังจากเธอทำขนมเพราะคลายเครียดผ่านไปสักพัก การทำขนมสามารถทำเงินได้เยอะกว่างานประจำ และจุดที่ทำให้เธอตัดสินใจลาออกจากงานนั่นคือวันที่เธอต้องเผชิญกับรถติดหนักจนท้อใจ เธอจึงหันหลังให้งานประจำและมาเป็นเจ้าของร้านขนมเต็มตัว

     “เรายังทำงานประจำและเริ่มทำขนมเก่งขึ้น พัฒนาฝีมือเรื่อยๆ ตอนแรกเราก็ไม่ได้ขายแบบห่วงหน้าตาขนม ไม่ได้สวยงาม ทำเหมือนคนหัดทำทั่วไป แต่ทำไปสักพัก เริ่มขายได้เยอะขึ้น คนอยากอุดหนุน กลายเป็นรายได้ขายขนมมันมากกว่าเงินเดือน 30,000 – 50,000 บาท ตอนแรกเริ่มจากเค้กในหม้อหุงข้าว ที่คนรู้จักเยอะๆ จนเริ่มมีขนมหลายตัว เราก็นึกว่าลูกค้าจะซาไป แต่กลายเป็นเขาอยากลองขนมใหม่ไปเรื่อยๆ แล้วก็บอกต่อ ย้อนมาตอนนั้นที่ลาออก มันมีวันหนึ่งที่รถแบบติดจริงๆ เราเลิกงาน 5 โมงครึ่ง แต่ 2 ทุ่มยังไม่ถึงบ้าน อยู่กลางถนนอยู่เลย มันเหนื่อยมาก ท้อมาก เลยตัดสินใจลาขาด ลาออกเลย เราก็ทิ้งเงินเดือนงานประจำไปเลย”

 

 

ขายขนมยังไงให้ได้วันละ 25,000 บาท

     สิ่งที่ทำให้ร้าน Bam Blu Bakery เป็นที่ติดใจของลูกค้านั่นคือบราวนี่ ซึ่งเป็นตัวเอกชูโรง ไม่ว่าใครก็ต้องรอสั่ง เพราะว่ามีให้เลือกหลายหน้า หลายรสชาติ นอกจากนี้ยังมีขนมเปี๊ยะที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง เปิดขายเมื่อไหร่ ก็หมดไวภายใน 2 นาที

     “จุดเด่นขนมของเราที่ลูกค้าชอบจะเป็นตัวบราวนี่ เรามีทั้งขายและเปิดคอร์สสอนทำ มีนักเรียนลงเรียนกว่า 3 พันคน ตัวบราวนี่เราจะมีหลายหน้าทั้งออริจินัล นูเทลล่า เนยถั่ว ลูกเกด ลูกค้าก็จะชอบ มีลูกเล่นให้เลือกหลากหลาย แต่อีกตัวที่ขายดี ณ ปัจจุบัน ที่ลูกค้ารอคอยคือขนมเปี๊ยะ ไส้ถั่วแดง ต้องบอกว่ามันเป็นงานแฮนด์เมดจริงๆ ตั้งแต่กวนถั่ว ทำให้ได้ขนมต่อวันค่อนข้างน้อยแต่ขายดีมาก แต่ถามว่าความจริงเราอยากทำบราวนี่มากกว่า เพราะใน 1 วัน ถ้าเราทำบราวนี่ เราทำได้ 50 ถาด ขายขั้นต่ำ ถาดละ 500 บาท เราได้วันละ 25,000 บาท แต่เราจะเป็นการรับออร์เดอร์ 1 วัน เปิดขาย 50 ถาด ทำขนมวันนี้ พรุ่งนี้เราตัด วันมะรืนเราส่งให้ ใช้เวลา 3 วัน โอเคพับเสื่อเก็บร้าน อาทิตย์นั้นอาจจะไม่ต้องทำขนมอีกเลย ส่วนขนมเปี๊ยะเราทำได้วันละ 20 ชุด ชุดละ 250 บาท วันละ 5,000 บาท ใช้เวลาเท่ากันแต่ทำขนมได้น้อยกว่า”

     การขายขนมของร้าน Bam Blu Bakery จะขายตามใจคนทำ โดยเอ๋เล่าว่าวันนี้อยากทำขนมอะไรก็จะเปิดขายและโพสต์ให้ลูกค้าจอง

     “เราเน้นขายในเฟซบุ๊กเป็นหลัก ไม่มีหน้าร้าน เพราะเราไม่อยากกดดันตัวเองว่าต้องตื่นมาทำขนมอันนี้ เราอยากมีฟีลแบบว่า วันนี้อยากทำอันนี้ขาย ก็ขาย วันนี้อยากทำบราวนี่ ก็ทำ อยากทำทอฟฟี่เค้ก ก็ทำ ลูกค้าแทบเลือกไม่ได้เลยว่าอยากกินอะไร ต้องซื้อตามที่แม่ค้าอยากทำ”

 

 

ไลฟ์สดทำขนม กลยุทธ์เรียกลูกค้า

     เอ๋เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เธอเริ่มทำขนม สิ่งที่เธอทำมาโดยตลอดนั่นคือการไลฟ์สดทำขนมให้ลูกค้าดู หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการเปิดเผยสูตรลับของร้าน แต่สำหรับเธอมองว่านี่คือกลยุทธ์ Win-win ทั้งร้านและคนดู จนเธอได้ลูกค้ามากมายมาจากการไลฟ์สดทำขนม

     “เราไลฟ์ทำขนมให้ลูกค้าดู บีบครีม แต่งหน้าเค้ก ทำบราวนี่ บีบดอกกุหลาบ พอเราไลฟ์สดมันจะเกิดการแชร์เยอะมาก คนเข้ามาดูเยอะ เหมือนเขาได้ความรู้ฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียเงินแลกกับการที่เราได้ผู้ติดตามเยอะมาก การที่เราทำให้เขาเห็นว่าเราใส่อันนี้ ใช้ช็อกโกแลตยี่ห้อนี้ เนยแบบนี้ น่ากินจังเลย ใส่แบบไม่หวงเลย กลายเป็นลูกค้ากลับมาซื้อเยอะพอสมควร แต่ช่วงนี้เราไลฟ์น้อยลง เหมือนเราไลฟ์ไปเยอะแล้ว เราเปลี่ยนมาเล่น Reels ในเฟซบุ๊ก มันจะทำให้ผู้ติดตามเยอะขึ้น เมื่อไหร่ที่คลิปเราติด คนก็จะดูเยอะมาก หลักหมื่น หลักแสนคน ลงแค่การทำขนมแล้วก็ขายได้ด้วยจากช่องทางนี้ เขาดูแล้วเห็นว่าเราทำอะไร ก็จะตามมาว่าขนมตัวนี้ต้องซื้อตรงไหน ช่วงนี้ก็ได้ลูกค้าจากทางนี้”

     โดยเอ๋ได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำร้านขนม นั่นคือความเอาใจใส่ลูกค้า ไม่ลดวัตถุดิบและคุณภาพของขนมเพื่อให้ลูกค้าได้กินขนมอร่อยๆ เหมือนที่เคยกินวันแรก

     “เราเน้นเลยว่าตั้งแต่เราค้าขายมา เราไม่เคยด่าลูกค้า ต่อให้ลูกค้าคอมเพลน เราจะใช้วิธีแก้ปัญหาคือขอโทษและจบ ทำให้ลูกค้าใหม่ ของที่มดขึ้น ทิ้งไปได้เลย เราทำให้ใหม่ ไม่เคยลดคุณภาพของขนมลงเลยแม้ต้นทุนจะขึ้น เราจะใช้วัตถุดิบตัวเดิม เอาลูกค้าไว้ก่อน ลูกค้าจะซื้อกินกี่รอบก็อร่อยเหมือนเดิม ใส่ใจลูกค้า คุยกับลูกค้า เราคุยเอง ปิดการขายเอง ไม่มีแอดมิน มีแค่เอ๋คนเดียวทุกแพลตฟอร์ม”

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup