จับตา 10 เทรนด์ความยั่งยืน 2024 ที่ธุรกิจต้องปรับตัว
เนื่องจากสถานะที่เปราะบางของโลก ทำให้ผู้คนและธุรกิจต่างตื่นตัวในการหาหนทางที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน เราจึงรวบรวมแนวโน้มความยั่งยืนที่สำคัญๆ มาฝาก เพื่อเป็นแนวทางให้ธุรกิจได้ปรับตัวกัน
1. การรีไซเคิล
การรีไซเคิลถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแนวโน้มสำคัญในด้านความยั่งยืนที่เราจะได้เห็นในปี 2024 แม้ว่าจะไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่ด้วยความกังวลปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรีไซเคิลจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของธุรกิจตั้งแต่อาหารไปจนถึงการผลิตค้าปลีก โดยอุตสาหกรรมจะพยายามลดและรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ และสนับสนุนให้ผู้บริโภคทำเช่นเดียวกัน
2. แหล่งพลังงานหมุนเวียน
แม้ว่าพลังงานทดแทนจะเข้าถึงได้มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เกือบทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่าปี 2024 จะได้เห็นแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก การเปลี่ยนไปใช้พลังงานลม หรือการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมาก แต่ยังช่วยลดค่าไฟอีกด้วย
3. การขนส่งเปลี่ยนไป
ในปี 2020 รถโดยสารสาธารณะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 41% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งทั่วโลก ขณะที่การวิจัยจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดยังแสดงให้เห็นว่าการใช้จักรยานแทนรถยนต์เพียงวันละครั้งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของบุคคลได้ 67% ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่พลังงานด้านการขนส่งจะถูกพัฒนาตลอดเวลา หลายประเทศมีการปรับปรุงทางเลือกการขนส่งที่ยั่งยืน เช่น การใช้จักรยานที่เพิ่มขึ้น ลดการใช้รถยนต์ด้วยการทำให้ระบบขนส่งสาธารณะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
4. ใช้ซ้ำและนำกลับมาใช้ใหม่
การซื้อผลิตภัณฑ์และวัสดุมือสองและการนำกลับมาใช้ใหม่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจากจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขนส่งแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคหลายล้านคนอีกด้วย
ตลาดเสื้อผ้ามือสองจะมีมูลค่ามากกว่า 282 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2575 ด้วยจำนวนผู้บริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การใช้ซ้ำและการนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ใหม่จะกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ตั้งแต่ปี 2024 เราอาจเห็นว่าสินค้ามือสอง สินค้าวินเทจ และการนำกลับมาใช้ใหม่ จะกลายเป็นศูนย์กลางในการซื้อสินค้าของเรา
5. การลดขยะอาหาร
เศษอาหารกลายเป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จากการวิจัยล่าสุดโดย UNEP ประมาณ 1 ใน 3 ของอาหารทั้งหมดที่ผลิตเพื่อการบริโภคของมนุษย์ทั่วโลกในแต่ละปีจะสูญเปล่า นั่นคือประมาณ 1.3 พันล้านตัน ซึ่งส่งผลถึงวิธีการกำจัดขยะอาหารเหล่านั้น เพราะการฝังกลบจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพดินและน้ำไปจนถึงกลิ่นที่เป็นอันตราย ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่าการลดขยะจากอาหารจะถือเป็นวาระด้านความยั่งยืนสำหรับทุกประเทศ แนวโน้มสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ถูกเน้นคือการทำปุ๋ยหมัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคสามารถทำได้
6. การทำงานระยะไกลอย่างถาวร
นับตั้งแต่การแพร่ระบาดโควิด พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านได้กลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นในธุรกิจ ข้อดีของรูปแบบการทำงานนี้มีมากมาย เช่น การเดินทางด้วยรถยนต์และการขนส่งสาธารณะก็น้อยลง ซึ่งส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ เนื่องจากเทคโนโลยีช่วยให้ผู้คนสามารถสื่อสารและจัดเก็บข้อมูลจากระยะไกลได้มากขึ้น การใช้พลังงานในอาคารสำนักงานก็ลดลงเช่นกัน
7. วัสดุที่ยั่งยืนที่ได้มาตรฐาน
การเปลี่ยนแปลงในด้านนี้นับว่าเป็นอนาคตของความยั่งยืน มีตัวอย่างมากมายที่นักวิจัยและผู้ผลิตทดลองใช้วิธีแก้ปัญหาเพื่อลดหรือขจัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเช่น มีการหันมาใช้ไม้ไผ่แทนการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในบรรจุภัณฑ์ ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม้ไผ่ ป่าน และฝ้ายออร์แกนิกกลายเป็นตัวเลือกที่พบบ่อยมากขึ้นสำหรับผู้ผลิต นอกจากนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าวัสดุใหม่และวัสดุทางเลือกจะเป็นเทรนด์ของอุตสาหกรรม โดยเราอาจเห็นการใช้วัสดุเหล่านี้มากขึ้นและการเปิดตัววัสดุใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
8. ความรับผิดชอบและความโปร่งใส
แบรนด์และธุรกิจขนาดใหญ่จะอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความโปร่งใสมากขึ้น ที่สำคัญคือความภักดีต่อแบรนด์อาจถูกทดสอบจากผู้บริโภค หากแบรนด์ใหญ่ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่าพวกเขากำลังดำเนินการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามแนวทางของอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ผู้บริโภคก็อาจมองหาผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่นแทนได้
9. อาหารจากพืช
การศึกษาล่าสุดโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแสดงให้เห็นว่าเราสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 73% โดยไม่รับประทานเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากนม
การผลิตอาหาร 'ทางเลือก' กำลังได้รับความนิยม และเป็นสิ่งที่เราทุกคนคาดหวังที่จะได้เห็นมากขึ้น เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืชปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง 30–90% และใช้พื้นที่น้อยลง 47-99% อาหารที่ทำจากพืชหรือวีแกนต้องการการใช้ที่ดินและน้ำน้อยลง รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและมลพิษด้วย สิ่งนี้กระตุ้นให้ผู้คนจำนวนมากตระหนักถึงสิ่งที่กินและแหล่งที่มา
10. Climate Tech
ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน จึงไม่น่าแปลกใจที่การคาดการณ์การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนความยั่งยืนมากขึ้น
ที่มา : https://www.greenmatch.co.uk/blog/sustainability-trends
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup