Starting a Business

Klu mi coffee ร้านกาแฟวิวหลักล้านของเด็กอายุ 18 ปี ที่ต้องจองก่อนถึงจะได้กิน 

 

     คลุกคลีกับกาแฟมาตั้งแต่จำความได้ แต่ภาพลักษณ์ของกาแฟสำหรับน้องแก้ว - วิภพ ภมรสุจริตกุล นั้นมันไม่อร่อย ขม กาแฟก็คือผลเชอร์รี่ธรรมดา แต่พอโตขึ้น น้องแก้วได้รู้จักกาแฟในมิติใหม่จนได้สร้างร้านกาแฟของตัวเองที่วิวหลักล้านกับ “Klu mi coffee กลึ มี กาแฟ” ที่จะให้คุณได้จิบกาแฟรสชาติดีที่ถูกชงแบบพิถีพิถันโดยบาริสต้าวัย 18 ปีพร้อมชมวิวดอยหลวงเชียงดาวที่พระอาทิตย์กำลังค่อยๆ ขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งร้านนี้ ถ้าไม่จองไม่ได้กิน! 

 

 

     โดยน้องแก้วเล่าให้ฟังถึงที่มาของร้านกลึมีกาแฟว่าเกิดมาจากตัวเขาเริ่มมีความชื่นชอบในกาแฟมากขึ้นและอยากศึกษาเรื่องนี้ให้จริงจัง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นอุปสรรคของเขาคือความขี้อายและไม่กล้าพูดกับลูกค้า ทำให้เขาเปิดร้านเล็กๆ นี้ขึ้นมาเพื่อที่จะได้ใช้กาแฟเป็นสะพานเชื่อมในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น

     “การเป็นบาริสต้าของผม เริ่มปีที่แล้ว ผมเรียนจบพื้นฐาน แต่ไม่จบหลักสูตร ติด 0 เลยออกมาช่วยพ่อแม่ทำงาน ช่วงแรกๆ ที่กลับมาผมก็ช่วยเขาปลูกข้าวโพด กะหล่ำ จนมีน้าของผมเขาเปิดร้านกาแฟเลยชวนผมมาอยู่ร้าน ตอนแรกก็ลังเล แต่แม่บอกให้ลองฝึกไว้ ผมเลยมาช่วยน้า ภาพลักษณ์กาแฟของผมสมัยก่อนคือมันขม เป็นแค่เชอร์รี่ แต่พอเรามาสัมผัมจริงๆ มันไม่ใช่ มันไม่ได้ขม แต่น่าค้นหา มีอะไรมากกว่าที่เราคิด ตั้งแต่ตอนนั้นผมเลยอยากศึกษาเกี่ยวกับกาแฟให้มากขึ้นและเริ่มชอบกาแฟ ช่วงแรกๆ ที่มาทำผมไม่ค่อยกล้าพูดกับลูกค้า ไม่ค่อยกล้าแสดงออก ผมเลยอยากลองตั้งร้านเพื่อรู้จักกับคนภายนอกให้มากขึ้นโดยใช้กาแฟเป็นตัวกลาง”

 

 

     ซึ่งวันแรกของร้านกลึมีกาแฟนั้นเป็นวันเดียวกับที่น้องแก้วได้พบเจอเหล่าตัวท็อปในวงการกาแฟ อาทิ ปิยชาติ ไตรถาวร แห่ง Gallery กาแฟดริป รวมถึง ลี–อายุ จือปา ผู้ก่อตั้ง อาข่า อ่ามา โดยพวกเขารู้จักกับน้าของน้องแก้วเป็นทุนเดิมและได้มาลองกาแฟที่หมู่บ้านเลาวูประตูเวียงแหง ทำให้น้องแก้วได้รับแรงบันดาลใจและตั้งใจเปิดร้านกลึมีกาแฟให้เป็นจริง

     “ผมมีแรงบันดาลใจมาจากพี่ปิ พี่ลี ที่ผมมาทำวันนั้นเป็นวันที่พวกพี่เขามา เป็นวันแรกที่ผมเปิดร้านกาแฟอย่างเป็นทางการ เขามาให้คำแนะนำเกียวกับพื้นที่ต่างๆ และกาแฟของเราด้วย อย่างตรงนี้ก็มองเห็นวิวดอยหลวง นักท่องเที่ยวก็อยากมาชม ผมเลยอยากเอากาแฟเป็นหลักเพื่อให้มีสีสันมากขึ้น”

 

 

     จุดเด่นของกลึมีกาแฟนั่นคือคุณจะได้เห็นวิวสวยๆ ของดอยหลวงเชียงดาวพร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้น ได้ดื่มกาแฟหอมๆ ราคาเพียง 160 บาทต่อคน โดยราคานี้รวมค่ารถพามาที่ร้านกาแฟด้วย เนื่องจากตรงบริเวณร้านอยู่ในหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวที่ไม่ชินทางอาจจะเกิดอันตรายได้

     “ลูกค้าสามารถจองเข้ามาทางเพจ ร้านกาแฟของผมจะอยู่หลังหมู่บ้าน ถนนเลนเดียว อันตราย ทั้งต่อคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวด้วย เลยต้องเป็นรถของคนในชุมชนพาขึ้นไป ค่าใช้จ่ายก็จะรวมกันหมดแล้ว ทั้งค่ารถ ค่ากาแฟ ค่าจัดการ ค่ากองกลางหมู่บ้านอยู่ที่ 160 บาทต่อคน”

 

 

     จากเด็กคนหนึ่งที่เคยไม่ชอบกาแฟกลับกลายมาเป็นเจ้าของร้านกาแฟในวัย 18 ปี น้องแก้วได้เล่าว่าทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้รู้จักกับกาแฟมากขึ้น เพราะกาแฟคือการผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะ ต้องอาศัยความเอาใจใส่และความพิถีพิถัน ถึงทำให้กาแฟแก้วหนึ่งออกมาดีได้

     “ผมอยู่กับกาแฟตั้งแต่เด็ก ปิดเทอมก็จะช่วยพ่อแม่เก็บผลเชอร์รี่ไปขายให้พ่อค้าคนกลาง ตอนนั้นภาพลักษณ์กาแฟคือผลเชอร์รี่ แล้วก็เคยลองกินของพ่อบ้าง มันขม นั่นคือภาพลักษณ์กาแฟตอนนั้น แต่พอเราลองมาทำกาแฟ ทำให้เรารู้ว่าไม่ควรตัดสินอะไรก่อนที่เราจะรู้จักมัน สำหรับเราตอนนี้ กาแฟมันต้องการความเอาใจใส่จากคนทำ ถ้าเราผิดพลาดแม้แต่กระบวนการเดียวก็ทำให้กาแฟแก้วนั้นเสียรสชาติได้ กาแฟมันน่าเรียนรู้” เขาเล่าปิดท้าย

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup