Starting a Business

รู้จักลุงต๋อย เริ่มต้นใหม่วัยเกษียณ ค้นพบทรัพย์ในดิน สร้างรายได้มากกว่าเงินบำนาญ 3 เท่า

   คำว่าสายเกินไป ไม่มีในพจนานุกรมของคนที่มีความฝัน! ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ วันนี้เราอยากจุดไฟให้คุณด้วยการพาไปรู้จัก ลุงต๋อย-อติเลิศ ผ่องสุภาผู้ที่ลุกขึ้นสร้างรายได้จากต้นไม้ในวัยเกษียณกับอาณาจักรเสน่จันทน์บุษราคัม เริ่มประเดิมด้วยการขายต้นเสน่จันทน์บุษราคัมแฝดไป 2 ต้นก็ได้เงินมากกว่าบำนาณถึง 3 เท่า! จนตอนนี้การขายต้นไม้กลายเป็นรายได้หลักของครอบครัวแถมยังทำให้ชีวิตของผู้สูงวัยไม่เหงาอีกต่อไปด้วย 


 
  • หลงใหลการปลูกต้นไม้มาตั้งแต่หนุ่มๆ 

     ในอดีตลุงต๋อยเล่าว่าตัวเขาเองรับราชการมาก่อน และเกษียณอายุตอน 60 ปี โดยเขาเองมีความชื่นชอบในการปลูกต้นไม้เป็นทุนเดิม เพียงแต่ไม่ได้ลงมือปลูกจริงจังหรือขายเป็นธุรกิจ 


     “ผมชอบปลูกต้นไม้มานานแล้ว เวลาไปทำงานต่างจังหวัดก็ทิ้งขว้างบ้าง แล้วก้ชอบซื้อมาปลูกตั้งแต่หนุ่มๆ มีตายบ้าง ปล่อยทิ้งบ้าง แต่ก็มีซื้อมาปลูกอยู่เรื่อยๆ พูดถึงเสน่จันทน์ เริ่มต้นเรามีบุษราคัมมาปลูกที่บ้าน มันสวยดี เมื่อก่อนเคยขายไปแค่ 500 เองเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว จนเราเอามาลงดิน ปลูกไว้เต็มบ้าง มีหลุดเขียวบ้าง”


 
  • ค้นพบทรัพย์ในดินเมื่อกระแสปลูกต้นไม้มาแรง 

     เมื่อกระแสการปลูกต้นไม้มาแรงในช่วงโควิด โดยต้นไม้ด่าง ทำให้ราคาของต้นไม้พุ่งสูงขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสของคนที่มีต้นไม้อยู่ในมือ ซึ่งลุงต๋อยก็เช่นกัน เขาค้นพบว่าต้นเสน่จันทน์บุษราคัมที่เคยปลูกทิ้งๆ ขว้างๆ ในบ้านมาถึงตอนนี้สามารถขายออกได้ถึงหลักหมื่น! โดยลูกสาวของลุงต๋อยอย่างฝ้าย - วรพนิต ผ่องสุภาคือผู้ค้นพบโอกาสดังกล่าว


     “ก่อนหน้านี้เราปลูกไม่ได้จริงจัง เริ่มมาจริงจังตอนที่รู้ว่าบุษราคัมมีราคาแพง ลูกสาวไปศึกษาข้อมูลพบว่าความจริงบุษราคัมราคาขึ้นไปถึงหลักหมื่น เราก็เริ่มลงมือปลูกใหม่ จริงจังมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ”


     หลังจากที่รู้ว่าเสน่จันทน์บุษราคัมที่ปลูกไว้มีราคาแพงทั้งยังเป็นที่ต้องการของคนสะสมต้นไม้ ทำให้ลุงต๋อยหันมาลงมือปลูกต้นไม้ในบ้านจริงจังมากขึ้น โดยในบ้านของลุงต๋อยนั้นเต็มไปด้วยต้นบุษราคัมที่ปลูกลงดินเอาไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว แม้ว่าจะมีหลุดเขียวไปบ้างแต่ก็ถือว่ายังมีเชื้อบุษราคัมอยู่ โดยต้นแรกที่ขายไปก็ได้ราคางามถึงหลักหมื่น เดือนถัดมาก็สามารถทำรายได้เกือบแสนบาทเลยทีเดียว


     “ตอนนั้นที่ขายไป 2 ต้น ได้ 58,000 บาท เป็นต้นแฝดใบเล็กๆ แต่มันด่างสวย จนอีกเดือนหนึ่งขายได้ 92,000 อีก 8,000 ครบแวน มันเป็นอะไรที่ดีมาก โชคดีทั้งครอบครัว เรียกว่าเป็นทรัพย์ในดิน สินในกระถาง”


     โดยตอนนี้ลุงต๋อยจะเน้นการปล่อยต้นไม้ด้วยการเสนอราคาในกลุ่มต้นไม้ต่างๆ อีกทั้งยังต่อยอดจากเสน่จันทน์บุาราคัมเป็นต้นอื่นๆ มากมาย อาทิ ต้นPhilodendron ก้ามกุ้ง ต้น Syngonium milk confetti ต้นฟิโลเดนดรอนเบอร์เบิ้ลมาร์คด่าง 


 
  • ลุงต๋อยมาแชร์ สร้างคอนเทนต์คุยกับลูกเพจ 

     สิ่งสำคัญที่ทำให้ลุงต๋อยเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรักเสน่จันทน์นั่นเป็นเพราะ ‘เพจเสน่ห์จันทน์บ้านลุงต๋อย’ ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาโดยฝีมือของฝ้าย ลูกสาวลุงต๋อย ซึ่งเธอเองเป็นคนชอบเขียน อีกทั้งยังเป็นบล็อกเกอร์เพจท่องเที่ยวชื่อ Travel Together คนเดินทาง ทำให้เธออยากถ่ายทอดเรื่องราวของพ่อเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนสูงวัยลุกขึ้นมาทำอะไรที่อยากทำ เพราะไม่มีอะไรที่สายเกินไป 


     “เราเริ่มจากให้คนไว้ใจ เชื่อใจ ตอนแรกไม่ได้กะขายของในเพจ แค่อยากเล่าเรื่องพ่อให้เป็นแรงบันดาลใจของคนที่ว่างๆ วัยเกษียณ อยากให้พ่อเป็นไอดอลว่าไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้น เราเน้นให้คนมีส่วนร่วมกับเพจ เช่น โพสต์ถามวิธีกำจัดเพลี้ย กำจัดหอย ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและมาแนะนำได้ มันอาจจะเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้แต่ยังไม่ได้มีใครถามออกมา พยายามให้คนมีส่วนร่วมกับเพจและเราก็แชร์เทคนิคการเลี้ยงแบบของพ่อ” ฝ้ายเล่า 


 
  • ปรากฎการณ์ขายต้นไม้หมดภายใน1วินาที 

     นอกจากการขายต้นเสน่จันทน์บุษราคัมฟอรืมสวย ด่างสวยแล้ว ลุงต๋อยยังมี ‘ต้นบุษเขียว’ ที่มีเชื้อบุษราคัมมาปล่อยขายให้ลูกเพจในราคามิตรภาพ เริ่มต้นที่ 350 บาท เพื่อไปลุ้นด่างกันเอง หากเจอด่างก็เปรียบเสมือนถูกหวยก้อนโตเลยก็ว่าได้ ซึ่งมีคนเคยถูกหวยกับต้นบุษเขียวของลุงต๋อยมาแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลให้ต้นไม้ของลุงต๋อยมีคนรอ CF มากมาย แถมยังหมดเร็วในหลักวินาที อย่างที่แอดมินเคยเจอมาแล้ว!


     โดยลุงต๋อยปิดท้ายว่าเริ่มต้นใหม่ในวัยเกษียณสำหรับเขานั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก นอกจากที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้ครอบครัวกินดีอยู่ดีแล้ว ยังทำให้ช่วยคลายเหงาและทำให้แต่ละวันผ่านไปได้อย่างมีคุณค่าอีกด้วย


     “ชีวิตเปลี่ยนเยอะมาก กินดีอยู่ดีขึ้นเยอะ อยากกินอะไรก็ได้กิน เราไม่ว่างเลย ใช้เวลาแต่ละวันง่วนอยู่กับต้นไม้ หมุนไปหมุนมา จากที่เคยติดเกม เล่น Township สร้างอาณาจักร ผมก็หยุดเล่นไปเลย มาสร้างอาณาจักรต้นไม้แทน ก่อนหน้านี้วันๆ เราก็แก่ไป ตื่นเช้าคิดว่าจะกินอะไรดี กลางวันกินอะไรดี เย็นกินอะไรดี ไม่มีอะไรทำให้เกิดประโยชน์ขึ้นมา ตอนนี้เราคิดว่าการเลี้ยงต้นไม้มันไม่สายเกินไป ไม่มีอะไรสายเกินไปแถมยังดีกับตัวเราด้วย ไม่ปล่อยเวลาว่าง มีเวลาดูต้นไม้ ยกกระถางต้นไม้ กล้ามเนื้อแข็งแรง”


     ลุงต๋อยยังฝากอีกว่า หัวใจสำคัญในการปลูกต้นไม้ ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าความเอาใจใส่ รักต้นไม้ทุกต้นให้เหมือนกันเพราะเขามีชีวิตทุกต้น นี่จึงทำให้อาณาจักรต้นไม้ของลุงต๋อยเติบโตอย่างสวยงามด้วยปุ๋ยที่เรียกว่าความใส่ใจนั่นเอง 



 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup