เปิดตำราให้ปังบน Tiktok จาก AggieHome ที่ฉีกกฎคลิปรีวิว จนคนดูหลักล้าน
กลายเป็นไวรัล! เมื่อคลิปรีวิวสินค้าเรียกเสียงฮาจากคนดู จนทำให้มีคนดูคลิปนั้นพุ่งเกินหลักล้าน เรากำลังพูดถึงคลิปบน Tiktok ของ AggieHome ร้านขายอุปกรณ์การเกษตรและเครื่องมือช่างจาก ตาคลี นครสวรรค์ ที่เปิดมาแล้วกว่า 7 ปีและล่าสุดใช้ช่องทาง Tiktok ในการรีวิวสินค้าที่น่ารักและสร้างความบันเทิง จนชาวโซเชียลชื่นชอบ โดยยุ้ย - ลลิลลา ธรรมนิธา ผู้ก่อตั้ง AggieHome ได้มาเล่าให้ฟังถึงกลยุทธ์ปั้น Tiktok ของแบรนด์ให้ปัง
โดยยุ้ยได้เล่าย้อนว่าจากเดิมที่ AggieHome เริ่มต้นมาโดยช่องทางออฟไลน์นั่นคือการเปิดหน้าร้านขายอุปกรณ์ช่างอยู่ในจังหวัดนครสวรรค์ จนเมื่อ 3 ปีที่แล้วได้ตัดสินใจขยับตัวเข้าสู่ออนไลน์เป็นผลพวงมาจากความต้องการแก้ปัญหาเรื่อง Cash Flow และการกระจายสินค้า
“เรื่องหลักคือการโชว์สินค้าที่หน้าร้าน Flow มันไม่ได้ตามที่เราตั้งใจ ด้วยความที่เราต้องครบทุกอย่าง ตามคอนเซ็ปต์คือต้องมีให้ครบ ลูกค้าเข้ามาแล้วต้องไม่ออกไปมือเปล่า ต้องมีทุกยี่ห้อ ทุกแบรนด์ ทุกรุ่น ความครบตรงนี้ทำให้เราเกิดปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียน เพราะยอดรับมันเข้าไม่บาลานซ์กับยอดขายออกไป เลยต้องมองช่องทางว่าทำยังไงให้ของในร้านไม่ได้ขายได้แค่ในพื้นที่ของเรา แต่ต้องกระจายออกไปได้เร็วและมากกว่านี้ เราเลยมองช่องทางออนไลน์”
เมื่อคิดแล้วต้องลงมือทำ AggieHome จึงไม่รอช้าด้วยการเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ โดยเริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์และขายบนแฟนเพจเฟซบุ๊กเป็นหลัก จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายเข้าสู่ Lazada, Shopee จนครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ในปัจจุบัน
“เรามองว่าการตลาดออนไลน์มันสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและสามารถสร้างการรับรู้ในวงกว้าง งบประมาณในการลงทุน ค่าใช้จ่าย เรื่องพนักงาน การโฆษณามันถูกที่สุดเมื่อเทียบกับการลงทุนในการตลาดรูปแบบอื่นๆ และด้วยความที่เราเข้ามาออนไลน์สักระยะ เราเริ่มรู้ว่าการแข่งขันค่อนข้างสูง เราพยายามทำตัวเราให้แตกต่างจากคู่แข่ง หาช่องทางใหม่ๆ แต่ทั้งนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าเป็นหลักเหมือนที่เราทำมาโดยตลอด”
เพราะการแข่งขันบนโลกออนไลน์นั้นสูงมาก การยึดติดการขายอยู่บนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งนั้นเสี่ยงเกินไป ที่สำคัญธุรกิจออนไลน์ยังมักจะเจอกับศึกหนักที่เรียกว่า “สงครามราคา” การขยับตัวให้เหนือกว่าคู่แข่งโดยไม่ต้องลงไปแข่งด้านราคาจึงเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ AggieHome ทำ
“ด้วยความที่เราขายในออนไลน์ มันแข่งขันด้วยเรื่องของราคา คนเข้ามาใหม่เขาจะแข่งกันจนเป็นสงครามราคา เราอยู่มาได้สักระยะก็รู้ว่าถ้าเรายังอยู่แบบนี้ต่อไป คู่แข่งมันมาตลอด เราได้แต่ป้องกัน เราจึงมองหาช่องทางอื่นๆ มาเสริมควบคู่กัน เพราะของที่เราขาย คนอื่นก็ขายได้ ของมันเหมือนๆ กัน แต่มันแข่งที่เรื่องราคา อีกอย่างเราก็เริ่มสร้างแบรนด์ตัวเองขึ้นมาและพยายามหาช่องทางใหม่ๆ ในการนำเสนอตัวตนของเรา สร้างตัวตนให้ลูกค้าจดจำในภาพลักษณ์ของเรา เราจึงมองช่องทาง Tiktok”
เมื่อตัดสินใจที่จะบุก Tiktok สิ่งแรกที่ทำคือการศึกษาแพลตฟอร์มให้ถี่ถ้วนและเข้าใจจริตของคนที่อยู่ในแพลตฟอร์มนั้นว่าเขาต้องการอะไรและเราสามารถทำอะไรเพื่อเข้าถึงพวกเขาได้อย่างตรงจุด นี่เป็นสิ่งที่ AggieHome ให้ความสำคัญและในที่สุดก็สามารถตีโจทย์ได้แตก จนทำให้คลิปของเขาประสบความสำเร็จบนโลก Tiktok เป็นอย่างมาก
“ก่อนเราจะกระโดดลงไปเล่นในแพลตฟอร์มไหน เราจะพยายามศึกษาในแพลตฟอร์มนั้นให้ละเอียด ถี่ถ้วน อย่างถ้าเราลงในเฟซบุ๊กหรือยูทูป จะต้องลงเป็นคลิปยาวๆ เพราะคนดูสามารถมาดูวิธีประกอบ วิธีทำ เขาจะชอบดูในยูทูปมากกว่า ส่วน Tiktok ลักษณะมันจะเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างความบันเทิง คนที่ดูเขาอยากดูเพื่อผ่อนคลาย ไม่ได้อยากซื้อของ ถ้าเราจะรีวิวยาวๆ ขายฮาร์ดคอร์ไปเลย ก็จะไม่มีใครดู พอเรารู้จักจริตของคนดู Tiktok ก็จะรู้ว่าเราควรจะพรีเซนต์ยังไงในความเป็น AggieHome ออกมา ซึ่งเรามีนโยบายที่จะ Give ก่อนที่จะ Get เราให้ความสุข ความรู้ ความบันเทิงก่อน ส่วนการที่เราจะ Get มันมาทีหลัง เขาดูเสร็จก็จะตามมาในไลน์แอด หรือช่องทางอื่นๆ อันดับแรกที่เราทำใน Tiktok คือการสร้างตัวตนให้เขารักเราก่อน ถ้ารักเราแล้ว เขาจะตามเรามาเอง”
หากคุณมีโอกาสได้ดูคลิปรีวิวสินค้าของ AggieHome ใน Tiktok คุณคงได้เห็นทีม AggieHome ที่สร้างรอยยิ้มให้กับคนดู ซึ่งพวกเขาเหล่านี้คือฟันเฟืองสำคัญในการทำให้คลิป AggieHome มียอดวิวสูงแตะหลักล้าน
“ที่ AggieHome พนักงานเราเป็นเหมือนหุ้นส่วน เราพยายามสร้างความรับรู้ให้เขารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ พูดง่ายๆ เจ๊รวย คุณก็รวย เรารวยไปด้วยกัน เราร่วมกันทำ ถ้าเขามีความรู้สึกว่าเป็นแค่พนักงาน และได้รับเงินเดือน ในการแสดงหรือการทำออกมา มันไม่ได้เหมือนคนที่เป็นเจ้าของทำ แต่ถ้าให้เราไปนั่งทำ เราก็ไม่ได้มีเวลา เราต้องมีทีมงาน เขาคือฟันเฟืองหลัก นี่คือปัจจัยที่เราให้ความสำคัญในการประกอบธุรกิจ เขาจะต้องรู้สึกแฮปปี้ อยู่กับเราเขาต้องเลี้ยงดูครอบครัวเขาได้ ต้องมีความสุข โดยในทีมเราก็มีการประชุมกันทุกวัน คุยกันว่าวันนี้จะทำคอนเทนต์อะไร เราวางแพลนไว้ทั้งเดือนอยู่แล้ว แต่จะมาคุยทุกเช้าก่อนว่าวันนี้จะถ่ายอะไร มีมุกยังไง เล่นอะไร จะแชร์กัน บางทีก็จะแชร์ว่าตรงนี้เจ๊ว่ามันแรงไปนะ ลูกน้องก็อาจจะแชร์ว่าอันนี้แหละเจ๊ อยู่ในกระแส เราแชร์กัน เราก็ยอมรับความเห็นของเขาและให้เกียรติความคิดเห็นซึ่งกันและกัน” เธอเล่าปิดท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup