“SEIDA สระเดะ” แชมพูจากความรัก ใส่ใจระดับ Skincare ที่ปั้นแบรนด์บน TikTok จน Success
Text : Yuwadi.s
ถ้าคุณเริ่มต้นทำอะไรด้วยความรัก คุณจะพยายามทำสิ่งนั้นออกมาให้ดีที่สุด คุณจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้เสียมันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำด้วยความรักเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนในครอบครัวและนี่คือจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Haircare ที่กำลังมาแรงและเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์กับ “SEIDA” ที่เจ้าของแบรนด์อย่าง ทราย-ศุภานัน ขอเจียม เล่าให้ฟังว่า SEIDA (เซดะ) ก็คือ สระเดะ! เป็นชื่อแบรนด์ที่ผ่านกระบวนการคิดมาเป็นอย่างดีและไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้น แต่รวมไปถึงทุกดีเทลเล็กๆ น้อยของแบรนด์ทั้งหมด สาเหตุที่เธอใส่ใจทุกรายละเอียดเพราะเธอเริ่มต้นแบรนด์นี้จากความรักที่มีให้แก่น้องสาวซึ่งประสบปัญหาผมร่วงอย่างหนักจากโรค SLE ผนวกกับปัญหาผมเสียที่เธอประสบพบเจอด้วยตัวเอง จนในที่สุดแบรนด์เซดะที่เก๋สุดบนโลกออนไลน์ก็เกิดขึ้น
ก่อนที่เธอจะเริ่มปั้นแบรนด์เซดะ เธอเริ่มต้นเส้นทางอาชีพมาจากการเป็นช่างภาพ ต่อยอดสู่การก่อตั้ง Production House ของตัวเอง โดยเธอคลุกคลีอยู่ในแวดวง Beauty มาเป็น 10 ปี จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจอยากมีธุรกิจของตัวเอง ณ ตอนนั้นยังไม่ใช่เซดะที่เธอเริ่มต้น แต่เป็นแบรนด์แปรงแต่งหน้าที่ชื่อ Eigshow ซึ่งเธอเป็นผู้นำเข้าเจ้าแรกเจ้าเดียวของประเทศไทยและอยู่เบื้องหลังจนแบรนด์นี้ประสบความสำเร็จในวงการ Beauty
เพราะน้องสาวผมร่วงจากโรค SLE คือจุดเริ่มของแบรนด์ที่เก๋สุดบนออนไลน์
เมื่ออยู่เบื้องหลังและสร้างความสำเร็จให้คนอื่นมากมาย ทรายจึงมองว่าน่าจะถึงเวลาที่ต้องปั้นแบรนด์ของตัวเองสักที ณ ตอนนั้นเองที่น้องสาวของเธอเริ่มมีอาการป่วยและพบว่าเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง จากการรักษาส่งผลให้เกิดอาการผมร่วงอย่างหนัก จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์แชมพูเซดะ
“ตัวแชมพูมาจากการที่เราคิดว่า เราทำลูกคนอื่น อยู่เบื้องหลังมาเยอะหรือเราควรจะมีแบรนด์ของตัวเองสักที ตอนนั้นที่เราเจอแปรงแต่งหน้าก็เจอแปรงผมด้วย มันติดอยู่ในใจแบบน่ารักดี สาเหตุที่เราทำแชมพูเต็มตัวเพราะน้องสาวทรายเป็นโรค SLE เขาเป็นกำลังหลักใน Production house ของทราย ก็ต้องออกไปรักษาตัวก่อน ตอนแรกหาสาเหตุไม่เจอ สุดท้ายเจอว่าเป็น SLE กินยา อาการดีขึ้นแต่หลังจากนั้นคือผมร่วง แล้วน้องสาวเราเคยถูกคนบอกมาตลอดว่าผมสวย แล้วเราต้องเป็นคนหวีผมให้น้อง เขาไม่กล้าหวีผมเอง เพราะมันร่วงตลอดเวลา จนใกล้ๆ ซึมเศร้า เราก็เลยอยากผลิตแชมพูตัวนี้ออกมา อะไรก็ได้ที่ใช้กับน้องเราได้ เป็นจุดหลักของเรา ที่มันต้องอ่อนโยนและมีความละเอียดเท่าสกินแคร์ ซึ่งตัวนี้ก็จะแพงกว่าท้องตลาดถ้าเราเลือกมาทำ มันก็ไม่รู้จะขายได้ไหมเพราะมันนีชมาก สุดท้ายเราก็เลือกพัฒนาตัวโฟมล้างหน้ามาทำแชมพู ตอนนั้นน้องเราก็ยังไม่ดีขึ้นเพราะเราพัฒนานาน เขายังผมร่วงตลอด เราก็ตามหาอีกว่าจะมีตัวไหนลดผมขาดหลุดร่วงได้ไหม จนเจอสารสกัดจากเกาหลีก็เอามาใส่แชมพูเรา กลายเป็นความอ่อนโยนที่ผนวกกับตัวลดผมขาดหลุดร่วง ช่วยแก้ปัญหาด้วย”
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ตัวทรายเกิดปัญหาผมเสียอย่างรุนแรงซึ่งเป็นผลมาจากการทำสีผมมาตลอดหลายปี ทำให้ทุกปัญหาเส้นผมมารวมกันอยู่ที่เธอ จนเธอใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงโดยเริ่มต้นจากตัวเธอเอง นั่นจึงกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้หลังจากเปิดตัวไปเพียง 2 เดือน เธอสามารถเข้าถึงลูกค้าได้เป็นหลักพันคนและคลิปต่างๆ ที่ทำออกไปก็กลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์
