Starting a Business

PIMTOFU ตีตลาดเด็กวัยรุ่นด้วยเต้าหู้โฮมเมดสีพาสเทลสุดฮิต กระแสดีจนมีแฟรนไชส์ 33 สาขา

 

Text : Yosita T.

     ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิดทำให้หลายคนตกงานและต้องมองหาช่องทางใหม่ๆ ที่จะสร้างรายได้ แถมยังเป็นโอกาสที่ได้ค้นพบอาชีพที่ตัวเองชอบจริงๆ และหนึ่งในนั้นก็คือ พิมพ์ - รุ้งพราย กัญญูมา ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระบาด ทำให้ร้านอาหารที่เคยเปิดขายต้องปิดตัวลง จึงหันมาทอดเต้าหู้ขาย ภายใต้ชื่อแบรนด์ PIMTOFU เต้าหู้โฮมเมดสีพาสเทลที่โดนใจเด็กเล็กและวัยรุ่นสุดๆ จนตอนนี้มีแฟรนด์ไชน์ 33 สาขา กระจายอยู่หลายจังหวัด

พลิกวิกฤตจากโควิดให้เป็นโอกาส

     พิมพ์เล่าว่าก่อนที่เธอจะมาเปิดร้านขายเต้าหู้ Pimtofu เธอมีกิจการเปิดร้านขายอาหารในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งมาก่อน แต่เมื่อเจอพิษโควิด ทำให้ทุกอย่างต้องปิดรวมถึงร้านของเธอด้วย แต่ถึงจะต้องปิดร้าน พิมพ์ก็คิดหาทุกวิถีทางเพื่อจะหาช่องทางที่จะสร้างรายได้ให้ตัวเองได้เพราะไม่อยากรบกวนเงินครอบครัว และเธอมองเห็นโอกาสจากธุรกิจครอบครัวที่ผลิตเต้าหู้ส่งตามร้านค้าอยู่แล้ว จึงเกิดไอเดียนำเต้าหู้เหล่านั้นมาต่อยอดด้วยการทอดขาย แล้วด้วยรสชาติที่หอมอร่อยทำให้มีลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

     “ก่อนหน้านี้เราขายอาหารอยู่ในห้าง แต่พอเจอโควิดห้างโดนปิด ร้านเราก็ต้องปิดไปด้วยช่วงนั้นไม่มีรายได้เลย อยู่บ้านเฉยๆ ไม่มีเงินทุนสักบาท แต่ที่บ้านเราผลิตเต้าหู้ขายอยู่แล้วเป็นเต้าหู้ขาวๆ ผลิตส่งให้ตามร้านค้าร้านอาหาร เป็นฝ่ายผลิตให้หลังร้านของหลายร้าน แล้วตัวเราไม่มีเงินเหลือเลยจะไปเที่ยวไหน ออกไปกินอะไรกับเพื่อนเราก็ไม่อยากขอเงินแม่ เพราะเราเขินที่จะต้องขอ เลยเกิดไอเดียว่าในเมื่อเรามีเต้าหู้อยู่แล้ว เต้าหู้ที่แม่ทำอยู่ทุกวันเนี่ย มันเอามาทำอะไรได้บ้าง ก็คิดว่าลองเอามาทอดขายดีกว่า แล้วก็โพสต์ขายในเฟซบุ๊ก ไปตามกลุ่มเฟซที่เค้าหาของกินใกล้ๆ บ้านกัน เราก็โพสต์ว่าขายเต้าหู้ทอด 65 บาท ส่งหน้าบ้านแล้วก็มีเดลิเวอรี่ แล้วกลายเป็นว่าผลตอบรับดีมาก ตัวพิมพ์เองก็ทอดตั้งแต่ยังทอดไม่เก่ง แต่ก็พัฒนามาเรื่อยๆ ขายดีมากไม่มีวันหยุดเลย นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้เราเปิดร้านเป็นของตัวเอง”

 

 

ตีตลาดเด็กและวัยรุ่นด้วยเต้าหู้สีพาสเทล

     ด้วยความที่เป็นเต้าหู้แน่นอนว่า ไม่ค่อยฮิตในกลุ่มเด็กและวัยรุ่นเท่าไหร่ คนที่ชอบส่วนมากจะเป็นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่ถ้าอยากจะให้เด็กๆ วัยรุ่นหันมาชื่นชอบจะต้องทำให้เต้าหู้ดูน่ากินและดูกินง่าย เลยเป็นที่มาของการทำเต้าหู้สีพาสเทล ด้วยการใช้สีจากพืชผักหลายชนิดแทนการใช้สีผสมอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค หลังจากนั้นก็เริ่มมีลูกค้ามาซื้อไปให้ลูกหลานรับประทาน จนในที่สุดเต้าหู้โฮมเมดแบรนด์ Pimtofu ก็สามารถตีตลาดเด็กเล็กและวัยรุ่นได้

     “หลังจากที่เปิดร้านเราก็รู้สึกว่า ถ้าเต้าหู้ร้านเรามันเป็นเต้าหู้ทอดสีขาวธรรมดาก็จะเหมือนร้านอื่น ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ก็เลยเกิดไอเดียว่า อยากลองเอาผักลงไปผสมกับเต้าหู้ดู มันน่าจะได้สีสันเพิ่มขึ้น แล้วมันก็จะดูน่ากินมากขึ้นด้วย คือปกติเต้าหู้ของเรา แน่นอนว่าอร่อยอยู่แล้วถ้าใครเปิดใจลองกินก็จะรู้ว่าอร่อยจริงๆ แต่เด็กๆจะ Say no กับเต้าหู้กันแทบทุกคนเพราะเหมือนเขาคิดว่าคงไม่อร่อยมันไม่น่ากิน เราเลยคิดว่าการที่เราทำให้เต้าหู้มีสีสันก็จะทำให้เด็กๆ เปิดใจแล้ว บวกกับการที่เรานำผักมาผสมแทนสีผสมอาหารก็ยิ่งทำให้ผู้ปกครองของน้องๆ วางใจเพราะมันดีต่อสุขภาพ ตอนนี้ก็จะมีอย่างเช่นสีแครอท สีอัญชัน สีงาดำ เป็นสีอ่อนๆ พาสเทล รวมทั้งหมดตอนนี้มี 9 รสชาติ แล้วตอนนี้ก็มีแบบไส้ชีสด้วย ผลตอบรับก็ดีมาก สิ่งที่เราตั้งใจคืออยากให้เด็กๆเปิดใจมันก็สำเร็จแล้ว”

 

 

อยากเปิดแฟรนไชส์ก็ต้องมีวิธีคุมคุณภาพให้ดี

     เมื่อทำธุรกิจหรือทำแบรนด์ของตัวเองแล้วปัง ขั้นต่อไปก็ต้องเปิดขายแฟรนไชส์ และแน่นอนว่าหลายธุรกิจหลายแบรนด์ที่เคยเปิดขายแฟรนไชส์ก็อาจจะคุมคุณภาพได้ไม่ทั่วถึง บางสาขาทำไม่ดีเท่าออริจินัล ทำให้เสียชื่อแบรนด์ไปด้วย พิมพ์จึงมีวิธีการจัดการระบบแฟรนไชส์อย่างดี เพื่อไม่ให้เสียชื่อแบรนด์และทำให้คนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปสามารถขายและสร้างรายได้ให้กับตัวเองได้จริงๆ

     “พิมพ์ทำธุรกิจนี้มา 3 ปี ตอนนี้มีแฟรนไชส์ 33 สาขา เราคิดว่าต้องดูแลระบบให้ดี เริ่มจากการตั้งราคาแฟรนไชส์ก่อนอาจจะราคาสูงนิดนึงแต่เป็นการคัดกรองคนที่สนใจในแบรนด์ของเราจริงๆ ให้เขามีความตั้งใจและทะนุถนอมแบรนด์เรา ถ้าเกิดคนที่มาซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วไม่ตั้งใจทำจริงๆ ก็อาจจะทำให้เสียชื่อแบรนด์เราไปด้วย ส่วนเรื่องคุมคุณภาพรสชาติ เริ่มจากการสต๊อกของก็จะไม่ให้สต๊อกเยอะเกินไปเพราะมีวันหมดอายุไว แล้วของสดยิ่งทิ้งไว้นานก็จะไม่อร่อย เราก็จะแนะนำแฟรนไชส์ให้สต๊อกของแค่ไม่เกิน 1 อาทิตย์ คุมวิธีการทอดให้เหมือนกับที่เราทอด และการบริการที่ดี เท่านั้นเองค่ะ”

 

 

จากเต้าหู้โฮมเมดแบบก้อน ต่อยอดเป็นน้ำเต้าหู้สุดครีเอท

     นอกจากแบรนด์ Pimtofu จะมีเต้าหู้แบบก้อนแล้ว พิมพ์ก็ยังต่อยอดมาเป็นน้ำเต้าหู้สูตรที่ตัวเองคิดค้นมาอย่างลงตัวและอร่อย เด็กๆ รับประทานได้ผู้ใหญ่ก็ชอบ พิมพ์บอกว่าต้องการให้น้ำเต้าหู้ Pimtofu เป็นอีกทางเลือกของคนรักสุขภาพ คนที่แพ้นมวัว และแน่นอนว่าวัยรุ่นถูกใจสิ่งนี้เพราะเธอได้ครีเอทเมนูที่เข้ากับน้ำเต้าหู้ได้แบบไม่จำเจเพื่อเอาใจวัยรุ่นเลย

     “น้ำเต้าหู้ของเราจะเข้มข้นแบบพอดี ถ้าเข้มข้นเกินไปมันจะทำให้ท้องเสีย แล้วด้วยความที่หัวเชื้อเป็นเกรด A อยู่แล้วบวกกับสูตรที่เราพยายามทำมาแล้วคิดว่ามันเข้มข้นประมาณนี้กำลังดี มันจะหอมอร่อยเลย แล้วเด็กๆ ชอบมาก บางบ้านมาซื้อตุนให้ลูก 10 – 20 ขวดเลย เด็กๆ ได้กินของอร่อยดีต่อสุขภาพด้วยเพราะเราไม่ใส่นมผง ไม่ใส่สารกันบูด แล้วเราก็มีการต้มด้วยระยะเวลาที่กำลังดี หม้อต้มก็ออกแบบพิเศษ คือใส่ใจคุณภาพมากๆ นอกจากนี้ก็จะมีแบบเย็นแล้วก็แบบปั่น มากกว่านั้นเราจะต้องครีเอทเมนูต่อไป ก็คือเอาน้ำเต้าหู้โอริโอ้ปั่น ชาเขียวปั่น โกโก้ปั่น ก็จะใช้น้ำเต้าหู้แทนนมวัวหมดเลย แบบนี้จะโดนใจเด็กๆ และวัยรุ่นมาก เพราะมันไม่จำเจ ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำเต้าหู้ล้วน เราต้องมีความสร้างสรรค์ถึงจะแตกต่างจากคนอื่น”

     ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้ก้อนหรือน้ำเต้าหู้ ต่างก็มีขายอยู่มากมายในตลาด แถมมีร้านอร่อยๆ อยู่เต็มไปหมด แต่เมื่อคนรุ่นใหม่อย่างพิมพ์ต้องเข้ามาจับธุรกิจนี้ เธอจึงเล็งเห็นช่องว่างทางธุรกิจ นั่นคือตลาดเด็กและวัยรุ่น ที่ไม่เคยมีใครนำเต้าหู้ก้อนเหล่านี้เข้าไปตีตลาดพวกเขาได้เลย ทำให้พิมพ์สามารถพา Pimtofu เข้าไปตีตลาดกลุ่มเด็กและวัยรุ่นได้ เพราะมีการสร้างสรรค์เมนู และรสชาติให้เต้าหู้ดูน่ากิน เข้าถึงง่าย บวกกับรสชาติอร่อยพรีเมี่ยม ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจนี้เติมโตอย่างรวดเร็ว

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup