Starting a Business

จากแอร์โฮสเตสสู่เจ้าของ Hakuna Matacha ไดฟุกุสตรอว์เบอรี่ ที่เสียน้ำตาหลายครั้งกว่าจะมี 7 สาขา

 

Text : Yosita T. 

     เพราะโลกความจริงของการทำธุรกิจมันโหดร้ายกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งขนาดไหนแต่เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ก็อาจทำให้ท้อและหมดกำลังใจได้เหมือนกัน แต่ถ้าผ่านไปได้ก็จะเติบโตและเข็มแข็งขึ้น เหมือนกับเรื่องราวของ วิว - ธนพร ภคนันท์วณิชย์ หญิงสาวที่พลิกบทบาทจากแอร์โฮสเตสมาเป็นเจ้าของธุรกิจ ขายสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ต ไดฟุกุสตรอว์เบอรี่ และเค้กสตรอว์เบอรี่ ภายใต้ชื่อแบรนด์ Hakuna Matacha

     แต่เส้นทางธุรกิจของเธอไม่ได้ง่ายเลย กว่าจะมาเป็น Hakuna Matacha ที่โด่งดังและสมบูรณ์แบบอย่างทุกวันนี้ วิวต้องเจอกับปัญหามากมายและต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง จนสามารถข้ามผ่านทุกอุปสรรคมาได้ ในวันนี้เธอจะมาแชร์ประสบการณ์และแนวคิดการเป็นเจ้าของธุรกิจและการสร้างแบรนด์ Hakuna Matacha ให้แข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้กัน

 

 

เริ่มต้นจากชานม ต่อยอดสู่สตรอว์เบอรี่โยเกิร์ต

     Hakuna Matacha เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นเพราะวิวเจอกับสถานการณ์โควิด 19 ระบาดจนต้องพักการบิน ระหว่างนั้นก็ต้องหารายได้เพิ่มจึงลองทำสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ตขายทางออนไลน์ เพราะเป็นคนชอบกินผลไม้และโยเกิร์ต แต่ไม่ได้ตั้งใจทำขายจริงจัง พอเริ่มมีเงินทุนเธอจึงนำไปเปิดร้านขายชานมแทน

     “วิวเป็นแอร์โฮสเตสแล้วต้องพักการบินเพราะโควิดระบาด ตอนนั้นก็คิดว่ามันไม่น่าจะหนักมากเดี๋ยวก็คงดีขึ้นเลยอยากทำอะไรขายเล่นๆ ไปก่อนเพื่อรอจะกลับไปบิน ก็เลยลองขายยางมัดผม แต่ก็ขายได้ไม่นานเพราะมันเป็นสินค้าที่มากับกระแสมาแล้วก็ไป จากนั้นอยากทำของกินขาย ก็คิดว่าเราชอบกินอะไร เราชอบกินพวกผลไม้ เลยเริ่มจากเอาสตรอว์เบอรี่มาผสมกับโยเกิร์ตแล้วให้เพื่อนๆ ลองชิม พอทุกคนบอกว่าอร่อยก็ลองขายทางออนไลน์ช่วงนั้นก็ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันสถานการณ์โควิดก็ไม่ดีขึ้น ทางบริษัทจึงเริ่มเสนอทางเลือกให้เราว่าจะอยู่ต่อหรือไป เราคิดว่าตัวเราเองทำงานมานาน แล้วก็อยากทำธุรกิจของตัวเอง เลยลาออกแล้วรับเงินก้อนมา เพื่อเอาไปลงทุนเปิดร้านชานมไข่มุกก่อน เพราะเราเคยเปิดร้านแฟรนไชส์ชานมไข่มุกเลยคิดว่าน่าจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ได้ที่ตรงสีลมขายดีมากเลยช่วงแรก แต่พอเข้าช่วงหน้าฝนคนก็จะไม่เดินมาซื้อ แล้วก็มีคู่แข็งเยอะขึ้นมาก ลูกค้าลดลงเรื่อยๆ เลยต้องหาทางออกเพราะไม่อยากเจ๊ง เลยตัดสินใจไปออกบูธตามห้าง”

     แต่เมื่อเวลาผ่านไป ได้ไปออกบูธแล้วสิ่งที่ได้รู้คือการทำชานมไข่มุกไปขายต้องใช้เวลาเยอะมากในการเตรียมของและขนไปตั้งบูธ เพราะความที่ต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองซึ่งลำบากเกินไป จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้กลับมาทำสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ต

      “นี่คือการออกบูธครั้งแรกแล้วทำทุกอย่างเองก็รู้สึกว่าทำไมมันลำบากขนาดนี้ เราต้องต้มชาต้มไข่มุกแล้วแบกขึ้นรถแล้วเอาไปตั้งที่ร้านอีก เลยลองเปลี่ยนเอาสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ตที่เคยทำขายออนไลน์มาวางขายดู ปรากฏว่าแค่เที่ยงเองโยเกิร์ตหมดแล้ว แต่ชานมขายไม่ได้เลย งั้นขายสตรอว์เบอรี่โยเกิร์ตดีกว่า จากนั้นก็ขายแต่โยเกิร์ตผสมผลไม้มาตลอดเลย มีทั้งสตรอว์เบอรี่ มะม่วง มะพร้าว แล้วก็ทำเค้กกล่องขายเพิ่ม ก็ขายดีมากจนทำคนเดียวไม่ไหวจนต้องหาคนมาช่วย”

 

 

จากออกบูธสู่ POP UP และ 7 สาขา

     เพราะการออกบูธตามห้าง ทำให้มีลูกค้าเยอะมากจนขายแทบไม่ทันเลยได้รับโอกาสให้เปิดร้าน POP UP ในห้าง และผลตอบรับจากการเปิดร้านก็ดีเกินคาด ถือว่าช่วงเวลานั้น Hakuna Matacha เป็นแบรนด์ที่ใครๆ ก็ต้องอยากมาลองซื้อลองชิมกันทั้งนั้น

     “เราออกบูธไปเรื่อยๆ จนมีวันหนึ่งไปออกบูธที่เซ็นทรัลพระราม 9 พนักงานทางห้างก็เดินมาหาเราแล้วเสนอให้เปิดร้าน POP UP ที่ห้าง เรารู้สึกดีใจมากแล้วตอบรับทันที กลายเป็นเรามี POP UP ที่เซ็นทรัลพระราม 9 ที่แรก เปิดร้านวันแรกเราก็กังวลว่าจะขายได้ไหม แล้วประมาณเที่ยงน้องที่ร้านก็โทรมาว่าของหมดแล้วต้องเติมของ พอสาขาแรกขายดีมาก เลยมี sale จากห้างอื่นๆ มาติดต่อด้วย เราก็รับทุกที่เลย กลายเป็นมี POP UP ทั้งหมด 4 สาขาในตอนนั้น ซึ่งทุกที่ขายดีมากแบบไม่น่าเชื่อ ซึ่งน่าจะเกิดจากการบอกต่อของลูกค้า พอหมดสัญญาจากร้าน POP UP เราก็เปิดเป็นร้านประจำหมด”

 
 

 

บทเรียนราคาแพง ขายดีแต่ทำไมสาขาสยามถึงไปไม่รอด

     หลังจากที่ได้เปิดหน้าร้านในห้างไปหลายสาขาแล้ว Hakuna Matacha ก็ได้มีโอกาสเปิดหน้าร้านที่สยามสแควร์ เป็นสาขาที่ 7 ด้วยความหวังว่าจะต้องขายดีมากเพราะเป็นย่านที่วัยรุ่นเยอะ แต่กลับกลายเป็นสาขาที่ยอดขายต่ำที่สุดและค่าใช้จ่ายเยอะที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นนี่คือสาขาสยามที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้มาเปิด แล้วก็ได้มาเปิดจริงๆ วิวจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่ออยากรักษาร้านที่สาขานี้เอาไว้ให้ได้

     “สยามเป็นสาขาที่ 7 ของเราที่ไปเปิดเป็นร้านประจำเลย และเป็นสาขาที่วิวใฝ่ฝันว่าอยากไปเปิดมาก แต่เป็นสาขาที่ยอดขายไม่ดีเลยและค่าใช้จ่ายสูงที่สุด อย่างที่ทุกคนรู้ค่าที่แพงมาก แต่เรารู้สึกว่าร้านเราน่าจะขายได้เพราะลูกค้าของร้านส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น แต่กลายเป็นว่าจังหวะเวลาที่เราไปเปิดมันไม่ดี มันเป็นช่วงที่สยามก่อสร้างพอดี แล้วคนมาเดินสยามน้อยมากเลยตอนนั้น โลเคชั่นร้านก็อาจจะไม่เหมาะกับแบรนด์เราด้วย เพราะแบรนด์เรามันไม่ได้ดังถึงขนาดที่คนจะรู้จักเยอะขนาดนั้น ด้วยข้อจำกัดของหน้าร้านที่มันไม่เหมือนคนอื่น เราก็ไม่รู้จะทำยังไงให้คนเดินผ่านไปมารู้ว่าเราขายอะไร ลูกค้าขาจรคือไม่ได้เลยขายได้แค่ลูกค้าประจำที่เขารู้ว่าเราไปเปิดที่นั่น ซึ่งลูกค้าประจำส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอยู่ตรงนั้นอีก ยอดขายก็เลยน้อยมากจนเริ่มเข้าเนื้อตัวเอง

     หลังจากที่ยอดขายน้อยมากจนแทบจะไม่ได้กำไร วิวเริ่มหันมาลงทุนกับการทำการตลาด เพราะที่ผ่านมา Hakuna Matacha ไม่เคยทำการตลาดอะไรเลย มีแต่ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก แต่เมื่อมาที่สาขาสยามที่กำลังวิกฤตแล้ว วิวจึงลองทำทุกอย่างที่คนอื่นทำจนสถานการณ์ของร้านเริ่มดีขึ้น แต่ต้องมาเจอกับปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร และนี่คือช่วงเวลาที่หนักที่สุดของวิวตั้งแต่เริ่มสร้างแบรนด์มา

     “ตอนที่ร้านยอดขายเริ่มดีขึ้น กลายเป็นว่าต้องมาเจอกับไฟไหม้ร้านอีก ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้เสียหายหนักมาก แต่มันก็ทำให้เราจำเป็นต้องปิดร้านเพราะเราต้องซ่อมแซม วิวเริ่มรู้สึกว่ามันหนักแล้วนะเราต้องปิดร้าน รายได้ก็หาย แล้วก็ต้องลงเงินไปซ่อมแซมอีกแล้วจากนั้นมันจะไปกระทบสาขาอื่นแล้วเพราะเราต้องเอากำไรของสาขาอื่นมาลงให้สาขานี้ ก็เลยหยุดแค่นี้ดีกว่าเพราะไม่ไหวแล้วเพราะต้องรักษาสาขาอื่นไว้ก่อนไม่งั้นเจ๊งหมดแน่ๆ วิวตัดสินใจปิดสาขาสยามไปเลยแล้วก็ให้เขายึดเงินมัดจำไป ตอนนั้นจิตใจวิวคือเสียใจหนักมากเพราะสาขาสยามคือที่ในฝันของวิวเลย”

     ถึงแม้จะต้องสูญเสียสาขาสยามที่เธอรักไป แต่สิ่งสำคัญคือเดินหน้าต่อเพื่อตัวเองและเพื่อพนักงานอีกหลายๆ คน วิวบอกกับเราว่า เธอเลือกเป็นเจ้าของแบรนด์ที่เติบโตไปอย่างช้าๆแต่ทำให้แบรนด์และพนักงานทุกคนอยู่กันไปได้นานๆ ถึงจะค่อยๆ โตแต่จะเติบโตอย่างแข็งแรงนั่นเอง              



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup