ปลูกความรักเป็นธุรกิจ เมื่อ Vanilla Lover ขายทุกอย่างที่เป็นวนิลา ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงร้านกาแฟ
เพราะสั่งสมประสบการณ์จากการทำคาเฟ่มาหลายร้าน จนเกือบจะถอดใจออกจากวงการนี้ แต่สุดท้ายก็พบว่าแท้จริงแล้วการทำร้านกาแฟให้ดีและยั่งยืนนั้นต้องหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ จึงออกมาเป็นร้าน Vanillian ที่ขายทุกอย่างที่เป็นวนิลา ก่อตั้งโดย มายด์-วิลุดา ชุณหสวัสดิกุล เธอคือ Vanilla Lover ที่หลงใหลในวนิลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพียงแค่ก่อนหน้านี้ไม่เคยหยิบเอาความชอบดังกล่าวมาทำเป็นธุรกิจ
โดยมายด์เล่าว่าก่อนหน้าเธอคลุกคลีอยู่ในวงการอาหารและเครื่องดื่มมาโดยตลอด เคยเปิดคาเฟ่มาหลายที่ แต่ก็ถึงจุดอิ่มตัวและเกือบจะเลิกทำ
“ก่อนมาเปิด Vanillian ตอนแรกเราจะเลิกทำแล้ว เพราะว่ามันเริ่มอิ่มตัว แต่พอดีช่วงหนึ่งเราเดินทางไปเที่ยวกับแฟน เป็นจุดเริ่มต้นไอเดีย มีการเริ่มคุยเรื่องวนิลาที่ใช้ทำขนม เราเคยเห็นแต่ตัวฝัก ไม่เคยเห็นต้นเลยว่ามาจากไหน เกิดเป็นความสงสัยว่ามันเป็นมายังไง ใช้เวลาหาอยู่นานมาก ร่วมปีได้ ในไทยเองก็ยังไม่ค่อยมีคนปลูกเยอะ ช่วงนั้นเราก็สั่งมาจากทุกที่เลย จากต่างประเทศบ้าง ต้นแท้บ้าง ไม่แท้บ้าง เป็นจุดเริ่มต้นให้ศึกษาเรื่องนี้ ปกติเราชอบทำขนมอยู่แล้ว ชอบวนิลามาก พอเราได้ศึกษาการปลูกต้นวนิลา แล้วมันใช้เวลาปลูกค่อนข้างนาน 2-3 ปี ระหว่างนั้นมีไอเดียเริ่มธุรกิจนี้ขึ้นมาคือทำร้านเกี่ยวกับวนิลาโดยเฉพาะ จนกลายเป็นร้าน Vanillian”
จากความหลงใหลจนกลายเป็นธุรกิจ ทำให้มายด์เริ่มวางแผนตั้งแต่ต้นว่าอยากทำฟาร์มวนิลาให้เกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทยและอยากให้คนได้รู้จักวนิลามากขึ้น แต่ในระหว่างที่กำลังทำฟาร์มวนิลาก็เกิดเป็นร้านกาแฟที่มีขายทุกอย่างเกี่ยวกับวนิลาทั้งขนม เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ประกอบการอาหาร ฝักวนิลา เครื่องหอม และของกระจุกกระจิกต่างๆ
“ร้านของเราทุกอย่างคือวนิลาหมดเลย เราใช้วนิลาจริงๆ ไม่ใช้วนิลาสังเคราะห์ เราจะนำเอาวนิลาพันธุ์ที่แตกต่างกันมาใช้ทำขนมและเครื่องดื่ม เพื่อให้คนสามารถแยกได้ว่าเลือกใช้แบบไหนดี เพราะร้านเรามีขายผลิตภัณฑ์ไว้ประกอบอาหาร ทำขนมด้วย จุดเด่นของร้านเราเน้นไปที่การให้ความรู้กับลูกค้าในการใช้ผลิตภัณฑ์วนิลาแท้ เพราะจุดประสงค์แรกที่ทำคือความต้องการให้คนไทยหันมาบริโภควนิลาแท้ที่มีคุณภาพ ตอนนี้คนเน้นไปใช้วนิลาสังเคราะห์ส่วนใหญ่ วนิลาจริงหรือที่นำเข้ามันแพง มายด์เลยคิดว่าถ้าเราปลูกในไทยได้ เราก็ไม่ต้องนำเข้า ราคาก็จะถูกลง คนจะได้หันมาใช้มากขึ้น”
ความแตกต่างระหว่างวนิลาแท้และวนิลาสังเคราะห์ เธอเล่าว่าอยู่ที่เรื่องของกลิ่น วนิลาสังเคราะห์จะมีกลิ่นหวานแบบเดียว แต่วนิลาแท้จะมีกลิ่นอ่อนๆ และมีความหลากหลายตามแต่สายพันธุ์
“กลิ่นมันจะต่างกัน ถ้าวนิลาสังเคราะห์กลิ่นจะแรงเลย แต่ถ้าได้มาดมกลิ่นวนิลาจริงๆ มันไม่ได้แรงขนาดนั้น แต่จะเสริมให้อาหารและเครื่องดื่มมีความกลมกล่อมมากขึ้น เสน่ห์ของวนิลาจริงๆ มันไม่ได้มีแบบเดียว แต่มีหลายสายพันธุ์มากๆ ทั้ง แพลนนิโฟเลีย มาดากัสการ์ ตาฮิติ แต่ละพันธุ์จะให้กลิ่นที่ต่างกัน บางพันธุ์จะให้กลิ่นไปในโทนสมูธ ครีมมี่ บางพันธุ์จะมีความฟรุตตี้ เหมือนกับเมล็ดกาแฟหรือช็อกโกแลต มีความสนุกในตัวของมันเวลาเลือกใช้ เราทำหน้าร้านขึ้นเพราะอยากให้คนได้ลองมาสัมผัสกับผลิตภัณฑ์จริงๆ”
บทบาทหนึ่งของมายด์ ณ ปัจจุบันคือการดูแลร้าน Vanillian แต่อีกบทบาทสำคัญไม่แพ้กันคือการเป็นฟาร์มเมอร์ยุคใหม่ที่เรียนรู้ด้วยตนเองเกี่ยวกับการทำฟาร์มวนิลาในประเทศไทย เพราะหาข้อมูลยาก ทั้งยังไม่ได้เป็นพืชพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการปลูกขนาดนั้นในบ้านเรา ที่สำคัญพื้นที่ปลูกที่เธอเลือกยังมีความท้าทายสูง นั่นคือจังหวัดกาญจนบุรี เธอเล่าว่าการเริ่มต้นจึงมีความยากอยู่ไม่น้อย
“ตอนแรกเริ่มก็ยากเหมือนกัน แต่เราไม่ท้อ ตอนเริ่มโทรไปหาต้นพันธุ์กว่า 20 ที่ ก็ไม่ได้ ขอเข้าไปศึกษาที่ไหนก็ไม่มีใครให้ศึกษา แต่เรายังอยากลองเสี่ยง เลยซื้อต้นพันธุ์จากต่างประเทศมาปลูกเอง หาอยู่ร่วมปีจนเจอแลปที่ต่างประเทศ ปรึกษาเขาให้เขาเพาะต้นพันธุ์มาให้เรา ขอความรู้จากเขาระหว่างปลูก”
สำหรับการทำฟาร์มวนิลาของมายด์ เธอมีการปลูกในโรงเรือนและใช้วิธีการควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 35 องศา โดยจะใช้ตัววัดอุณหภูมิ หากเกินก็จะใช้ละอองพ่นน้ำเพื่อลดอุณหภูมิให้เย็นลง ซึ่งเธอเล่าเสริมว่าการทำฟาร์มวนิลาต้องใช้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ
“ตอนนี้เราพิสูจน์แล้วว่าพื้นที่ร้อนก็สามารถปลูกได้ โดยการปลูกในโรงเรือน ดูแลโดยการควบคุมอุณหภูมิ ตอนนี้เป็นปีที่ 2 เกือบ 3 ปีแล้ว เริ่มออกดอก ไปกลับเมืองกาญฯ เกือบทุกวัน ตื่นตี 5 ขับรถเพื่อไปผสมเกสรให้ดอกวนิลา เพราะต้องผสมเกสรด้วยมือ ถึงจะออกเป็นฝักและนำมาใช้ได้ ต้องเอาใจใส่เยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงออกดอก ต้องดูทุกวัน บางวันออก 10 ดอก อีกวัน 10 ดอก ออกไปเรื่อยๆ ไม่ได้ออกพร้อมกัน ออกอยู่แค่ 2 ชั่วโมงก็จะร่วง เราต้องเข้าไปผสมเกสรให้ทัน ช่วงนี้เลยเหนื่อยและยากที่สุด ส่วนต้นพันธุ์เราเริ่มจำหน่ายได้แล้ว เพราะว่าออกดอกแล้ว ตอนนี้มีคนสนใจเยอะมากตั้งแต่ลงขายไป ก็ดีใจที่มีคนสนใจอยากปลูกเยอะขนาดนี้”
โดยมายด์ได้แชร์ประสบการณ์ที่เรียนรู้จากการทำคาเฟ่จนถึงการเปิด Vanillian ว่าวงการคาเฟ่ในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ถ้าอยากทำธุรกิจนี้ได้ยาวนาน ไม่ควรขายทุกอย่างและต้องหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอ
“มันมีคาเฟ่เกิดขึ้นเยอะและด้วยความที่เราจับจุดไม่ได้ เวลาเราเปิดคาเฟ่ เราไม่ควรขายทุกอย่าง จับฉ่าย จิปาถะ ควรมีจุดเด่นของเราอย่างใดอย่างหนึ่ง คาเฟ่ก่อนๆ เวลาลูกค้าอยากได้อะไร อยากให้มีอะไร เราทำตามหมด มันเลยทำให้เราไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ซึ่งเขาไปหาจากที่ไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ Vanillian เรามีจุดเด่น เขาต้องมาหาเราคนเดียวเท่านั้น ตอนนี้เลยดีกว่าทุกอันที่เคยทำมา ถ้าเกิดว่ามีไอเดีย ต้องลงมือทำเลย อย่าคิดว่าทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ทำ”
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup