Starting a Business

Sanit portfolio คุยกับช่างภาพ Pre-wedding มือทอง พีคสุดทำรายได้แตะ 7 หลักใน 1 เดือน!

    “ภาพบ่าวสาวยิ้มแย้มเป็นธรรมชาติ ทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเดิน จะวิ่ง จะนั่งหรือว่าคุยกันเหมือนเราได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาจากภาพ ทุกอย่างดูกลมกลืนลงตัวไปหมด” นี่คือความรู้สึกทุกครั้งเวลาดูภาพถ่ายของเพจ Sanit portfolio ช่างภาพ Pre-wedding ที่คิวทองที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย ช่วงเวลาพีคๆ ต้องจองล่วงหน้า 2 ปีและเคยทำรายได้แตะ 7 หลักใน 1 เดือนเลยทีเดียว เราจะพาไปคุยกับ “ศานิต นิธิกุลตานนท์” เจ้าของเพจ Sanit portfolio ที่มียอดผู้ติดตาม 4 แสนกว่าคนเลยทีเดียว


 
 
เส้นทาง 20 ปีของการถ่ายรูป 
 
     ย้อนกลับไปเกือบ 20 กว่าปีที่แล้ว การถ่ายภาพเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตศานิตครั้งแรกเมื่อตอน ม.6 ที่เขารับงานถ่ายรูปรับปริญญาครั้งแรก จากนั้นชีวิตของเขาก็ไม่เคยห่างจากคำว่าถ่ายรูปอีกเลย


     “ผมชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเลยถ่ายมาเรื่อยๆ เริ่มรับงานรับปริญญาตอนม.6 แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอาชีพจริงจังเพราะมองว่ามันไม่มั่นคง พอเรียนจบมา เลยไปสมัครทำงานประจำ ตอนนั้นก็ขอเขาว่าจะขอไปรับงานถ่ายภาพด้วย เป็นจ๊อบเสริม เขาเลยบอกว่าถ้าทำอย่างนั้น สู้ไปเป็นช่างภาพเถอะ ทำ 2 อย่างคู่กันไม่ได้ ตอนนั้นมีนิตยสารสัตว์เลี้ยงมองหาช่างภาพ เลยลองสมัครดู ก็เริ่มเป็นช่างภาพเต็มตัว”


     เมื่อเข้าสู่วงการช่างภาพเต็มตัว ศานิตก็สั่งสมประสบการณ์ด้านนี้อย่างเต็มที่ ทั้งการเป็นช่างภาพหมาแมวจนเปลี่ยนไปเป็นช่างภาพแฟชั่นพร้อมกับรับงานถ่ายรูปรับปริญญาและเขยิบมาเป็นช่างภาพแต่งงาน 


     “ตอนนั้นถ่ายรูปรับปริญญาเราโอเคแล้ว มีฐานลูกค้าเยอะขึ้น คนบอกต่อกัน มันเป็นแพทเทิร์น เวลาที่เราถ่ายงานรับปริญญาเสร็จ ก็จะเขยิบมาเป็นเวดดิ้ง ลูกค้าที่เราถ่ายรับปริญญาก็จะเริ่มแต่งงาน เราเลยเข้าสู่วงการเวดดิ้งเยอะขึ้น เริ่มสร้างเพจ ตอนนั้นยังหาตัวเองไม่เจอ ยังไม่มีคนรู้จักเท่าไร”



 
 
ค้นพบตัวเองจนเปลี่ยนชีวิตช่างภาพ


     แม้จะเริ่มเข้าวงการเวดดิ้ง แต่สไตล์การถ่ายรูปของศานิตยังไม่มีลายเส้นที่จัดเจนในช่วงแรก เขาเล่าว่าช่วงเริ่มต้นยังเป็นช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง จนในที่สุดก็ค้นพบทางที่ใช่และกลายเป็น  Sanit portfolio มาจนถึงทุกวันนี้


     “ช่วงแรกที่ถ่าย เราจะใช้ Flash ช่วงนั้นเขาฮิตกัน เราก็ใช้แต่ว่ายังไม่ค่อยเก่ง การใช้ Flash มันจะต้องเซ็ตอัพ ต้องจัดท่าบ่าวสาว จนถึงจุดเปลี่ยนที่เราไปเที่ยว แล้วเจอฝรั่ง ทีนี้ก็มีคนถ่ายพรีเวดดิ้งริมทะเล ฝรั่งเขาก็ถามว่าทำอะไรกัน เราก็บอกว่าเขาถ่ายพรีเวดดิ้งกัน ฝรั่งหัวเราะแล้วบอกว่าทำไมบ่าวสาวดูไม่มีความสุขเลย ดูแข็งมาก ประโยคนี้ทำให้เราคิดว่า เออ จริงว่ะ! แต่ไม่ได้หมายความว่าการถ่าย Flash จะทำให้บ่าวสาวไม่มีความสุขนะ อาจจะเป็นจากจุดนั้นที่เขาเห็น มันดูเก้ๆ กังๆ ทีนี้เลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราลองเปลี่ยนแนวดู”




     จากประโยคนั้น ทำให้ศานิตเริ่มค้นพบตัวตนด้วยการถ่ายรูปให้เป็นฟีลธรรมชาติ ปล่อยให้บ่าวสาวปลดปล่อยท่าทางที่เป็นธรรมชาติ จนทำให้ได้ภายถ่ายที่ดูแล้วเต็มไปด้วยความสุข แม้แต่ช่างภาพเองก็รู้สึกมีความสุขไปด้วยเช่นกัน


     “เหมือนเราค้นพบตัวเองและแนวทางรูปของเราชัดเจนมากขึ้น ตอนนั้นยังไม่ได้ดัง มีคนกดไลค์อยู่ 7-8 พันคน ทีนี้เราไปปั่นจักรยาน แล้วไปรู้จักพี่เกลือ เป็นต่อ พี่เกลือบอกว่าชอบงานของเรา ดูสบายๆ เราเลยไปถ่ายพรีเวดดิ้งให้เขา เขาก็อยากได้งานสตรีท อารมณ์แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องมีแพทเทิร์น ก็เลยเริ่มจากอนุสาวรีย์ฯ ไปกินก๋วยจั้บ กินข้าว เดินเล่น ผมก็ตามสแนปไปเรื่อยๆ นี่คือจุดเปลี่ยน พอลงงานนั้นไป คนกดไลค์เป็นแสน แชร์ไป 7-8 หมื่น จากนั้นพอลงงานอะไรที่เป็นสตรีทก็เลยบูมขึ้น งานหนึ่งคนกดไลค์เป็นแสน กลายเป็นจุดเปลี่ยนว่าเราควรมาแนวนี้”




 
ความธรรมชาติและสตอรี่ที่ถูกบรรจุลงในภายถ่าย 


     ความโดดเด่นของรูปภาพของ  Sanit portfolio คือความธรรมชาติของบ่าวสาวที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขอีกทั้งในรูปถ่ายยังเต็มไปด้วยสตอรี่ที่น่าติดตาม แต่กว่าจะออกมาได้แต่ละรูป ไม่ใช่เรื่องง่าย


     “ความยากอยู่ที่ตัวบ่าวสาว พอคาแรกเตอร์ชัดว่าเราเป็นงานเน้นฟีลลิ่ง อยากได้ภาพที่หลุดหัวเราะ บางคนเส้นตื้น หัวเราะง่าย มีมุกนิดหนึ่งก็หัวเราะ แต่บางคนทำยังไงก็ไม่ยิ้ม ไม่เป็นไร ถ้ายังอยากถ่ายก็โอเค แต่ที่ยากคือผู้หญิงอยากถ่าย ผู้ชายไม่อยากถ่ายหรือผู้ชายอยากถ่าย ผู้หญิงไม่อยากถ่าย นี่ยากมาก เราค่อนข้างใช้ลูกค้าหนัก ทั้งวิ่ง กระโดด ก็จะมีความอาย ทีนี้เราต้องคุยกับเขาว่าครั้งหนึ่งนะ ไหนๆ ก็จ้างเรามาแล้ว ลุยให้เต็มที่ ครั้งเดียวเสร็จ เพราะถ้าทำเหยาะแหยะ ก็ต้องทำซ้ำเรื่อยๆ แต่ความเชื่อคือไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยหัวเราะ ไม่มีใครที่ไม่เคยมีความสุขถึงจะยิ้มยากแต่ในชีวิตต้องเคยหัวเราะบ้าง เราก็จะยิ่งทำให้เขาเห็นว่าเวลาเขาหัวเราะแล้วมันแจ๋ว บางคนไม่เอนจอยหรอกแต่พอถ่ายไปแล้วเห็นรูปตอนหัวเราะ ก็ทำให้เขารู้ว่า อ๋อ ที่เหนื่อยวันนั้นมันออกมาเป็นยังงี้เอง เขาก็จะเข้าใจ”


 
 
Sanit portfolio ช่างภาพคิวทอง รอคิวนานสุด 2 ปี


     หลังจากที่ชื่อของ Sanit portfolio เป็นที่รู้จักในวงการพรีเวดดิ้ง พลิกชีวิตเขาให้กลายเป็นช่างภาพมือทอง ที่ลูกค้าต้องจองคิวล่วงหน้าถึง 2 ปีในช่วงพีคๆ ไม่ว่าใครก็อยากให้เขาถ่ายรูปให้สักครั้งในชีวิต 


     “มันเป็นโอกาสด้วย จริงๆ คนชอบถามว่าจะทำยังไงถึงจะประสบความสำเร็จ ผมมองว่ามันไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่ใช่ว่าเราบอกแบบนี้ ทำแบบนี้แล้วคุณจะประสบความสำเร็จ บางทีก็ขึ้นอยู่กับดวงด้วย อยู่กับโอกาสที่เข้ามาด้วย แต่อย่างหนึ่งคือเวลาผมทำงาน ผมค่อนข้างจริงจัง ในความไม่จริงจัง ลูกค้าจะมองว่าเหมือนเป็นเพื่อนพี่น้อง แต่ในเนื้องานเราจะซีเรียส ถ่ายถ่ายผมจะเครียดมากแต่เก็บไว้ในใจ ลูกค้าไม่รู้หรอก เราจะต้องทำงานให้มันโอเค ถ้าถ่ายแล้วรู้สึกว่าไม่ถึง ไม่คุ้มกับลูกค้า เราจะไม่ยอมหยุด เราจะคิดแทนว่าเขาจ่ายเรามาแพง ผมจะไม่ทำงานแค่ให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันพอแค่นี้ดีแล้ว แต่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้รับเกินจากที่คิดไว้ มันคุ้ม ถ้าเขาหวังไว้ 100 เราจะให้เขา 150 เป็นจุดที่ทำให้ผมอยู่มานานและอยู่ได้ เราตั้งใจและใส่ใจกับงานจริงๆ”


     โดยเขาเสริมต่อเรื่องของรายละเอียดการจ้างงานถ่ายรูปในแต่ละครั้ง ต้องมีการจองคิวล่วงหน้า ลูกค้าเคยต้องรอคิวนานสุดประมาณ 2 ปี เป็นแบบนี้ติดต่อกับมา 4-5 ปีก่อนที่จะมีโควิด


     “ราคาจะเริ่มต้นที่ 4 ชั่วโมง 50,000 บาท 8 ชั่วโมง 65,000 บาท ถ้าเช้ายันค่ำ 72,000 บาท เราให้รูปทั้งหมดพร้อมรีทัช ตอนพีคสุดๆ 1 เดือนเคยได้ 7 หลัก เพราะมีงานถ่ายโพรดักส์หรืองานอะไรเข้ามาด้วย”
 

     และในช่วงที่โดนไวรัสเข้าเล่นงานอย่างในตอนนี้ Sanit portfolio ก็โดนผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะลูกค้าต่างชาติหายไปเกินครึ่ง ส่วนคนไทยเองก็เซฟเงินในกระเป๋า ทำให้ลูกค้าที่เคยจ้างงานถ่ายรูปลดน้อยลงไปเรื่อยๆ 
ศานิตได้เล่าว่าในช่วงโควิดเป็นช่วงที่เขาจำศีล เนื่องจากรับงานอย่างหนักมาติดต่อกัน 5-6 ปี เขาจึงใช่ช่วงเวลานี้ในการพักและให้เวลากับครอบครัว รอเวลาจนถึงวันที่จะกลับมารับงานได้อีกครั้ง หากโควิดหายไป เราคงได้เห็นผลงานของ Sanit portfolio ที่ทำให้เรายิ้มได้อีกครั้งอย่างแน่นอน 



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup