i buu cottoncandy ไอเดียธุรกิจขนมสายไหม 7 รสชาติ ทำยังไงให้กลับมาซื้อซ้ำ
Text : Yosita T.
เพราะมีความฝันอยากจะมีธุรกิจของตัวเอง อัต – อัตถพล พูลเลิศ จึงเริ่มมองหาธุรกิจเล็กๆ ให้กับตัวเองมาตลอดเวลาของการเป็นมนุษย์เงินเดือน จนเมื่อตกผลึกตัดสินใจที่จะทำขนมสายไหม เขาก็ลงมือเรียนรู้ ทดลองทำจนมั่นใจ จึงก้าวออกจาก Comfort Zone มาลุยธุรกิจอย่างเต็มตัวกับขนมสายไหม i buu cottoncandy
ขนมสายไหม ที่นุ่มฟู หลากสีสัน ของ i buu cottoncandy นี้ หากได้ลองชิมรับรองว่าจะต้องร้องว้าว! เพราะเป็นขนมสายไหมที่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่สายไหมที่มีแต่รสหวานเท่านั้น หากมีถึง 7 รสชาติให้เลือก ได้แก่ รสนมฮอกไกโด โคล่าเบอรี่ สตอเบอรี่ รามูเนะครีมโซดา บลูฮาวาย เบอรี่มินต์ และน้ำผึ้งมะนาว
และนี่คือไอเดียธุรกิจของอัต ที่ทำให้ i buu cottoncandy แตกต่างและครองใจลูกค้าจนต้องกลับมาซื้อซ้ำเรื่อยๆ
ขายสิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้จักแต่ไม่ค่อยมีขาย
บางคนทำงานประจำไปเรื่อยๆ แล้วค่อยค้นพบว่าตัวเองอยากทำอะไร จากนั้นก็ลาออกไปลงมือทำ แต่สำหรับอัตแล้วการทำงานประจำเป็นเพียงการอยากลองใช้ชีวิตในอีกแบบดูเท่านั้น เพราะเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ นั่นคือการทำธุรกิจของตัวเอง แล้วเมื่อพร้อมที่จะลงมือทำตามความฝันเขาก็ลุยทันที
“คือผมมีความคิดตั้งแต่สมัยเรียนแล้วว่างานสุดท้ายในชีวิตของผม จะต้องเป็นการค้าขายหรือทำธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่ได้อยากเริ่มทำหลังจากเรียนจบ คืออยากเรียนจบแล้วไปลองทำงานประจำดูก่อน อยากลองใช้ชีวิตแบบนั้นดูสักพักพอถึงเวลาอิ่มตัวจากงานประจำแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เราจะไปใช้ชีวิตแบบที่เราคิดเอาไว้แล้ว ก็เลยออกมาทำธุรกิจของตัวเองเลย จริงๆลองทำอะไรมาหลายอย่างแต่มาลงเอยที่ขนมสายไหมเพราะคิดว่ามันเหมาะกับเราที่สุด ตอนที่ออกจากงานเพื่อมาทำธุรกิจของตัวเองผมเตรียมตัวมาดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว วางแผนมารอบครอบพอสมควร แน่นอนเราไม่สามารถควบคุมปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ส่วนที่ควบคุมได้ผมทำอย่างดีที่สุด ทั้งแผนธุรกิจ ทั้งเงินทุนและหลายๆ อย่าง ไม่ได้มีแค่ความมั่นใจอย่างเดียวแล้วออกมาทำได้เลย เราวางแผนค่อนข้างดีแล้วเลยอยากลองเสี่ยงดู รู้สึกว่าลุยก็ลุยอายุก็ยังไม่เยอะถ้าอันนี้ไม่เวิร์คก็ยังมีอย่างอื่นให้ทำอีก ผมคิดแบบนี้นะ"
อัตเลือกเริ่มต้นธุรกิจกับขนมสายไหมที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นสินค้าที่คนรู้จักกันดีอยู่แล้ว จึงน่าจะเริ่มต้นขายง่ายกว่าการขายในสิ่งที่คนไม่รู้จัก ซึ่งหลังจากที่ปักธงว่าจะทำเจ้าขนมสายไหม เขาก็เริ่มทดลองทำด้วยตนเอง ซึ่งไม่ง่ายเลย เพราะเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อใช้เวลาพัฒนาปรับสูตรอยู่เกือบปี จนได้ขนมสายไหมที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการ
“ขนมสายไหมเป็นสินค้าที่น่าสนใจ เวลาจะเริ่มขายอะไรสักอย่างคิดว่า ถ้าเริ่มจากของที่คนไม่รู้จักเลย มันจะต้องเสียเวลาทำให้คนรู้จักเยอะ คราวนี้ก็คิดว่าจะมีอะไรไหมที่เริ่มต้นได้เลยโดยที่ทุกคนรู้จักแต่หากินยาก แล้วขนมสายไหมมันมีความพิเศษ เวลาเราเห็นจะรู้สึกถึงความสนุก ตื่นเต้น อยากกิน แต่พออยากกินก็ไม่ค่อยมีขาย เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสของเรา เพราะขนมสายไหมทำยากมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ พอลองมาทำดูก็ถึงได้รู้ว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ทำกัน ก็ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะได้แบบที่ต้องการจากนั้นก็เริ่มขายเลย”
สร้างแบรนด์ i buu cottoncandy ชูจุดขายที่รสชาติ
ขนมสายไหมทั่วไปที่เราเคยกินกันตามงานวัดหรือสวนสนุกแม้จะมีสีสันหลากหลาย แต่ก็มีรสชาติเหมือนๆ กันคือรสหวานจากน้ำตาล ดังนั้น ความท้าทายในการทำแบรนด์สายไหมครั้งนี้ของอัต คือจะทำยังไงให้แตกต่างจากขนมสายไหมที่มีขายทั่วไป ซึ่งอัตบอกกับเราว่าการจะขายสินค้าที่มีขายมานานและผู้คนก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องหาจุดขายของแบรนด์ตัวเองให้ได้ ซึ่งจุดขายของ i buu cottoncandy คือรสชาติที่ไม่ได้มีแต่ความหวาน แต่เขาเพิ่มรสชาติเข้าไปหลากหลาย กินแล้วได้ทั้งความสนุกและความอร่อย ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ แถมยังมีลูกค้าติดต่อให้ไปออกงานอีเว้นท์ เพราะโดนความอร่อยของขนมสายไหม i buu cottoncandy ตกเข้าให้นั่นเอง
“การจะขายขนมสายไหมก็ต้องมีจุดขาย ถ้านึกถึงขนมสายไหมที่ขายตามงานวัดตอนเด็กๆ มันจะเป็นขนมสายไหมที่ขายความตื่นเต้นอย่างเดียว แต่ไม่มีรสชาติอะไรนอกจากความหวาน ผมคิดว่าจุดเด่นจุดขายของแบรนด์ i buu cottoncandy ก็คือ ราคาไม่แรงมาก ตัดสินใจซื้อง่าย และเกิดการซื้อซ้ำ ซึ่งจะให้เกิดการซื้อซ้ำก็ต้องทำรสชาติให้ถูกใจเด็กๆ เราเลยเลือกเน้นขายรสชาติแทนที่จะไปขายความตื่นเต้น แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือลูกค้ากลุ่มเดิมๆ กลับมาซื้อกันเยอะมากจนจำหน้ากันได้ แล้วก็มีลูกค้าที่มาซื้อหน้าร้านก็ติดต่อให้เราไปออกงานอีเว้นท์ตามโรงเรียนบ้าง ตามงานที่มีเด็กบ้าง เลยคิดว่านี่แหละคือจุดขายของแบรนด์”
ปัจจุบันสายไหม i buu cottoncandy มี 7 รสชาติ คือ รสนมฮอกไกโด โคล่าเบอรี่ สตอเบอรี่ รามูเนะครีมโซดา บลูฮาวาย เบอรี่มินต์ น้ำผึ้งมะนาว
เลือกทำเลให้เหมาะสมกับสินค้าที่ตัวเองขาย
ไม่ว่าจะค้าขายอะไรหากเป็นการขายแบบมีหน้าร้านแล้ว แน่นอนว่าทำเลเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ถ้าเลือกทำเลผิดต่อให้สินค้ามีคุณภาพหรือรสชาติดีแค่ไหนก็ยากมากที่จะมีลูกค้าเข้ามาซื้อ และที่สำคัญควรดูด้วยว่าสินค้าที่ตัวเองขายนั้นเหมาะกับทำเลแบบไหน ดังนั้น เมื่ออัตจึงตัดสินใจบุกตลาด เขาจึงพยายามมองหาสถานที่ที่เหมาะกับการขายขนมสายไหมมากที่สุดและต้องเป็นที่ที่มีเด็กๆเยอะ จึงได้มาลงเอยที่สวนสนุก Yoyoland ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์
“ผมเริ่มขายครั้งแรกก็คือที่นี่เลย เพราะที่นี่เป็นสวนสนุกที่อยู่ในห้างผู้ปกครองจะพาเด็กๆ มาเยอะมากโดยเฉพาะวันหยุด ยอดขายจะดีมาก แล้วผมไม่ได้โปรโมทหรือทำการตลาดออนไลน์เลยเน้นสร้างเพจบอกพิกัดร้านและเคลื่อนไหวให้ลูกค้ารู้ว่าเรายังขายอยู่แค่นั้น เพราะการที่เรามาเปิดหน้าร้านที่นี่เราได้ลูกค้าบอกปากต่อปากกันเยอะมีลูกค้าติดต่อไปออกงานอีเว้นท์ก็ทำให้มีคนรู้จักแบรนด์เราเพิ่ม ก็เลยไม่ต้องไปเสียเงินกับการตลาดออนไลน์เลย”
ถึงแม้การเริ่มต้นของอัตจะเริ่มด้วยการลองผิดลองถูกอยู่นานเกือบปี แต่สิ่งที่ได้เห็นคือความพยายามมุ่งมั่นและอดทนที่จะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จให้ได้ และวางแผนก่อนเริ่มทำธุรกิจ วิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ ค่อยๆ ทำอย่างใจเย็น ซึ่งอัตบอกกับเราว่า
“จริงๆผมทำอะไรมาหลายอย่างนะ แต่ก่อนที่จะเลิกทำสิ่งนั้นมันต้องทำจนสุดทางก่อน ถ้ารู้ว่าไปต่อไม่ได้แล้วก็พอ เพราะฉะนั้นเวลาคิดจะทำอะไรจะวางแผนให้รอบคอบก่อน แล้วก็ลงมือทำไปจนสุด ถ้ามันไปต่อได้ก็ไปต่อเรื่อยๆ แต่ถ้ามันสุดทางแล้วเราก็ไม่ดื้อที่จะไปต่อ เพราะผมว่ามันก็มีอะไรอีกหลายอย่างที่เราสามารถทำได้อีก”
FB: i buu cottoncandy
สถานที่ : Yoyoland ชั้น 4 ศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์ โซนสวนสนุก
ผู้ประกอบการจาก“กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้แข่งขันได้ในยุค Next Normal ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup