Starting a Business
ROSEMANCLUB เริ่มธุรกิจจากไม่รู้ แต่ดังได้ในเปรี้ยงแรก
ไม่ว่าสุดยอดกูรูไหน ก็มักจะบอกว่าอยากทำธุรกิจให้ปัง และไปรอดอย่างยั่งยืน ให้เริ่มต้นจากเรื่องที่เรารู้ ชนิดรู้ซึ้งในทุกอณูของวงจรที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการขายสินค้าตัวนั้น ทว่าโลกนี้ไม่มีทฤษฎีอะไรที่เป๊ะเสียจนแหกกฎไม่ได้!
เพราะความรู้เป็นสิ่งที่หาเพิ่มเติมได้ การทำธุรกิจจากความไม่รู้อาจทำให้เปอร์เซ็นต์แห่งความล้มเหลวมีมาก แต่หากมีความมุ่งมั่นเพิ่มเติมความรู้ และหนักแน่นที่จะลุยไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ เรื่องอะไรก็เป็นได้ ดังเช่นสองเพื่อนซี้ ปิยะวรรณ เอื้อบุญสิริ (ปอย) และ ภัศนันท์ ธราจรัสพัฒน์ (แน๊ต) ผู้ก่อตั้งแบรนด์แว่นตา ROSEMANCLUB จนสามารถส่งออกไปตีตลาดยุโรปได้
ปอยเล่าว่าเธอและแน๊ต เริ่มต้นธุรกิจจากการตั้งคำถามที่ว่า ทำไมคนที่ใส่แว่นตาจึงมักจะถูกมองว่าเชย ทั้งๆ ที่แว่นตาเป็นไอเท็มหนึ่งที่ใส่แล้วก็ดูเท่ได้ จากคำถามนี้นำไปสู่ไอเดียในการผลิตแว่นตาที่ใส่แล้วดูเท่ออกมา โดยอาศัยประสบการณ์ที่แน๊ตเคยทำโฆษณามาก่อน ส่วนตัวเธอเองเป็นดีไซเนอร์ มาร่วมกันผลิต และสร้างแบรนด์แว่นตาที่แม้แต่คนยุโรปยังบอกว่าสวย
“เราใหม่มากในธุรกิจนี้ ไม่รู้อะไรเลย รู้แต่ว่าอยากทำแว่นตาออกมาแบบไหน โชคดีที่ได้โรงงานที่มีสไตล์ตรงกับเรา แล้วเขาช่วยเราเยอะมาก เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน ก่อนจะมีโปรดักต์ออกมาเราทำงานกันเป็นปี เพราะแว่นตาต้องใช้เวลา 3-6 เดือนในการพัฒนาดีไซน์ และทดลองทำออกมาดูวัสดุ และฟิตติ้ง ให้ได้ตามที่กำหนด บอกได้เลยว่า ROSEMANCLUB เป็นสไตล์ของเราสองคน 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสไตล์ของแบรนด์เป็นตัวเลือกลูกค้า นั่นทำให้กลุ่มเป้าหมายเราชัดตั้งแต่แรกเลย”
ปิยะวรรณ เอื้อบุญสิริ (ปอย)
แน๊ตเล่าเสริมว่านอกจากกลุ่มเป้าหมายแล้ว กุญแจสำคัญที่ทำให้ทั้งสองประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ ROSEMANCLUB ก็คือการวางแผนการขายตั้งแต่ก่อนที่จะมีโปรดักส์ออกมา
“ตอนนั้น เราคิดกันว่าราคาแว่นควรจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ก็ไปสำรวจช่องว่างของตลาด เห็นว่าคนไทยที่ใส่แว่นตาที่มีสไตล์จะมีไม่กี่แบรนด์ เราอยากให้คนไทยใช้วัสดุเทียบเท่าแบรนด์ดัง แต่ราคาถูกกว่า ก็เลยตั้งโจทย์จากการเอาตัวเรามาเป็นผู้บริโภค ซึ่งอยากใช้ของดีแต่ราคาพอจ่ายได้”
ทั้งสองเริ่มต้นจากการศึกษาต้นทุนค่าใช้จ่ายทำให้เห็นว่าแว่นตาแบรนด์ดัง มีเส้นทางการจำหน่ายที่ผ่านคนกลางหลายต่อทำให้ราคาถีบตัวสูงขึ้น ซึ่งหากทั้งคู่สามารถจบขั้นตอนทุกอย่างได้เองหมด ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ การผลิต จนถึงการทำตลาด ก็จะทำให้ขายได้ในราคาที่ถูกลง และนี่เองที่เป็นจุดขายของ ROSEMANCLUB นั่นคือเป็นแว่นตาคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
ความที่คิดว่าคนไทยชอบใช้ของนอก ทำให้ทั้งคู่เริ่มต้นการขายด้วยการนำแว่นตาของตัวเองไปออกบูธแนะนำสินค้าที่ยุโรป ซึ่งค่อนข้างเปิดโอกาสให้กับสินค้าคุณภาพดี แม้จะไม่ใช่แบรนด์ดังก็ตาม
“เราไปร่วมงานแฟร์แว่นตาที่ประเทศฝรั่งเศส ก็คิดกันเอาไว้ว่าถ้าขายไม่ได้จริงๆ ก็ถือว่าได้ประสบการณ์แล้วกัน ตอนไปนั้นค่าใช้จ่ายทั้งค่าที่ค่ากินอยู่รวมๆ ก็หลายแสน แต่ด้วยความโชคดีที่เราได้ลูกค้ากลับมา เขาบอกว่าสไตล์แบรนด์ของ ROSEMANCLUB แตกต่างจากแบรนด์ที่เขามีอยู่เยอะแยะไปหมด ซึ่งตอนนั้นเราขายเป็นโฮลเซล” แน๊ตกล่าว
ภัศนันท์ ธราจรัสพัฒน์ (แน๊ต)
ปอยกล่าวเสริมว่าการไปร่วมงานแฟร์ที่ยุโรป ทำให้ได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่าสิ่งที่จะทำให้แบรนด์สามารถอยู่ได้นานที่สุดคือคุณภาพ ซึ่งตรงกับความคิดของเธอและแน็ตที่อยากให้ลูกค้าจ่ายเงินเพื่อซื้อคุณภาพมากกว่าซื้อเพราะใส่แบรนด์นี้แล้วดูเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และนี่เป็นวิธีคิดที่ทั้งสองใช้ในการสร้างแบรนด์ ROSEMANCLUB
“เรามองว่าการสร้างแบรนด์คือเรื่องของความรู้สึก การสื่อสารแบรนด์ก็คือการสื่อสารความรู้สึก ซึ่งดีไซน์จะเป็นตัวสร้างความรู้สึก เราใส่ดีไซน์เข้าไปในทุกๆ จุดของการขาย อย่างกล่องที่ใส่แว่นตาของเราจะมีหลายชั้น เพื่อของข้างในสมบูรณ์ที่สุด ยามเมื่อถึงมือผู้รับ เพื่อรู้สึกเหมือนได้ของขวัญชิ้นพิเศษ ขณะที่ใบการันตีคนอื่นอาจจะกำหนดว่ารับประกันกี่วันจบ แต่ของเราไม่จบ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราจะดูแลเขาตลอดไป”
หลังงานแฟร์ที่ฝรั่งเศส ROSEMANCLUB เริ่มได้ต้อนรับลูกค้าคนไทย ซึ่งหลายคนอยากได้ลอง ได้สัมผัสสินค้าจริง ก่อนตัดสินใจซื้อ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้สองเพื่อนซี้ลงทุนเปิดร้านแว่นตาของตัวเองขึ้นมา โดยดีไซน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ Private Walk-in Closet ซึ่งจะไม่มีแว่นตาวางเรียงรายอยู่บนผนัง หรือในตู้กระจก แต่จะวางให้ลูกค้าหยิบลองได้ตามความพอใจ รูปแบบการจัดร้านอย่างนี้นี่เองที่ทำให้ ROSEMANCLUB ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทั้งสองคิดอยากขยายธุรกิจไปในรูปของแฟรนไชส์ ขณะที่ตลาดการส่งออกก็ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ROSEMANCLUB มีวางจำหน่ายที่ปารีส ลอนดอน เซี่ยงไฮ้ และซิดนีย์
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี