แคมป์ปิ้งปังกว่าด้วย Campa! ระบบจองที่กางเต็นท์แรกในไทย ช่วยแคมเปอร์เที่ยวได้ง่ายขึ้น
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในช่วงที่ผ่านมา การกางเต็นท์กำลังมาแรงแซงทางโค้ง ยืนหนึ่งรูปแบบการท่องเที่ยวแบบ Outdoor แต่ใครที่เคยมีประสบการณ์ไปแคมป์ปิ้ง คงเคยเจอระบบการจองเต็นท์แบบแมนนวลที่ต้องเสิร์ชหาข้อมูลที่กางเต็นท์ ติดต่อพื้นที่ด้วยตัวเอง สอบถามวันว่าง และไปกางเต็นท์กันแบบแย่งชิง จ่ายเงินค่าจองช่วงเย็นกับคนที่มาเดินเก็บ ด้วยความซับซ้อนแบบนี้ทำให้การแคมป์ปิ้งจึงดูเข้าถึงยากสำหรับใครหลายคน จนกระทั่งมีคนมองเห็น Pain point ดังกล่าวและได้สร้างระบบจองที่กางเต็นท์แรกในไทยขึ้นกับ “Campa” ก่อตั้งโดยผู้ที่มีแพสชันด้านการแคมป์ปิ้งมาอย่างยาวนาน “อีฟ-อติชา ยิ่งศิริอำนวย”
โดยอีฟเล่าย้อนไปถึงความชอบในการแคมป์ปิ้งของเธอว่ามาจากการที่เธอชอบการท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ตั้งแต่ 6-7 ปีก่อน ทำให้เธอเสาะแสวงหาพื้นที่กางเต็นท์ในประเทศไทยและรับรู้ถึงปัญหาของการกางเต็นท์มาตั้งแต่ตอนนั้น จนเวลาผ่านไปที่เธอได้สัมผัสกับวัฒนธรรมกางเต็นท์ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้เธอค้นพบว่าการมีแพลตฟอร์มดีๆ นั้นช่วยให้การกางเต็นท์สะดวกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เกิดจากเริ่มแรกที่เราชอบเที่ยวธรรมชาจิ เที่ยวป่าเที่ยวเขา หาที่กางเต็นท์ตั้งแต่6-7ปีที่แล้ว เมื่อก่อนยังไม่ได้เยอะเหมือนทุกวันนี้ เราก็พอทราบวิธีการจองลานกางเต็นท์ว่ามันมีขั้นตอนประมาณไหน ถ้าอยากไปแคมป์ก็อาจจะต้องรีเสิร์ชเยอะหน่อย จนเรามีโอกาสไปอยู่อเมริกา 3 ปี เป็นประเทศที่วัฒนธรรมการแคมป์มันแข็งแรงมาก และเขามีแพลตฟอร์มรองรับในการแคมป์ปิ้งด้วย มากมายหลายเจ้า ค่อนข้างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะทุรกันดารขนาดไหน ก็มีข้อมูลให้ค้นหา เราเลยรู้สึกว่าประเทศไทยมีที่สวยงามเยอะแยะที่น่าไปแคมป์ แต่ระบบจัดการยังไม่ได้อำนวยความสะดวกเท่าที่ควร พอเราเรียนมาร์เก็ตติ้งที่อเมริกาจบก็คิดว่าน่าจะลองทำแพลตฟอร์มนี้ดีกว่า ก็คุยกับเพื่อนที่ทำงานเป็นดีไซเนอร์ที่ Silicon Valley เลยทำด้วยกัน เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิด Campa ขึ้นมา”
เมื่อมีไอเดีย ก็ไม่รอช้า! หลังจากที่อีฟกลับมาประเทศไทยก็ฟอร์มทีมคนที่มี Passion ในทิศทางเดียวกันมารวมตัวกันจนเกิดเป็น Campa ขึ้นช่วงต้นปี 2021 โดยมีเป้าหมายว่าอยากให้ Campa เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ได้มาแล้วไปตามกระแสเท่านั้น
“ทีม Campa มีประมาณ 10 กว่าคน เป็นทีมที่เราภูมิใจ เพราะทุกคนมีหน้าที่ซัพพอร์ตกัน มีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน เราอยากพัฒนาวงการแคมป์ปิ้งและเราลุยกับมันเต็มตัว เราอยากให้มันเติบโต ก้าวกระโดด เราไม่ได้มองว่ามันมาแค่เกาะกระแส เกาะเทรนด์ แต่เราตั้งเป้าว่าอยากให้การแคมป์ปิ้งเป็นอะไรที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ ง่ายเหมือนการไปเที่ยวทะเล”
สำหรับโมเดลธุรกิจของ Campa นั้นเป็นสตาร์ทอัพที่ในอนาคตจะมีการระดมทุนและเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของคนด้วย
“เรามองว่า Campa คือสตาร์ทอัพเลย มันเป็นโมเดลที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่ชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติและเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของทั้งผู้ประกอบการและคนไปแคมป์ด้วย อย่างเมื่อก่อนเวลาเราจะไปแคมป์ เราต้องรีเสิร์ช บางทีต้องอยู่ในกรุ้ป ในกลุ่มที่คนมาแชร์ข้อมูลกัน ขั้นตอนการหาที่ไปไม่ได้ง่ายขนาดนั้นถ้าเทียบกับไปเที่ยวทะเล ไปนอนโรงแรม เสร็จแล้วก็ต้องติดต่อเจ้าของลาน หรือมุมของผู้ประกอบการก็ต้องตอบคำถามทุกวัน เวลาเก็บเงินบางทีก็จะเก็บหน้างาน ตอนเย็นเก็บตามรายหัว คนไปแคมป์ก็ต้องรีบตื่นแต่เช้าออกจากบ้านเพื่อจะได้ที่กางที่ต้องการจริงๆ คนไปแคมป์ส่วนใหญ่อยากได้ที่สวยๆ แหละ แบบส่วนตัว ธรรมชาติ แต่การจะได้มา บางทีต้องแย่งชิง อีฟมองว่ามันเป็น Pain point ของทั้ง 2 ฝั่ง”
โดยจุดเด่นของ Campa นั่นคือการปิด Pain point ของแคมเปอร์และผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นระบบการจองที่สะดวกรวดเร็ว การมองเห็นภาพลานกางเต็นท์แบบ 360 องศา ระบบการจ่ายเงิน จองจ่ายจบตั้งแต่หน้าเว็บไซต์ เป็นต้น
“ระบบของเราเป็นการที่ทำให้ทุกคนสามารถจองที่ที่ต้องการได้ล่วงหน้า เห็นภาพทุกอย่าง เรามีภาพ 360 องศา บางทีดูภาพจากเพจมันไม่ตรงปก แต่เราจะโชว์ภาพให้เห็นเลยว่า พื้นที่รอบด้านเป็นลักษณะประมาณไหน จะได้ไม่ผิดหวัง และจะมีการจำกัดคน สมมติ พื้นที่ตรงนี้ จำกัดจำนวนสูงสุด 5 คน ทั้งเจ้าของลานและคนไปเที่ยวก็จะมั่นใจว่าเขาจะไม่เบียดกับใคร เจ้าของลานก็จะรู้ว่าจะมีคนอยู่ตรงนี้แค่ 5 คนนะ เขาจะจัดสรรทรัพยากรของเขาได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้น”
ในอนาคต Campa คงไม่ได้หยุดอยู่ที่การเป็นแพลตฟอร์มจองที่กางเต็นท์เท่านั้น โดยอีฟตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากให้ Campa ไปได้ไกลกว่านี้
“ในอนาคตจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาเสริม ไม่ใช่แค่การจองลานกางเต็นท์ แต่เรามองไปไกลกว่านั้น เราคิดว่ามันไม่ได้จบอยู่ที่การจองลานกางเต็นท์ แต่จะมีฟีเจอร์สำหรับคนชื่นชอบการเที่ยว Outdoor แบบนึกถึงว่าจะไปที่ไหน ทำอะไร จะนึกถึง Campa นี่เป็นเป้าหมายไกลๆ ของเรา ปัจจุบันก็มีนักลงทุนสนใจอยู่พอสมควรและน่าจะมีการเปิดระดมทุน เราอยากไปได้ไกลกว่านี้ มันไม่ได้เป็นแค่กระแสอย่างเดียว แต่เราอยากให้เป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่ใครๆ ก็ไปแคมป์ปิ้งได้ ต่อไปอาจจะมีการให้ข้อมูลการเที่ยวแคมป์ปิ้งที่มันยั่งยืนขึ้น บางประเทศก็มีการสอนการแคมปิ้งที่ไม่ทิ้งร่อยรอย Leave No Trace อยากปลูกฝังสิ่งนี้ให้คนได้เรียนรู้ว่าการแคมป์ปิ้งมันสามารถรับผิดชอบต่อธรรมชาติได้ยังไง อยากให้มันอยู่ได้อย่างยั่งยืน เราเองก็คิดว่าต้องพัฒนาอีกเยอะ” เธอเล่าปิดท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup