“โกโก้ร้านไอ้ต้น” ธุรกิจที่เริ่มต้นจากความ ‘กวน’ สู่ 210 สาขา ทำยังไง Success ไวใน 8 เดือน
“ร้านผมดังเร็วทุกร้านเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมเก่ง”
ต้น-ประชานารถ โพธิสาราช ตอบกวนๆ ตามสไตล์หนุ่มมั่นอารมณ์ดี เมื่อเราถามถึงความสำเร็จของโกโก้ร้านไอ้ต้น แต่ก็เป็นคำตอบที่ไม่โอ้อวดเกินจริงเลย เพราะโกโก้ร้านไอ้ต้น ที่โด่งดังเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียนั้นเริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียง 15,000 บาท ใช้เวลาเพียง 8 เดือน ทำรายได้ 7 หลัก และขายแฟรนไชส์ได้ถึง 210 สาขา
จากนักร้องในผับตกงานมาสู่การทำธุรกิจ ที่เริ่มต้นจากร้านโกโก้เล็กๆ ริมทาง ขายเพียงโกโก้ 4 เมนู ทำไมจึงเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เรื่องราวของเขาจะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ว่าด้วยการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ที่จะจุดประกายไอเดียให้คุณ
จากนักร้องมาสู่“โกโก้ร้านไอ้ต้น”
ต้นเล่นดนตรีร้องเพลงแนวโฟล์กซองที่ผับ ครั้นเมื่อเกิดโควิดผับปิดหมดเลย เขาตกงานแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่มีเงินเก็บสักบาท พอจะมีเงินเหลือแค่ 3,000-4,000 บาท เลยคิดจะเปิดร้านกาแฟ เป็นกาแฟมอคคาพอต เพราะต้นทุนน้อย
“ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากแค่คิดว่าถ้าเรายังอยู่อย่างนี้ต่อไปเดือนหน้าแย่แน่ๆ เลยไปขอไม้พาเลตจากร้านวัสดุก่อสร้างที่เขาไม่ใช้แล้วมาประกอบต่อเป็นชั้นอยู่หลังบิ๊กไบค์ของเราเอง ตั้งชื่อร้านชานชาลากาแฟ คือไปดูทำเลมาแล้วตั้งใจว่าจะขายที่ตลาดพลู ริมทางรถไฟ”
ปรากฏว่าร้านชานชาลากาแฟติดตลาดค่อนข้างเร็วเพราะทำเลดี แต่พอผับเริ่มเปิดอีกครั้งก็เลยกลับไปร้องเพลง คือเช้าถึงกลางวันขายกาแฟ กลางคืนร้องเพลง แต่เมื่อเห็นว่าจะมีเมนูหนึ่งที่ขายดีคือโกโก้ ก็เลยคิดว่าน่าจะแยกเมนูโกโก้ออกมาเปิดอีกร้านหนึ่งใกล้ๆ กัน ร้านกาแฟขายช่วงเช้า โกโก้ขายช่วงเย็นๆ แล้วขายแค่ 4 ชั่วโมงพอ โดยตั้งใจจะทำ 3 อย่าง คือ ขายกาแฟกำไรวันละ 1,000 บาท กลางคืนร้องเพลงได้เงิน 700-800 บาท ร้านโกโก้ขอแค่กำไรวันละ 200-300 บาท ก็พอใจแล้ว
“มันมีจุดหนึ่งที่สะกิดใจให้เปิดร้านโกโก้เลย ก็คือว่าผมไปกินข้าวกับแฟนแล้วไปเจอร้านหนึ่งเป็นคีออสก์มีป้ายชื่อว่าอร่อย แต่ไม่รู้ว่าขายอะไร ระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านก็คุยกับแฟนว่าเขาขายอะไรวะ เชื่อมั้ย แค่คำว่าอร่อยคุยกันเป็นชั่วโมงจนถึงบ้านเลย ส่วนตัวผมเป็นคนกวนๆ ผมก็บอกว่าร้านโกโก้ของเราถ้าจะเปิดมันต้องเป็นชื่อร้านที่คนได้ยินครั้งเดียวต้องพูดถึงทั้งคืน สุดท้ายคิดว่าอยากให้คนอื่นรู้ว่ามันเป็นเรา เลยคิดตั้งชื่อว่าโกโก้ร้านไอ้ต้น จากนั้นก็ไปค้นหารูป เจอรูปผมถ่ายหน้าตรงติดบัตรสมัยนักเรียน ม.ปลาย ก็เอารูปไปวางกับตัวหนังสือทำเป็นโลโก้ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้น”
เริ่มต้นธุรกิจมาจากความกวนๆ ของตัวเอง
“ผมเป็นคนมั่นๆ กวนๆ ถ้าจะให้ทำอะไรธรรมดาๆ ไม่ทำเด็ดขาด อย่างการตั้งชื่อเมนูผมก็แค่กวนๆ ถ้าจะมาตั้งชื่อเมนูง่ายๆ ก็ไม่น่าสนใจ เราก็มีโจทย์คือ โลโก้มันก็เป็นรูปเรา แล้วจะเล่นอะไรกับหน้าเราได้ ก็เลยใส่หนวดแล้วก็ค่อยคิดชื่อเมนูให้มันกวนๆ เลยมีละอ่อน เข้ม โคตรเข้ม โคตรหวาน”
ต้น เล่าต่อไปว่าเขาคิดเสมอว่าถ้าจะเปิดร้านอะไรสักอย่างจะไม่มีทางที่จะเอาโต๊ะแดงมากางแล้วเอาผ้าปู ร้านเราต้องแตกต่าง เลยเอาถังน้ำมันต่างประเทศมาให้ช่างใส่ล้อ แล้วทำช่องเก็บของ แล้วทำระบบที่ง่ายมาก เพราะตัวเองต้องไปร้องเพลง จ้างเด็กมาขาย ด้วยการมาเตรียมผสมโกโก้ที่บ้าน ที่หน้าร้านมีหน้าที่แค่เทลงกระบวยลงแก้วปิดฝาเสร็จ เพื่อให้ง่ายและเร็ว
“วันแรกเลือกจังหวะเปิดร้านที่งานวัดตลาดพลู คนเยอะมาก แต่ลูกค้าก็หลายคนจะยังไม่เข้าใจว่าเราขายอะไร เพราะไม่มีรูปเมนูหน้าร้านมีแต่รูปหน้าผมอย่างเดียวแล้วก็เขียนว่าโกโก้ร้านไอ้ต้น ขายวันแรกได้ประมาณ 50 แก้ว วันที่ 2 ขายได้ 80 แก้ว วันที่ 3 ได้ 100 แก้ว แล้วขยับมา 200-300 แก้ว แต่ที่พีกๆ เลยคือประมาณ 600 แก้ว แต่เรายังขายแค่ 4 ชั่วโมงช่วงเย็นๆ เท่านั้น”
ต้น บอกวาที่ขายดีมากๆ เพราะมีคนเอาไปลง TikTok เปิดร้านมาได้ 2 อาทิตย์ก็มีคนมาทักว่าดังใน TikTok
“อย่าคิดว่าต้องมีเงินทุนถึงจะทำธุรกิจได้ สิ่งที่มันสำคัญกว่าเงินทุนก็คือความคิดของเรา
ซึ่งมันจะมีมูลค่ามากถ้าทำสำเร็จ”
ต่อยอดสู่แฟรนไชส์ 210 สาขา
ต้น บอกว่า ตังใจตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากทำแฟรนไชส์ มีความมั่นใจว่าสามารถทำให้มันดังได้ เลยจะเขียนป้ายติดประกาศว่าขายแฟรนไชส์ตั้งแต่แรก ซึ่งมาถึงวันนี้ในเวลาแค่ 8 เดือน เขามี 210 สาขาแล้ว ถือว่าเร็วมากๆ
“ตอนเปิดร้านมาแค่ประมาณ 3 อาทิตย์ ก็มีคนอินบ็อกซ์มาติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ 14 คน ผมกับแฟนก็เริ่มคุยกันซีเรียสแล้วว่าจะทำแฟรนไชส์ยังไงดี คือเราไม่รู้อะไรเลย ตอนแรกปวดหัวมากเราไม่มีโลจิสติกส์ เราจะส่งเขายังไงมีค่าขนส่งอีก ก็เลยตัดปัญหาว่าจะไม่ทำระบบแฟรนไชส์ซะทีเดียว แต่เราเอาความคิดใหม่ของเราเองมาผสม คนอาจจะมองว่ามันเป็นแฟรนไชส์แต่ข้างในไม่ใช่แฟรนไชส์ ผมเรียกมันว่าเฟรนด์แชร์ ผมคือเพื่อนของทุกคน อยากส่งต่ออาชีพให้ สิ่งที่เขาจะได้คือรถถังน้ำมัน มีของให้ทุกอย่างในแพ็กเกจเริ่มต้น ผมไม่กลัวที่จะบอกสูตรให้ ต่อจากนั้นจะต้องเอาไปทำเอง แล้วไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน สิ่งเดียวที่เขาต้องอยู่กับเราก็คือ ผงโกโก้ ช่วงแรกเราขายไม่แพง 35,900 บาท ได้ลูกค้า 100 คนภายใน 1 เดือน แล้วเขาไปขายแค่ 2-3 วันก็คืนทุนแล้ว แต่เราแทบไม่เหลืออะไรเลย เพราะคิดราคาถูกเกินไป ตอนนั้นคิดไม่เป็น เราได้เงินก้อนแค่ครั้งแรกครั้งเดียว ฉะนั้นเงินครั้งแรกมันสำคัญมาก ก็เลยปรับราคาเป็น 55,900 บาท ตอนนี้ประมาณ 210 สาขาทั่วประเทศ”
ยิ่งดังไปอีกเพราะได้ไป Collab กับ Potato Corner
“จริงๆ มีหลายธุรกิจมาขอ Collab แต่ Potato Corner เป็นโปรเจกต์แรกที่เขาติดต่อเข้ามาก่อน ผมก็ถามเขาว่าทำไมถึงเลือกเรา เขาบอกว่ากระแสเราใน TikTok ใน Facebook มาแรง คาแร็กเตอร์ของแบรนด์ Potato Corner กับแบรนด์โกโก้ร้านไอ้ต้นมีความใกล้เคียงกัน มีความวัยรุ่น กวนๆ เขาก็รู้สึกว่าว้าว!!! มาก ตอนนั้นก็มีประมาณ 100 สาขา สำหรับผมก็ตื่นเต้นเขาเอาโกโก้เราไปลง 10 กว่าสาขาที่กรุงเทพฯ ในแง่จำนวนการขายผลตอบรับค่อนข้างดี แต่สิ่งสำคัญที่ได้กลับมามันเป็นภาพที่ใหญ่ ผมมองโอกาสที่ว่ามันเป็นค่าการตลาดที่แพงมากๆ ที่จะไปขึ้นห้างฯ ได้ ซึ่งผมไม่ต้องจ่ายสักบาท ถัดจากโปรเจกต์นี้ข้างหน้าเราก็อาจจะมี Collab กับรายอื่นอีก”
“ผมเป็นคนมั่นๆ กวนๆ ถ้าจะให้ทำอะไรธรรมดาๆ ไม่ทำเด็ดขาด
อย่างการตั้งชื่อเมนูผมก็แค่กวนๆ ถ้าจะมาตั้งชื่อเมนูง่ายๆ ก็ไม่น่าสนใจ”
อะไรที่ทำให้ “โกโก้ร้านไอ้ต้น” โตเร็วมาได้ขนาดนี้
ต้น บอกว่าจุดที่ยากที่สุดในการทำโกโก้ร้านไอ้ต้นคือ ตอนทำแฟรนไชส์ โดยเฉพาะการบริหารคน จะพูดยังไงให้คนเข้าใจ จะทำยังไงให้เราเป็นผู้นำเขาได้ในระยะเวลาสั้นๆ จากนักร้องมาบริหารธุรกิจเราต้องปรับตัว แต่โชคดีว่าส่วนตัวเขาสนใจการทำธุรกิจมานานแล้ว ชอบฟังชอบดูรายการเกี่ยวกับธุรกิจทุกช่องทาง
“ร้านผมดังเร็วทุกร้านเลย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมเก่ง ตอนแรกใช้เงิน 3,000 บาททำร้านกาแฟ ตอนมาทำโกโก้ร้านไอ้ต้นน่าจะใช้เงินลงทุน 15,000 บาท ตอนนี้ 8 เดือนมีรายได้ประมาณ 7 หลัก มี 210 สาขา ผมเชื่อว่าผมจะรวย แล้วผมก็บอกกับแฟนอย่างนี้ตลอดเวลาว่าจะรวย ผมจะทำธุรกิจ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นยังเป็นนักร้องอยู่เลย ผมเริ่มมีความมั่นใจการทำธุรกิจจากการทำชานชาลากาแฟ แล้วพอมาเปิดโกโก้ร้านไอ้ต้นก็ดังยิ่งขึ้นไปอีก มีอยู่ช่วงหนึ่งคนต่อคิวยาวประมาณ 200 เมตร จนไปบังร้านค้าแถวนั้น