“ช่วงโควิด ทรายไปทำสีผมหนักมากด้วย ทั้งฟอก ดัด ย้อม จู่ๆ ผมก็พังสุดพลัง น้องสาวทรายผมร่วงมันชนกันพอดีกับที่ทรายผมเสีย การที่เราจะทำเพื่อน้อง ให้น้องใช้ไปก่อนก็ไม่แน่ใจว่าจะทำขายไหม สุดท้ายผมเราเสียเองเลย หนักมาก ไปถ่ายงานทุกครั้งจนคนทัก เราก็คิดว่าต่อไปนี้แชมพูจะไม่ใช่แค่สระผมละ ต้องเป็นเรื่องการเสริมความมั่นใจให้คน ทุกคนเห็นตอนที่เปิดตัวหน้า เพื่อนรอบตัวเห็น ลูกค้าเก่าๆ เห็น เขาเคยเห็นสภาพเก่าทราย ผมเราพัง พอเห็นผมเราหลังจากใช้แชมพู เขาตัดสินใจซื้อเลย เราใช้ให้คนเห็นก่อน ทุกคนต้องได้เห็นผมฉัน ก่อนฉันขาย”
จุดเด่นของแบรนด์เซดะจึงเป็นที่เรื่องของการใช้แล้วเห็นผลจริงด้วยตัวส่วนประกอบของแชมพูที่มีความอ่อนโยนและช่วยแก้ปัญหา ใช้สารสกัดที่พรีเมี่ยมระดับเดียวกับสกินแคร์ ซึ่งกำลังจะกลายเป็นเทรนด์ในอนาคต โดยทรายได้เสริมว่า SIEDA มีตัวย่อที่ประกอบร่างสร้างตัวกลายเป็นแบรนด์
“เรามีความละเอียดกับสินค้าทุกจุด เซดะมาจากสระเดะ หรือ Motto ของเราอย่างตัว S คือ Smooth like silk อยากเป็น Combination ระหว่างผมสวยและฟังก์ชันของแชมพูที่เราทำได้ E คือ Equality ที่จะเน้นความสมดุล ในตลาดแชมพูยังไม่มีใครทำ เช่น การใส่ไฮยา ใส่สารสกัดอะไรลงไป ในอนาคตคนจะพลิกดูหลังขวด ดูส่วนประกอบมากขึ้น ส่วนตัว I คือ Ingredient เน้นสารสกัด ส่วนใหญ่นำเข้าแทบทั้งหมด ทุกท้ายคือ D กับ A เรา Develop for all ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย”
“ถ้าจะทำอะไรสักอย่าง ต้องทำมาจากความรักจริงๆ หลายคนบอกแพสชั่นมันเพ้อ แต่เรามองว่าถ้าเรารักมันจริงๆ เราจะอยากทำมันให้ได้ เราจะแก้ปัญหาและผ่านมันไปได้"
ปั้นแบรนด์ด้วย Personal branding
หนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์เซดะกลายเป็นที่รู้จักและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วแม้จะเปิดตัวได้เพียงไม่นานนั่นคือการสร้าง Personal branding โดยใช้ตัวทรายเองเป็นคนนำแบรนด์รวมถึงการได้มีโอกาสไปออกรายการ The Pitching ตั้งแต่เปิดตัวแค่ 2 อาทิตย์แรก ด้วยความเป็นตัวเองของทรายและการสื่อสารที่จริงใจ ตรงไปตรงมา ทำให้แบรนด์เซดะโดนใจลูกค้าจนคลิปของแบรนด์ไวรัลบนโลกออนไลน์
“ทรายว่าทุกแพลตฟอร์มสำคัญ เราต้องทำทั้งหมดเพราะลูกค้าอยู่ทุกที่ อย่าง TikTok คนก็จะมองว่าเพราะทรายไปออกรายการไงถึงไวรัล แต่จริงๆ ช่องทรายถูกดันไวรัลเพื่อรอรายการที่จะออกมา เราทำคอนเทนต์ TikTok รอก่อนแล้ว ตอนแรกเราก็แพลนว่าจะอยู่เบื้องหลัง แต่การมาแข่งรายการคือเปลี่ยนความคิดให้ออกมาข้างหน้า มันดีคนละแบบ ถามว่า TikTok สำคัญไหม สำคัญ แต่จำเป็นต้องเอา CEO ออกมาไหม ไม่จำเป็น เพราะแบรนด์แปรงแต่งหน้าที่ทรายทำคือเงียบกริบ ไม่มีคนรู้ว่าเจ้าของคือใคร คนจะรู้จักในนามแบรนด์ มันก็ขายได้เพราะแบรนด์แข็งมากแต่วันนี้ที่ทรายเข้า TikTok กลายเป็นทรายนำแบรนด์ แบรนด์ต้องวิ่งตามทรายให้ทัน ก็เป็นความท้าทายอีกแบบที่เราต้องทำให้แบรนด์นี้แข็งกว่าแบรนด์เก่า”
ทรายปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการปั้นแบรนด์ของเธอที่ทำให้ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วนั่นเป็นเพราะจุดเริ่มต้นจากความรักและเรื่องของแพสชั่น
“ถ้าจะทำอะไรสักอย่าง ต้องทำมาจากความรักจริงๆ หลายคนบอกแพสชั่นมันเพ้อ แต่เรามองว่าถ้าเรารักมันจริงๆ เราจะอยากทำมันให้ได้ เราจะแก้ปัญหาและผ่านมันไปได้ รวมถึงเม็ดเงินก็จะมาด้วย ถ้าเรารักและอยากอยู่กับมันมากพอ เราต้องทำให้สินค้าดีที่สุด สื่อสารให้คนเห็นมากที่สุดและต้องขายให้ได้ ลูกค้าก็ต้องรักสินค้าเราและเกิดการซื้อซ้ำ”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup