Starting a Business
เครื่องหนังทำมือ เรียนสบายๆ กับ Earth Art and Craft
ที่นี่อาจไม่มีห้องเรียนสวยหรู
ไม่ตีกรอบวันเวลาเรียน ใครพร้อมอยากมาหาความรู้ลงมือฝึกทำเมื่อไหร่ก็มาได้
ไม่มีกำหนดวันสุดท้ายของวันเรียนอีกต่างหาก
เพราะเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัว ที่สำคัญ เมื่อไหร่ที่อยากขอคำปรึกษาหรือฝึกความชำนาญ ก็กลับมาได้เสมอ เนื่องจาก Earth Art and Craft โรงเรียนสอนเครื่องหนังทำมือของ กรกช ไกรสิทธิ์ ไม่ได้สร้างเป็นธุรกิจมุ่งหวังกำไรเป็นหลัก ซึ่งหากผ่านร้านค้าภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จตุจักร ก็จะเห็นนักเรียน 3-4 คน กำลังขะมักเขม้นกับการเย็บ การตัด กระเป๋า โดยมีกรกช คอยชี้แนะอยู่ใกล้ๆ ทุกวัน
กรกช หลงใหล เสน่ห์เครื่องหนังทำมือตั้งแต่เรียนเพาะช่าง เพียงเพราะความบังเอิญที่เดินผ่านโรงฟอกหนังแล้วเห็นเศษหนังที่ถูกทิ้งกองไว้ จึงหยิบติดมือกลับมาลองเย็บกระเป๋า ทั้งๆ ที่ไม่ได้ร่ำเรียนการทำเครื่องหนังมาก่อน
“โจทย์คือเป็นเศษหนัง ทำอย่างไรจึงจะไม่รู้ว่ามันคือเศษหนัง แต่เป็นกระเป๋าอีกใบที่ดูมีค่ายืนอยู่ในโลกได้ ส่วนการทำก็ไม่ยาก เราแค่คิดว่าจะใส่ของ ฉะนั้น ทำอย่างไรให้หนังติดกันสี่ด้าน จะเย็บจะปะก็ได้ให้แข็งแรง แล้วที่สำคัญสวยงาม นั่นก็คือฟังก์ชั่นและดีไซน์ต้องไปด้วยกัน พอทำได้ออกมาสวยดูดีหลังจากนั้นก็ทำส่งร้านขายเป็นรายได้ ซึ่งต้องถือว่ายุคนั้นเป็นยุคบุกเบิกการทำเครื่องหนังแฮนด์เมด”
แต่เมื่อเรียนจบกรกชทิ้งงานเครื่องหนังหันมาจับงานด้านครีเอทีฟแทน และทำงานในวงการโฆษณามานานร่วม 30 ปี จนกระทั่งเมื่อลาออก จึงตัดสินใจกลับมาทำในสิ่งที่ถนัด โดยเปิดร้านขายเครื่องหนังทำมือของตนเองที่ MRT จตุจักร ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจ นอกจากจะขายได้แล้วยังมีคนมาขอให้เขาช่วยสอนการทำเครื่องหนังทำมือ กรกช จึงตัดสินใจเปิดห้องเล็กๆ อีกห้องสำหรับสอน โดยตั้งใจว่าจะสอนเพื่อให้สามารถทำเครื่องหนังทำมือให้เป็น จากนั้นจะทำกระเป๋า เข็มขัด รองเท้า พวงกุญแจ ฯลฯ ก็สามารถเอาไปปรับใช้ได้หมด
ด้วยความที่กรกชอยู่ในวงการโฆษณามานาน การเรียนการสอนจึงไม่ได้จำกัดเพียงแค่วิธีการทำเครื่องหนังเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกการสร้างแบรนด์ การทำตลาด วิธีคิดในการสร้างสรรค์โพรดักต์ เพื่อที่จะสร้างโอกาสให้กับตนเอง และสร้างอีกแบรนด์ในโลกนี้ด้วย
“ตรงนี้เราไม่ได้ขายกระเป๋า เพราะในตลาดคู่แข่งขายเยอะมาก ถ้าคิดแค่ว่าทำกระเป๋าสวยจะต้องเจอคู่แข่งตั้งแต่ประตูน้ำ ถึงแพลทตินั่ม หรือทำให้ดีก็ต้องเจอแบรนด์ดังๆ ทั้งหมดทั้งมวลคู่แข่งที่สำคัญคือจีน จะเอาสวยขนาดไหน ราคาเท่าไหร่ทำได้หมด ดังนั้น ถ้าคิดแค่ทำกระเป๋าสวย เจ๊งทันที เพราะเราทุนน้อย ต้องคิดว่าถ้ากระเป๋าสวยซื้อที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าจะซื้อเสน่ห์บางอย่างที่กระเป๋าทั่วไปไม่มีบนงานชิ้นนี้ ที่เรียกว่าเป็นงาน craft ก็ต้องซื้อที่เราเท่านั้น”
“ในวันธรรมดาเขาอาจจะถือกุชชี่ แอร์เมสในการเข้าประชุม เสาร์อาทิตย์จะไปปาร์ตี้ จะต้องถือกุชชี่ใบเก่าไปอีกเหรอ เขาอาจจะอยากเป็นตัวของตัวเอง มีสไตล์ของตัวเอง ทำไมไม่คิดตรงนี้เป็นตลาดของคุณ ที่ยังไม่มีใครไปครอง นี่คือวิธีคิดที่จะสอนไปด้วย”
กรกชเล่าว่าคนที่มาเรียนมีหลากหลายอายุและอาชีพ ตั้งแต่ พยาบาล เภสัช พนักงานธนาคาร ทหาร หมอ สถาปนิก เจ้าของธุรกิจ และแม้กระทั่งกลุ่มแม่บ้าน
“มีกลุ่มแม่บ้านคนหนึ่ง เขาเป็นแม่บ้านอยู่นครปฐม ราชบุรี คิดจะสร้างมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้าที่มีอยู่ในท้องถิ่น แต่จะเพิ่มอย่างไร ก็ต้องดูก่อนว่าตลาดที่เราจะลงทุน จะขายคนไทยหรือต่างชาติ ก็ช่วยกันคิดเอากระจูดมาแซมด้วยหนัง ปรากฏว่าค่ากระจูด 100 บาท ค่าหนัง 500 บาท มีคนญี่ปุ่นมาซื้อไป 1,500 บาท และได้ออเดอร์จากสวีเดนมาอีก”
สำหรับคอร์สเรียนนั้นมี 3 ราคา คือ 4,500 บาท 8,500 บาท และ 15,000 บาท แต่กรกชกลับบอกว่า ไม่ว่าจะราคาไหนก็เรียนเหมือนๆ กัน คือเรียนรู้เครื่องมือ วัตถุดิบ คุณสมบัติของหนังชนิดต่างๆ วิธีคิดออกแบบ การสร้างแพทเทิร์น วิธีขึ้นรูปงานจริง และเรียนรู้เรื่องตลาด คู่แข่ง การลงทุน รวมถึงการสร้างแบรนด์ หากเงินน้อยกรกชแนะนำให้เรียนคอร์สละ 4,500 แต่จำเป็นต้องรีบเก่ง และขยันทำการบ้าน
จากประสบการณ์ในตลาดเครื่องหนังทำมือนั้น กรกช บอกว่าตลาดนี้ยังเติบโตได้อีกมาก เพียงแต่ต้องมีวิธีคิดใหม่ นั่นคือ ต้องเติบโตไปตามไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ให้ได้!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 087-0830982
Create by smethailandclub.com