โดนต่อว่า ผมก็ต้องย้ายร้านออกมาอีก ผมก็ยังงงอยู่ว่าทำไมถึงยอมต่อคิว ผมก็พูดตรงๆ ว่า รสชาติมันก็ไม่ได้อร่อยถูกใจคนทุกคน เพราะรสชาติความอร่อยมันเป็นเรื่องรสนิยมของแต่ละคน บางคนชอบบอกว่าอร่อยดี บางคนก็บอกว่าไม่อร่อย แต่ผมคิดว่าชื่อร้าน เมนู กับรูปแบบร้าน คือแบรนด์ มีส่วนทำให้เรามาได้ขนาดนี้ บวกกับกระแสบนโซเชียลด้วย เราก็มีคนที่เล่นโซเชียลอยากลองกับกระแสนี้ เขาก็ต่อคิวได้มาถือแก้วโกโก้ถ่ายรูป ได้อวด แล้วผมเลยเล่นกับตรงนี้เอามาเล่นให้เขาได้มาถ่ายรูปไปอวดได้ ให้เขารู้สึกว่าภูมิใจที่มากินโกโก้ที่ร้านเรา”
เป้าหมายเป็นนักสร้างแฟรนไชส์ Street Food
“ผมตั้งใจจะเป็นนักสร้างแฟรนไชส์ Street Food วางแผนไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าตัวไหนจะใช้คำว่าร้านไอ้ต้นต่อท้ายทั้งหมด สมมติผมจะทำเบอร์เกอร์เป็นสินค้าใหม่ ก็จะเป็นเบอร์เกอร์ร้านไอ้ต้น เป็นเบอร์เกอร์ที่มีเอกลักษณ์มีคนจำง่าย ถือถ่ายรูปลงโซเชียลแล้วต้องเท่ นี่คือโจทย์ของผม มันจะเหมือนเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ว่าต่อไปคนก็จะไม่มีความกลัวที่จะเข้ามาที่ร้านไอ้ต้น แล้วคนที่คิดอยากมีแฟรนไชส์ข้างทางก็จะต้องนึกถึงร้านไอ้ต้น ซึ่งคิดว่าในสิ้นปีนี้จะมีสินค้าใหม่ที่เป็นร้านไอ้ต้นออกมาให้ได้เห็นกัน”
“ผมมีความคิดที่อยากให้ทุกคนปรับ Mindset ว่า Street Food ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ถ้าในวันนั้นไม่มีคุณป้าหาบของมาขายก็คงไม่มีผัดไทยประตูผีในวันนี้ ถ้าวันนั้นเราไปไล่ป้าที่ตั้งโต๊ะขายอยู่ริมถนน ก็คงไม่มีแบรนด์ดังๆ ให้คนต่างประเทศ ได้มากิน ตอนนี้ผมมองว่า Street Food ถ้าเราจัดให้มันเป็นระเบียบ ก็จะช่วยสร้างโอกาสให้กับคนตัวเล็กตัวน้อยได้อีกเยอะ นอกจากนี้ ตอนนี้ผมทำแบรนด์โกโก้ส่งออกไปขายที่จีน เพิ่งเซ็นสัญญากับบริษัทที่เขาจะเอาไปขายที่จีน แล้วปีหน้าคาดว่าน่าจะเอากลับมาขายที่ไทยตามร้านขายส่งทั่วไป”
สุดท้าย ต้นฝากคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ว่า “อย่าคิดว่าต้องมีเงินทุนถึงจะทำธุรกิจได้ สิ่งที่มันสำคัญกว่าเงินทุนก็คือความคิดของเรา ซึ่งมันจะมีมูลค่ามากถ้าทำสำเร็จ อาจไปถึง 10-20 ล้านบาท อย่างผมลงทุนทำโกโก้ร้านไอ้ต้นแค่ 15,000 บาท ตอนนี้มีมูลค่าเพิ่มเป็นไม่รู้กี่เท่าตัว เพราะฉะนั้นความคิดมันมีราคาแพงกว่าเงินทุนมากๆ แต่ถ้ามีความคิดแล้วไม่ทำ ความคิดนั้นก็จะไม่ถูกหยิบมาใช้เลย ขนาดผมไม่ได้มีความรู้อะไรมาก ใช้เวลามาถึงตอนนี้แค่ 8 เดือนเอง แล้วพอทำไปก็จะรู้ว่ามันไม่ได้ยากอะไรเลย”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup