Adaily.factory เนยถั่วคลีนที่เริ่มต้นทำคนเดียวแบบโฮมเมดสู่โรงงานผลิตยอดขายหลักล้านบาทต่อเดือน
Text : Yuwadi.s
บางธุรกิจก็เริ่มต้นง่ายๆ แค่ในห้องครัว บางคนเริ่มจากความชอบ บางคนเริ่มจากเวลาว่าง และนี่คือเรื่องราวของแบรนด์เนยถั่วสุดคลีนอย่าง Adaily.factory ที่เกิดจากคนชอบทำขนมและมีเวลาว่างในช่วงโควิดพอดี ทำให้เธอได้ปั้นธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง ทำคนเดียวทุกอย่าง จากรายได้หลักหมื่นสู่โรงงานเนยถั่วหลักล้าน
จากความชอบและความว่างกลายเป็นธุรกิจใหม่
โดย นิด - ลภัสนันท์ รัตนะเบญจพัฒน์ เจ้าของแบรนด์เล่าให้ฟังว่าเธอเป็นทายาทธุรกิจส่งออกยางรถยนต์ ซึ่งในช่วงไวรัสโควิดระบาด ทำให้ด่านปิดชั่วคราว ทำให้เธอมีเวลาว่าง จนปิ๊งไอเดียกายเป็นแบรนด์เนยถั่วขึ้น
“ตอนแรกเราช่วยธุรกิจที่บ้าน ทำส่งออกยางรถยนต์ จนโควิด จะมีการปิดด่านส่งสินค้า ก็เลยมีช่วงเวลาที่เราว่างขึ้น เราอยากเริ่มธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว ก็มองหาจากอะไรที่เราชอบ กะว่าไม่ได้ทำจริงจัง แค่ลองดู แล้วตัวเราชอบทำขนม ทำอาหาร ทำแล้วให้เพื่อนๆ ลองกิน ผลตอบรับค่อนข้างดี ทุกคนบอกว่าอร่อย ไม่ทำขายดูเหรอ เลยเป็นจุดเริ่มต้น เราเริ่มจากเล็กๆ ทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ทำเนยถั่ว ออกแบบแพ็คเกจจิ้ง”
หลังจากที่ตัดสินใจว่าจะทำเนยถั่วขาย เธอเริ่มต้นขายผ่านทาง Instagram และทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่าน Food Blogger สายสุขภาพ หลังจากนั้นแบรนด์เนยถั่วของเธอก็ขยับขยายสู่ช่องทางต่างๆ
“เราเริ่มต้นทำเนยถั่วจาก 3 รสชาติ มีรสออริจินัล รสน้ำผึ้งและรสช็อกโกแลต แล้วก็ลองโพสต์ขายในไอจี แล้วก็มีส่งให้ Food Blogger ที่เขาทำอาหารอยู่แล้ว สายสุขภาพ เราส่งให้เขาลองกินดู เขาก็จะมีแชร์รูปให้ วิดีโอให้ เวลาเขากินก็จะแท็กมาที่ร้าน ที่เราส่งให้สายสุขภาพก่อนเพราะเรารู้สึกว่าสินค้าเราค่อนข้างนีช ไม่ใช่ทุกคนจะชอบกินเนยถั่ว เราก็วิเคราะห์กลุ่มที่ไปได้ จากนั้นเราก็เริ่มทำโฆษณา ทำรูปภาพ ทำวิดีโอเยอะขึ้น ประมาณไม่เกิน 6 เดือน เราก็เริ่มมีแพลตฟอร์มต่างๆ เริ่มขายในเฟซบุ๊ก Shopee Lazada Line Shopping และล่าสุดคือ TikTok”
พาเนยถั่วบุกตลาดคลีนพร้อมเนยถั่วคีโตเอาใจสายสุขภาพ
สำหรับจุดเด่นของเนยถั่วร้าน Adaily.factory นั่นคือรสชาติและวัตถุดิบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเน้นการพัฒนาสินค้าให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า เธอจึงได้ออกรสชาติใหม่ๆ พร้อมด้วยเนยถั่วสูตรคีโตที่ตลาดต้องการ
“ปัจจุบัน เนยถั่วของเราจะมี 2 สูตรคือสูตรคลีนและสูตรคีโต สำหรับสูตรคลีนแรกๆ เรามีแค่ 3 รสชาติ ส่วนตอนนี้ก็มีรสชาติอื่นๆ ตามมา เราดูจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก พัฒนาจากสิ่งที่ลูกค้าต้องการ เราจะใช้อัลมอนด์เป็นหลัก ไม่ใส่นมเนยไข่ครีมเทียมต่างๆ ส่วนสูตรคีโตเป็นสูตรที่เราทำตามความต้องการของลูกค้า มีลูกค้าเริ่มถามหาว่าอยากได้สูตรคีโต ก็เป็นการพัฒนาจากสิ่งที่ลูกค้าต้องการเช่นกันและในตลาดยังไม่มีใครทำเนยถั่วคีโต”
ทางด้านการทำการตลาดของแบรนด์ จะเน้นการคอนเทนต์ที่สร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าตั้งแต่ครั้งแรก จึงให้ความใส่ใจกับการทำรูปภาพและวิดีโอเป็นพิเศษ
“ตอนนี้เราทำออนไลน์ 100% สิ่งที่เราสนใจคือเรื่องคุณภาพสินค้า เพราะขายออนไลน์มันค่อนข้างยาก ลูกค้าไม่ได้จับต้องสินค้าเราเลย ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง วิธีที่จะทำให้เขาซื้อสินค้าเราได้ก่อนในครั้งแรกคือรูป วิดีโอ ถ้ารูปไม่สวย วิดีโอไม่น่าดึงดูด มันก็ไม่น่ากิน เราพยายามให้คนเห็นแล้วอยากซื้อ น่ากิน อยากลองกดสั่งดู ขณะเดียวกันก็ต้องสนใจเรื่องคุณภาพและรสชาติ ต่อให้เราขายอาหารสุขภาพ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหาร ยังไงคนก็สนใจเรื่องรสชาติเป็นหลัก ถ้ารสชาติกินยาก คนก็อาจจะซื้อครั้งเดียว แต่ถ้ารสชาติกินง่ายขึ้นก็จะมีลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำเยอะกว่า”
จากเนยถั่วโฮมเมดสู่โรงงานเนยถั่วรายได้หลักล้าน
หลังจากที่ธุรกิจเริ่มไปได้ดี การทำเนยถั่วโฮมเมดก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้นิดตัดสินใจขยายธุรกิจด้วยการกลับไปตั้งโรงงานที่บ้านเกิด พร้อมทั้งฟอร์มทีมงานเพื่อให้แบรนด์ Adaily.factory นั้นเติบโตมากยิ่งขึ้น
“แรกๆ เราทำเองหมดทุกอย่าง ส่งออร์เดอร์ 2 วันต่ออาทิตย์ พอตัดสินใจว่าจะทำเต็มตัวก็ส่งทุกวันเพราะเราเริ่มจ้างคน ทีนี้เมื่อก่อนเราอยู่กรุงเทพฯ จนออร์เดอร์ถึงจุดที่เราทำไม่ไหวก็ย้ายกลับบ้านที่ต่างจังหวัด มาปรับปรุงสถานที่เดิมของที่บ้าน ตั้งใจว่าอยากจะขออย.ให้ถูกต้องตามมาตรฐาน หลังจากนั้นก็ใช้เวลาสร้างโรงงาน รอสาธารณสุขมาตรวจ การทำงานก็ยากขึ้น เมื่อก่อนเราทำเอง เหนื่อยกาย แต่พอเราขยายธุรกิจ ต้องมองหาคนมาช่วยในส่วนต่างๆ มีในส่วนของออฟฟิศ แต่หลักๆ จะเป็นน้องๆ ในครัว เราจะจ้างเยอะเพราะว่าเน้นการผลิต ก็ต้องสอนให้เป๊ะตามสูตร ห้ามขาดห้ามเกิน นอกจากนี้ยังส่วนในส่วนงานกราฟิก ทำรูป วิดีโอโดยเฉพาะ เพราะสื่อมันเป็นอะไรที่สำคัญในการทำให้ธุรกิจเราเดินได้”
โดยนิดได้ปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจให้ฟังว่าต้องทำให้สินค้ามีคุณภาพดีจริง ฟังลูกค้าและนำกลับมาพัฒนาเพื่อต่อยอดให้สินค้าดียิ่งๆ ขึ้นไป
“เราทำสินค้าขายออนไลน์ ไม่มีหน้าร้าน เราต้องมั่นใจในคุณภาพสินค้า ถ้าของเราไม่ดี เราไม่กล้าบอกต่อ ไม่กล้าโฆษณา เวลาเราพูดก็จะไม่มั่นใจว่ามันดี และเราต้องมองในมุมผู้บริโภคด้วย เราอาจจะเริ่มจากสิ่งที่เราชอบ แต่พอเราขายไปสักพัก ต้องฟังลูกค้าให้เยอะขึ้น สิ่งที่เราชอบไม่ได้แปลว่าลูกค้าจะชอบด้วย อีกอย่างคือเรื่องบริการ ใครที่เป็นลูกค้าร้านเราจะรู้เลยว่าเราตอบไลน์เร็วมาก ถ้าลูกค้าติดปัญหาตรงไหนเราเซอร์วิสให้หมด และเวลาเราส่งจะมีการ์ดใบหนึ่งที่เราแนบไป เขียนชื่อลูกค้า เรารู้สึกว่ามันเป็นความใส่ใจ ที่เขาเปิดมาแล้วดีใจ มีลูกค้าที่เคยส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้ Bad day แต่เปิดมาเจอสินค้าเราแล้วรู้สึกดีมากๆ ขอบคุณเรามาก เรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราตั้งใจทำแต่แรก ไม่ได้อยากขายแค่ตัวสินค้าแต่อยากให้ลูกค้าประทับใจทั้งหมดในความเป็นแบรนด์ของเรา”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup