Starting a Business
TPICA ปากกา Calligraphy สัญชาติไทย
ในช่วงปีที่ผ่านมา ศิลปะการเขียนตัวอักษร Calligraphy ได้รับความนิยมอย่างมากจนในที่สุดก็กลายเป็นกระแสงานอดิเรกยอดฮิตของคนยุคนี้ และจากกระแสที่เกิดขึ้นทำให้ Pica แบรนด์ปากกาคอแร้งแฮนด์เมดสัญชาติไทยของ พิชชากร มีเดช และ มัลลิกา อินทจินดา พลอยขายดีไปด้วย
“เมื่อ 2 ปีก่อนเราเริ่มทำปากกาคอแร้งขายภายใต้ชื่อแบรนด์ Pica ในช่วงนั้นยอดขายหลักๆ มาจากกลุ่มคนที่เขียน Calligraphy แต่เมื่อปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน การเขียน Calligraphy ได้รับความสนใจมากขึ้น ปากกาคอแร้งของแบรนด์เลยขายดีตามไปด้วย ตอนนี้แบรนด์จึงมียอดขายจาก 2 กลุ่มลูกค้า คือ กลุ่มลูกค้าเดิม และกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเริ่มเขียน Calligraphy สำหรับจุดเด่นที่ทำให้ทั้งมือเก่าและมือใหม่ในวงการ Calligraphy เลือกใช้ปากกาคอแร้งของเรา คือ 1.ดีไซน์ร่วมสมัย 2.ด้ามปากกาทำจากวัสดุที่เป็นโลหะอย่างทองเหลือง ทองแดง และสเตนเลส ซึ่งหนักกว่าไม้และพลาสติก ทำให้เขียนง่ายขึ้นและเขียนได้คมขึ้น และ 3.ตัวด้ามเป็นงานทำมือทั้งหมด ส่วนหัวปากกาเป็นหัวปากกาขนาดมาตรฐานนำเข้าจากต่างประเทศจึงมั่นใจได้ในคุณภาพ” พิชชากรกล่าว
ตอนนี้แบรนด์ Pica มีปากกาคอแร้ง 2 แบบให้เลือกซื้อ คือ Dip Pen ปากกาคอแร้งแบบหัวตรงเหมาะสำหรับใช้เขียนงานทั่วไปและวาดรูป และ Oblique Calligraphy Pen ปากกาคอแร้งแบบหัวด้านข้างเหมาะสำหรับใช้เขียนตัวอักษร Calligraphy นอกจากนี้ ในส่วนปลายด้ามปากกาของทั้งสองแบบจะมีส่วนที่เป็นไม้ ซึ่งมีทั้งแบบไม้สั้นและไม้ยาว โดยปากกาที่มีปลายด้ามแบบไม้ยาวจะมีน้ำหนักเบากว่าปากกาที่มีปลายด้ามแบบไม้สั้น
“นอกจาก 3 จุดเด่นหลักที่พูดไป ปากกาแบรนด์ Pica ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือปากกาทุกด้ามถูกออกแบบให้สามารถถอดเปลี่ยนหัวปากกาได้ ผู้ใช้จึงนำหัวปากกาขนาดมาตรฐานของแบรนด์อื่นมาเปลี่ยนใช้กับปากกาของเราได้ นอกเหนือจากนี้ยังมีสินค้าอื่นที่ใช้ร่วมกับปากกาขายด้วย ซึ่งได้แก่ น้ำหมึกนำเข้าที่มีความหนืดและความข้นในระดับที่เหมาะสำหรับใช้ในงานเขียนตัวอักษร Pen Holder ที่วางปากกาซึ่งทำจากหิน มีให้เลือกทั้งสีดำ สีเงิน สีทอง และสีทองแดง และ Refill กา ซึ่งเป็นกาแฮนด์เมดสำหรับใส่น้ำหมึก” มัลลิกากล่าว
อย่างไรก็ดี เมื่อถามถึงสัดส่วนลูกค้าของแบรนด์ พิชชากรตอบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนไทยที่ซื้อปากกาคอแร้งไปใช้เองและซื้อเป็นของขวัญให้คนพิเศษ โดยในหนึ่งชุดของขวัญจะประกอบไปด้วยปากกาคอแร้ง น้ำหมึก กระดาษโน้ต และ Pen Holder ส่วนชุดปกติจะประกอบด้วยปากกาคอแร้ง และแท่นวางปากกาซึ่งทำจากไม้
“ลูกค้าของเรามาจาก 2 ช่องทาง ช่องทางแรกเป็นช่องทางออนไลน์ทั้งจากเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม โดยลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทางนี้จะเป็นคนที่ใช้งานปากกาคอแร้งอยู่แล้ว ส่วนช่องทางที่สอง คือ งานแฟร์และงาน Flea Market ลูกค้าจากช่องทางนี้จะเป็นคนที่ไม่เคยใช้ปากกาคอแร้งมาก่อนหรือเพิ่งเริ่มหัดใช้ และโดยมากจะกลับมาซื้ออีกครั้งแต่เปลี่ยนเป็นสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะรู้แล้วว่าตัวเองถนัดใช้ปากกาคอแร้งแบบไหน”
นอกจากนี้ มัลลิกายังพูดเสริมถึงกลยุทธ์ที่ใช้ในการทำตลาดออนไลน์ว่า โพสต์ต่างๆ บนโซเชียลมีเดียของแบรนด์ Pica จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โพสต์ที่เกี่ยวกับการขาย และโพสต์ที่ให้ความรู้เรื่องการเขียน Calligraphy ไม่เพียงเท่านี้ ทั้งคู่ยังเตรียมจัดเวิร์กช็อปสอนเขียน Calligraphy โดยหวังว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าของแบรนด์และกลุ่มคนที่ยังไม่เป็นลูกค้าแต่สนใจการเขียนตัวอักษรสไตล์นี้ อีกทั้งการจัดเวิร์กช็อปยังทำให้แบรนด์ได้ลูกค้าเพิ่ม เพราะผู้เข้าร่วมมีโอกาสได้ลองใช้ปากกาของแบรนด์ทำให้เกิดประสบการณ์ที่นำไปเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อได้
“ช่วงนี้การเขียน Calligraphy กำลังอยู่ในกระแส ยอดขายของแบรนด์จึงเป็นที่น่าพอใจ แต่ถ้ากระแสซาลง ยอดขายของเราก็ไม่ได้ต่างจากปัจจุบันมากเพราะยังมีกลุ่มคนที่รักในการเขียน Calligraphy อยู่ แต่เพื่อให้แบรนด์มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น เราจึงมีแผนที่จะผลิตเครื่องเขียนอื่นๆ ทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับการเขียน Calligraphy โดยวัสดุที่ใช้ในการผลิตยังคงเน้นวัสดุประเภทโลหะและไม้เหมือนเดิม”
www.picastore.in.th
E-mail : picamede@gmail.com
FB : Pica pen
Instagram : Pica.pen
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี