Starting a Business
ถอดบทเรียน FAB อดีตสตาร์ทอัพเติบโตเร็วสุดในโลก ที่จู่ๆ ก็ล้มไม่เป็นท่า
FAB คืออดีตสาร์ทอัพที่เติบโตไวและเคยคว้าเงินลงทุนกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐได้จากนักลงทุน ตีเป็นเงินไทยประมาณ 9 พันกว่าล้านบาท แต่จู่ๆ สตาทอัพที่มาแรงก็ไปเร็วและล้มลงเสียดื้อๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับ FAB เราจะมาถอดบทเรียนให้คุณได้ดูกัน
- FAB คือใคร?
FAB คือสตาร์ทอัพด้าน E-commerce โดยเขาเริ่มต้นจากการเป็นเว็บไซต์หาคู่ในช่วงปี 2009 แต่พอถึงปี 2011 ผู้ก่อตั้งก็ได้ตัดสินใจหันทิศทางไปขายสินค้าด้านดีไซน์ที่เก๋ไก๋และไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นเว โดยมาจากนักออกแบบทั่วโลก หลังจากเปิดตัว Fab.com ก็ทำให้บริษัทเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลา 4 เดือน ก็ทำยอดขายได้ 1 แสนล้านเหรียญต่อวัน มีผู้เข้าชมเว็บไซต์กว่า 7 แสนคน โดยเขามีจำนวนพนักงานทั้งหมดอยู่ที่ 500 - 1000 คน ระดมทุนได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 336.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าเป็นสตาร์ทอัพที่มาแรงมากในตอนนั้น
- เกิดอะไรขึ้นกับ FAB
ในช่วงที่ FAB กำลังอยู่ในจุดสูงสุดของธุรกิจคือช่วงเดือน มิถุนายน ปี 2013 ขณะนั้นบริษัทมีมูลค่าสูงถึง 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเองคือช่วงเวลาที่เริ่มล่มสลายผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Jason Goldberg ต้องบอกเลิกจ้างพนักงานกว่า 2 ใน 3 จากนั้นก็ได้ขายบริษัทให้กับ PCH ในราคา 10-15 ล้านเหรียญสหรัฐ นับว่ามูลค่าของบริษัทตกลงฮวบ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ FAB นั่นเป็นเพราะพวกเขาอยู่บนเรือที่แล่นเร็วและมุ่งหน้าเข้าสู่พายุลูกใหญ่
ปี 2012 เป็นการดำเนินงานมา 1 ปีเต็ม ทำให้พวกเขาได้รายได้จากการบริหารทั้งหมดเป็นจำนวน 112 ล้านเหรียญสหรัฐ ช่วงครึ่งปีแรก ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น สร้างภาพลักษณ์ขององค์กรสตาร์ทอัพที่กำลังเติบโตได้เข้าตานักลงทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตรงตามเป้าที่ตั้งไว้ นั่นคือ 140 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากเขาเป็นบริษัทไซส์ใหญ่ มีจำนวนพนักงานหลายร้อยคน เน้นบุคลากร เน้นโลจิสติกส์ เน้นคลังสินค้า ด้วยความใหญ่ของธุรกิจ ทำให้ยากยิ่งต่อการขยับตัวและต้องใช้เงินจำนวนมากในการหมุนเวียน
และในปี 2013 คือจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของ FAB เมื่อได้มีการประชุมกับบอร์ดเพื่อหารือเกี่ยวกับทิศทางของ FAB ที่ควรเป็นไป โดยมีให้เลือก 2 ทางคือ
1. ลดความเร็วในการวิ่งของธุรกิจลง เพราะตอนนั้นเขามีการขยายธุรกิจจากสหรัฐอเมริกาไปทั่วโลก โดยตัวเลือกแรกคือการหยุดขยายธุรกิจในตลาดโลกและกลับมาโฟกัสที่ตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างเดียวก่อนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2.คือพุ่งเป้า 100% ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มสปีด พัฒนาธุรกิจอย่างรวดเร็วทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก เพื่อการเติบโต 100% ต่อปี ซึ่งในตอนนั้นเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทางเลือกที่ 2 มีเพียงไม่กี่คนที่มองว่าทางเลือกที่ 1 นั้นปลอดภัยกว่า แต่คนส่วนใหญ่ก็กระโดดขึ้นเรือเร็ว แม้ทางข้างหน้าจะเป็นคลื่นสูงหรือพายุก็ไม่หวาดหวั่น ซึ่ง Jason Goldberg ก็เป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจไปทางนี้เช่นกัน
1. ลดความเร็วในการวิ่งของธุรกิจลง เพราะตอนนั้นเขามีการขยายธุรกิจจากสหรัฐอเมริกาไปทั่วโลก โดยตัวเลือกแรกคือการหยุดขยายธุรกิจในตลาดโลกและกลับมาโฟกัสที่ตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างเดียวก่อนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ นับว่าเป็นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป
2.คือพุ่งเป้า 100% ใส่เกียร์เดินหน้าเต็มสปีด พัฒนาธุรกิจอย่างรวดเร็วทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก เพื่อการเติบโต 100% ต่อปี ซึ่งในตอนนั้นเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทางเลือกที่ 2 มีเพียงไม่กี่คนที่มองว่าทางเลือกที่ 1 นั้นปลอดภัยกว่า แต่คนส่วนใหญ่ก็กระโดดขึ้นเรือเร็ว แม้ทางข้างหน้าจะเป็นคลื่นสูงหรือพายุก็ไม่หวาดหวั่น ซึ่ง Jason Goldberg ก็เป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจไปทางนี้เช่นกัน
จนในที่สุดพวกเขาก็ใช้เงินไปกว่า 200 ล้านเหรียญภายใน 2 ปีและทำให้ FAB ต้องยุติการดำเนินงานในที่สุดเนื่องจากต้นทุนที่สูงของธุรกิจและยังมีการย้ายฐานลูกค้าไปยัง Amazon เมื่อลูกค้าตระหนักได้ว่าจะหาสินค้าในราคาที่ถูกกว่าและจัดส่งเร็วกว่าได้จาก Amazon
- สิ่งที่ได้เรียนรู้จากบทเรียนของ FAB
จงฟังเสียงที่น่ารำคาญ
มีคนเพียงน้อยนิดที่กล้าพูดในสิ่งที่คุณไม่อยากฟัง จงฟังพวกเขา อย่างคนที่คอยบอกให้คุณหยุด ตอนที่ควรหยุด เพราะเขามองเห็นหนทางข้างหน้าว่ามันเสี่ยงเหลือเกิน แม้คนมากมายจะบอกให้คุณไป
โตตอนที่พร้อม
อย่าเร่งรีบที่จะเติบโต เพราะนั่นมันไม่ยั่งยืน พยายามสร้างฐานให้มั่นคงในบ้านของคุณก่อนที่จะเติบโตในต่างประเทศ
มีสติเมื่อต้องเหยียบเบรค
ความน่าเศร้าของเรื่องราวครั้งนี้เป็นเพราะการแล่นเรือที่เร็วเกินไปและแม้ถึงเวลาที่ต้องเหยียบเบรคก็ไม่สามารถหยุดยั้งเรือเร็วลำนี้ได้อีกแล้ว จนกระทั่งต้องมองสิ่งที่สร้างมาล้มไม่เป็นท่า ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องเหยียบเบรค จงมีสติ หลายคนคงพูดว่าเวลาจะตัดต้องตัดให้เร็วและตัดให้ลึก แต่ Jason Goldberg มองว่าการจะตัด ต้องตัดให้ฉลาด ตัดด้วยแผนการและตัดด้วยความช่วยเหลือ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup