เรียนไปทำงานไป สร้างเงินได้ 6 หลัก! Lucky Egg Rings ดินปั้นของเด็กปี 4 ที่ยอดขายปัง 2 แสนบาท
Text : Yuwadi.s
ยิ่งรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น จากบทเรียนของเด็กมหาลัยปี 4 สายกฎหมาย ที่ชื่นชอบงานฝีมือและต่อยอด Passion ให้เป็น Business กับแบรนด์ดินปั้นที่ชื่อว่า Lucky Egg Rings สามารถสร้างรายได้ในวัยเรียนแตะหลักแสน
โดยผู้ก่อตั้งคือ เบนซ์-มนัสวี ชัยสวัสดิ์ อายุ 22 ปี เธอเล่าว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบหาทำ ลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง แต่ด้วยการเลือกที่จะทำตามกระแสแต่ใจไม่รัก ทำให้เธอต้องพับโครงการไป จนในที่สุดก็ได้มาเจอกับทางถนัดและไปได้ดีนั่นคืองานดินปั้น ต่อยอดสู่ธุรกิจสุดปังได้จนถึงปัจจุบัน
“ตอนนั้นเป็นช่วงที่โควิดหนักๆ เศรษฐกิจไม่ดีมากๆ แล้วเราอยากทำอะไรมาตั้งนานแล้ว เราเป็นคนชอบหาทำ ลองมาหลายอย่างทั้งขายเสื้อผ้าวินเทจ ทำขนมขาย แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เราขายตามกระแส ไม่ได้มีใจรัก ทำได้ไม่นานก็เลิก เพราะเหนื่อย ไม่สู้ จริงๆ เราเรียนกฎหมายด้วย ดูตรงกันข้ามมากที่จะมาขายออนไลน์ แต่เราชอบงานฝีมือมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วจุดเริ่มคือเราเห็นโพรดักส์ชิ้นหนึ่ง เป็นดินใน Pinterest ฝรั่งชอบทำกัน เราก็หาเลยว่ามีดินอะไรที่ทำได้ ตอนนั้นแต่อยากทำเล่นๆ ไม่ได้จริงจัง เลยสั่งมาลองทำเอง 5 ก้อน 5 สี แล้วก็ทำคลิป How to ใน TikTok เอามาปั้น มาอบแล้วถ่ายรูป กลายเป็นว่าคนดูเป็นแสน มีคนมาคอมเมนต์ว่าให้ทำขาย แต่เรายังไม่มั่นใจเพราะว่ายังใหม่มาก คนยังเข้าไม่ถึงว่ามันคืออะไร เหมือนของเด็กเล่น คนจุดประกายจริงๆ คือเพื่อน เขาบอกว่าอยากได้ สั่งเราทำได้ไหม เอามา 3 วงก่อน ทำสุ่มมาเลย เราเลยได้แรงบันดาลใจว่าเราจะทำไข่สุ่มแบบชากาปอง เลยตั้งชื่อร้านว่า Lucky Egg Rings เป็นจุดเริ่มต้นเลย”
ช่วงเริ่มต้นของแบรนด์ เบนซ์จะเน้นการขายใน Instagram เป็นหลัก ก่อนที่จะต่อยอดสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ อาทิ Lazada, Shopee เนื่องด้วยเธอทำทั้งหมดคนเดียว ทำให้เธอยังไม่กล้าที่จะขยายธุรกิจแบบรวดเร็ว จนเริ่มที่มียอดขายเพิ่มขึ้น เธอจึงมั่นใจว่าสินค้าของเธอต่อยอดได้และเติบโตได้มากกว่าที่เป็นอยู่
“ตอนแรกเราเน้นขายทาง Instagram ช่วงแรกๆ มีแค่แหวนอย่างเดียว แต่หลังๆ เริ่มมีร้านอื่นเข้ามา เราเลยคิดว่าต้องมีสินค้าอื่นๆ ที่แตกต่างออกไป เลยคิดออกมาเป็นสร้อย กิ้ฟ ที่คาดผม ต่างหู ออกคอกเลกชันใหม่เรื่อยๆ เราจะไม่ดูแบบจากร้านอื่นเลย เพราะไม่อยากเอาแบบใครมาทำ แม้ว่าจะมีร้านอื่นมาก๊อปปี้แบบเราบ้าง จากนั้นเราก็เริ่มมองหาแพลตฟอร์มอื่นๆ เพราะคนน่าจะเข้าถึงได้มากกว่า จากที่เคยขายใน instagram อย่างเดียว ยอดมันก็เรื่อยๆ ไม่ได้ปังมาก จนเริ่มเข้า Lazada ก็ค่อยๆ ขยายไป Shopee ที่เรากล้าลงขายเพิ่มเพราะเริ่มจ้างช่างปั้นอีกคนหนึ่ง มีคนมาช่วยเลยกล้ารับงานเยอะขึ้น ตอนแรกเราไม่กล้าซื้อของมาสต๊อก เพราะสินค้าหลักเราเป็น Made to order มีคนมาสั่งก่อน ค่อยทำ แต่ตอนนี้มันหมดทุกรอบก็เลยกล้าสั่งของมาสต๊อกเยอะขึ้น”
ด้วยความที่การขายออนไลน์มีจุดบอดอย่างหนึ่งคือลูกค้าไม่เห็นสินค้าจริง บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจ มองภาพไม่ออกว่าสินค้าใส่แล้วจะเป็นอย่างไร ทำให้เบนซ์เน้นไปที่การทำตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า
“สินค้าของเรามันแปลกใหม่ ไม่ค่อยเห็นในท้องตลาด ต้องเป็นคนที่แต่งตัวในระดับหนึ่ง สีสันมันจะสดใส ต้องคนที่แต่งตัวจัดนิดหนึ่ง จะมีบางรุ่นเหมือนกันที่เรียบง่าย แต่ก็มีคนที่ไม่ Get นึกไม่ออกว่าใส่มาจะเป็นยังไง เราจะทำการตลาดด้วยการดึงดูดลูกค้าด้วยรูปถ่ายสวยๆ จับมา Mix&Match กัน ให้ลูกค้าได้เห็นภาพ ด้วยความที่เราขายออนไลน์ไม่มีหน้าร้าน ลูกค้าก็ยังไม่เคยเห็นสินค้าจริง ถ้าขาดการทำตลาดหรือการโปรโมตที่ดี สินค้าจะดีแค่ไหนก็ไม่รู้จัก เราเลยเน้นการโปรโมต ถ่ายคลิปสั้นๆ ลง Instagram, TikTok”
โดยเบนซ์เล่าให้ฟังถึงจุดเปลี่ยนของแบรนด์ที่ทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดแตะหลักแสนเป็นครั้งแรก เริ่มมาจากการที่มียูทูปเบอร์คนหนึ่งรีวิวให้ประกอบกับตัวสินค้าที่มีความน่าสนใจในตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้สินค้าติดตลาดอย่างรวดเร็ว
“ยอดขายแตะแสนครั้งแรก เหมือนมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ ตอนนั้นเราใกล้สอบด้วย กำลังยุ่งๆ มีช่องยูทูปเขาลงสตอรี่ว่าจะทำคลิปรีวิวสินค้าในไอจี เราเลยเอาชื่อร้านเราส่งไป เขาก็สนใจสินค้าเลยดีลให้เราส่งสินค้าไปให้ เราก็เลือกรุ่นที่เราชอบและน่าจะขายได้ ช่วงเดือนเมษายน ซัมเมอร์พอดี คนจะนิยมเอาไปใส่กับบิกินี่ ไปทะเล เขาก็ทำคอนเทนต์ซัมเมอร์นี้ไอเท็มอะไรต้องโดนในไอจี คนก็ตามมาจากคลิปนั้นเยอะมาก คนติดตามเพิ่มวันละ 500 เดือนนั้นทำยอดได้ 250,000 บาทและเก็บตกมาเรื่อยๆ เฉลี่ยก็อยู่ที่หลักแสน”
อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญในการสร้างแบรนด์คือการสร้าง Personal Branding เพื่อให้คนจดจำได้ว่าแบรนด์นี้ใครอยู่เบื้องหลัง มีเรื่องราวความเป็นไปเป็นมาอย่างไร โดยเบนซ์เล่าว่าในช่วงแรกเธอไม่มั่นใจในการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ แต่เมื่อได้ลองทำแล้วกลับเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เธอก้าวผ่านความกลัวของตัวเองและทำให้แบรนด์เติบโตขึ้นด้วย
“เราเพิ่งจะกล้ามาเปิดหน้าตัวเองเมื่อเร็วๆ นี้ เพราะกลัว กังวลว่าถ้าลูกค้ารู้ว่าเราเป็นเจ้าของร้านนี้ หน้าตาแบบนี้ ลูกค้าจะมาคอมเพลน เราไม่มั่นใจในตัวเองในการถ่ายคลิปหรือทำคอนเทนต์ด้วย แต่พอลองลงคลิปใน TikTok แล้วมันบูม มันปลดล็อก เราเลยกล้าที่จะทำคอนเทนต์มาเรื่อยๆ ธุรกิจมันคือการได้ลอง ได้กล้าทำอะไรใหม่ๆ จากที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ทำไมเราถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้ มันยังมีอีกหลายเป้าหมายที่ให้เราได้ลองไปถึง ต้องใช้เวลา เรียนรู้มันไป ก้าวไปเรื่อยๆ แต่ละก้าวของเราคือสนุกมาก เพราะเป็นการทำงานที่มีความสุข เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เริ่มแรกมันยากเสมอ คนจะตั้งคำถามมากมายว่าเราจะขายได้เหรอ แต่เราแค่รู้สึกว่า เราต้องโฟกัสกับสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ลองไม่รู้ อย่ากลัว อย่าฟังคนอื่น ให้ทำต่อไปเรื่อยๆ” เธอเล่าปิดท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup