ถอดเคล็ดลับความสำเร็จ ครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ โภชนา (โพธิ์แจ้) ที่ฮึดสู้! สู่ธุรกิจเดลิเวอรีช่วยต่อลมหายใจจนปัง
อย่างที่เห็นกันว่าความหนักหนาของวิกฤตโควิด 19 ทำให้ธุรกิจล้มหายจากไปหลายราย ที่จะเอาตัวรอดพลิกวิกฤตเป็นโอกาสแล้วเกิดปังดังขึ้นมานั้นมีน้อยมาก แต่ ฑิฆัมภรณ์ คงสบาย หรือ กิ๊กซี่ กลับพลิกธุรกิจ ครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ โภชนา (โพธิ์แจ้) จังหวัดสมุทรสาคร ของครอบครัวที่กำลังจะปิดประตูยอมแพ้ เลิกกิจการ กลับมาเกิดใหม่ได้ในรูปของเดลิเวอรี่
ลองนึกภาพกันดู จากรายได้เป็นล้านๆ ต่อเดือน จากจำนวนโต๊ะจีนช่วงพีคๆ 500-600 โต๊ะต่อสัปดาห์ แล้วเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช่วงที่มีงานเยอะมีการจองโต๊ะจีนเข้ามาอย่างล้นหลาม แต่ทันทีที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาครแบบไม่ทันตั้งตัว นอกจากจะต้องคืนเงินมัดจำลูกค้าทุกรายแล้ว สต็อกวัตถุดิบที่กองเต็มตู้เย็น รวมถึงอาหารที่ทำแล้วพร้อมเสิร์ฟ จะทำยังไง
กิ๊กอายุ 29 ปี ลูกสาวคนเล็กของคุณพ่อสมศักดิ์ ซึ่งตอนนั้นทำงานประจำด้าน Product Marketing อยู่ที่กรุงเทพฯและคลุกคลีอยู่กับธุรกิจโต๊ะจีนของครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก จึงลุกขึ้นมาสู้เพื่อหวังให้ธุรกิจนี้ของครอบครัวคงอยู่ต่อไป
“กิ๊กไม่อยากให้โต๊ะจีนที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมาประมาณ 18 ปีหายไป คือตอนนั้นเจอโควิดรายได้หายไปเป็นล้านๆ คุณพ่อคุณแม่คิดจะเซ็งกิจการ เห็นคุณพ่อคุณแม่เศร้ามากๆ ก็เลยลุกขึ้นมาทำ เปลี่ยนรูปแบบเป็นเดลิเวอรี คิดว่าแม้โต๊ะจีนจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นเดลิเวอรีในช่วงนั้น แต่สักวันจัดเลี้ยงมันต้องกลับมา”
แน่นอนว่า แม้ตอนนี้สถานการณ์โต๊ะจีนจะคืนกลับมาดีปกติ 100% แล้ว แต่เดลิเวอรีที่กิ๊กคิดพาตัวให้รอดในเวลานั้น ได้ตั้งต้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงพีคๆ สามารถสร้างรายได้ถึง 80,000 บาทในวันเดียว ทำให้เธอต้องตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาลุยธุรกิจนี้ต่อไป เราเลยสรุปเส้นทางความยากลำบาก และเคล็ดลับที่ทำให้ครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ โภชนา (โพธิ์แจ้) เดลิเวอรีประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วมาฝาก
1. มี Passion ตั้งเป้าหมายสืบทอดธุรกิจโต๊ะจีนตั้งแต่เด็ก
กิ๊กเล่าให้ฟังว่าเธอมีเป้าหมายอยู่แล้วว่าจะต้องทำธุรกิจโต๊ะจีนของครอบครัวต่อไป การได้เห็นคุณพ่อคุณแม่ทำโต๊ะจีนตั้งแต่ตอนป. 6 จึงเริ่มเรียนรู้ ติดตามคุณพ่อไปทำงานทุกเสาร์อาทิตย์ และเลือกเรียนในสายที่คิดว่าจะนำความรู้มาพัฒนาธุรกิจต่อ นั่นคือสาขาวิทยาศาสตร์การอาหารในระดับปริญญาตรี และการจัดการธุรกิจอาหาร เกี่ยวกับแคทเทอริ่ง ในระดับปริญญาโท
“ถ้าเราเรียนจบมาแล้วมาทำธุรกิจที่บ้านเป็นเจ้านายตัวเอง กิ๊กจะไม่ได้รู้เลยว่าการเป็นลูกน้องมันเป็นยังไง ก็เลยขอไปทำงานประจำเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สร้างคอนเนกชันก่อน 5-6 ปี แต่เมื่อเจอวิกฤต เรารอไม่ได้ มันก็เลยเป็นโอกาสที่ทำให้กิ๊กได้ลงมาดูแลธุรกิจที่บ้าน แล้วแม้จะผ่านช่วงวิกฤตโควิดมาแล้ว แต่ธุรกิจเดลิเวอรียังเติบโตต่อไปได้ ก็เลยตัดสินใจลาออกมาทำธุรกิจของตัวเอง”
2. รวดเร็ว คิดแล้วลงมือทำทันที
“พอรัฐบาลประกาศว่าล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาครในช่วงนั้นเป็นเดือนธันวาคมที่เรามียอดจองโต๊ะจีนปีใหม่เยอะมาก พอประกาศปุ๊บ เราก็รู้สึกว่าต้องทำใจแล้ว เราคืนเงินมัดจำลูกค้า แต่ก็กลับมานั่งคิดว่าแล้ววัตถุดิบที่อยู่ในตู้เย็นที่เราจะออกงานพรุ่งนี้มะรืนนี้จะทำยังไงดี”
กิ๊กเล่าสถานการณ์ในตอนนั้นและบอกว่าต่อว่า เธอคนที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวเป็นประจำ ก็เลยเกิดไอเดียว่าน่าจะต้องทำโต๊ะจีนที่ใส่กล่องขายในช่วงวิกฤตโควิดไปก่อน โดยประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าจะทำอาหารโต๊ะจีนแบบใส่กล่องพร้อมรับประทานสามารถสั่งเดลิเวอรีได้ ซึ่งได้รับฟีดแบคดีมาก มีคนอยากให้การสนับสนุน อยากลองสั่งซื้อ ในตอนนั้นเธอจึงออกเมนูที่มีวัตถุดิบอยู่ในสต๊อกจำนวนมากก่อน เช่น ต้มยำรวมมิตร กระเพาะปลา ข้าวผัด เป็นต้น
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ โภชนา เดลิเวอรี ที่คิดแล้วลุกขึ้นมาทำ ไม่เกินอาทิตย์หนึ่งก็พร้อมขายส่งเดลิเวอรีทันที
3. รับฟังคอมเมนต์ลูกค้า พัฒนาแก้ไขตลอดเวลา
กิ๊กยอมรับว่าด้วยความที่ไม่มีประสบการณ์การทำอาหารส่งเดลิเวอรีมาก่อน จึงทำให้เจอปัญหามากมาย และหลายสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวังไว้เท่าไหร่
“ตอนนั้นเรายังคิดไม่ออกว่าเมนูโต๊ะจีนจะไปทำเดลิเวอรี่ได้ยังไง เพราะว่าโต๊ะจีนมันต้องออกร้อนๆ แล้ว Portion ค่อนข้างใหญ่ไม่ว่าจะเป็นปลา 1 ตัว ขาหมู 1 ขา กิ๊กเริ่มไปหาแพคเกจจิ้งตามห้างสรรพสินค้า เริ่มต้นด้วยการใส่กล่องกระดาษ การขนส่งก็ใช้ถุงกระดาษ เพราะว่าช่วงนั้นมีการรณรงค์ไม่ใช้ถุงพลาสติก กิ๊กอยากทำเดลิเวอรี่แล้วให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์นี้รักษ์โลกด้วย แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ได้เหมาะสมอาหารของเราซึ่งมีน้ำมัน พอไปถึงมือลูกค้าก็มีคอมเมนต์กลับมามากมาย น้ำมันเยิ้มออกมา และอื่นๆ กิ๊กก็รับฟังทุกอย่าง คิดว่าลูกค้าทุกคนเป็นนักคอมเมนต์ที่ช่วยให้เราพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้น ดังนั้นพอมีคอมเมนต์ปุ๊บ กิ๊กจะแก้ไขเลยในวันถัดมา”
กิ๊กบอกว่า เธอต้องพัฒนาสินค้าตลอดตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เมื่อมีคอมเมนต์จากลูกค้าจะนำมาปรับปรุงแก้ไข เช่น จากที่เคยส่งปลาเป็นตัว ก็มาสิ่งเป็นชิ้นแทน ขาหมูจากที่เคยเป็นขาหมูยอดผัก ก็เริ่มมีเกาลัดเป็นออปชั่นเพิ่มเติม กระทั่ง แพคเกจจิ้งก็มีการปรับเปลี่ยน
“เราทำธุรกิจจะต้องเจอปัญหาอยู่แล้ว เอาปัญหาเหล่านั้นมาเรียนรู้ แล้วมันจะทำให้เราแข็งแรงขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องสู้ต้องอดทน”
4. ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นโทรโข่ง
ตอนนี้ลูกค้าของครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ฯ เดลิเวอรี มีทั้งที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ปริมณฑล และกรุงเทพฯ โดยกิ๊กบอกว่าเธอใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมท ทำให้คนรู้จักครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ฯ เดลิเวอรี อย่างรวดเร็ว อย่างเช่นคลิปที่ลง TikTok จนเกิดเป็นไวรัล
“กิ๊กใช้ความรู้และประสบการณ์จากการทำงานมาทำการตลาดออนไลน์ โปรโมทตัวเองเป็นคลิปใน TikTok แล้วเกิดการแชร์ต่อไปเรื่อยๆ มีลูกค้าที่มาสั่งบางคนเป็น influencer ทางด้านอาหาร เขาก็โปรโมทว่ามันดีเกินคาดนะกับราคาเท่านี้ เลยเหมือนพูดต่อกันไปเรื่อยๆ เป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย ตอนนี้ลูกค้าเดลิเวอรีของเราไกลสุดก็คือสมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี นครปฐม กรุงเทพฯ”
5. ต้องบริหารจัดการให้เป็น
“การทำงานโต๊ะจีนจะทำงานแค่รอบเดียว แค่ทุกคนมารวมตัวกันทำงานแค่ครั้งเดียวก็อาจจะได้เป็นแสนแล้ว แต่ถ้าเป็นเดลิเวอรีจะมีการทำงานหลายขั้นตอน ต้องมีวันเตรียมวัตถุดิบ เตรียมบรรจุภัณฑ์ นัดขนส่ง แล้วมันละเอียดกว่ามากๆ เพราะเป็นเรื่องของระบบ ที่สำคัญคือมีเรื่องระยะเวลา ระยะทางในการขนส่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เปรียบเทียบกับโต๊ะจีนจัดเลี้ยงแล้วก็เหนื่อยมากกว่า เพราะว่ามันท้าทายด้วยว่าอาหารถึงมือลูกค้าตามเวลาหรือเปล่า ถึงแล้วยังร้อนอยู่หรือเปล่า”
ดังนั้น โดยปกติแล้วลูกค้าจะต้องพรีออร์เดอร์ก่อนล่วงหน้าประมาณ 1-2 อาทิตย์ เนื่องเพราะแต่ละเมนูจะมีความเป็น signature ของโต๊ะจีน ซึ่งไม่สามารถที่จะทำได้เลยในทันที เช่นบางเมนูต้องผ่านการตุ๋นก่อน เป็นต้น
6. เพิ่มทางเลือกสร้างแพ็กเกจที่หลากหลาย
ครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ฯ เดลิเวอรี จัดอาหารตามแบบโต๊ะจีนให้เลือก 3 แพ็กเกจ คือราคา 1,300 บาท มีอาหาร 7 รายการ สำหรับ 8 คน ราคา 1,600 บาท มีอาหาร 8 รายการ และราคา 1,900 บาท มีอาหาร 9 รายการ และมีเมนูอื่นที่สามารถสั่งเพิ่มเติมได้ เช่น ขนมจีบ
“โต๊ะจีนมีเมนูอาหารซึ่งเป็นลำดับ ซึ่งไปกี่งานก็เป็นอาหารแบบนี้ตลอด เปิดด้วยออเดิร์ฟ ซุปเพราะซุปช่วยบำรุงร่างกาย จากนั้นตัดแก้เลี่ยนด้วยอาหารประเภทยำ เพิ่มความมงคลด้วยหมู ปลาเพราะคนจีนบอกว่ามันต้องมีความเฟื่องฟูอุดมสมบูรณ์ ต้องมีกุ้งให้เป็นหงส์มังกร ปิดท้ายด้วยข้าวผัด และขนมหวาน โอนีแปะก๊วยมะพร้าวอ่อน ซึ่งต้องกินที่โต๊ะจีนมันมีความเป็นมงคลของอาหารด้วย”
7. เรียนรู้ที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
“เราจะต้องเรียนรู้กับมันตลอดเวลา เช่นถ้าสมมติกิ๊กทำโต๊ะจีนเดลิเวอรี่ วิถีชีวิตกิ๊กก็คือทำแต่โต๊ะจีนแล้วก็สร้างตัวตนให้ตัวเองเป็นเจ้าแม่โต๊ะจีน เขาถามมาเกี่ยวกับโต๊ะจีนเราต้องตอบได้เมนูนี้เป็นยังไงคุณกิ๊กแนะนำได้ไหม กิ๊กต้องตอบได้ ไม่ใช่บอกว่าเดี๋ยวขอไปศึกษาก่อน เราต้องหาความรู้ตลอดเวลาแล้วก็สร้างตัวตนให้ตัวเองชำนาญในเรื่องนั้นๆ มันอาจจะต้องใช้เวลา ซึ่งเราต้องรักมันจริงๆ ถึงจะทำให้ประสบความสำเร็จ” กิ๊ก กล่าวในตอนท้าย
FB : ครัวโต๊ะจีนสมศักดิ์ โภชนา by ลูกสาวคนเล็ก
ผู้ประกอบการจาก“กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้แข่งขันได้ในยุค Next Normal ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup