Q-Life
Stroke ตีบหรือแตกป้องกันได้
Stroke หรือโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 รองจากโรคหัวใจและโรคมะเร็ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุในแต่ละปีมีผู้ป่วย Stroke ราว 15 ล้านคนทั่วโลก คาดในปี พ.ศ.2563 จะมีผู้ป่วยโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า Stroke เกิดจากภาวะสมองขาดเลือดไปเลี้ยง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ หลอดเลือดสมองแตก และหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน ซึ่งอาการเตือนที่เป็นสัญญาณอันตรายของ Stroke ได้แก่ พูดไม่ชัด แขน ขา หรือใบหน้าอ่อนแรง ชา หรือขยับไม่ได้ ตาข้างใดข้างหนึ่งมัวหรือมองไม่เห็น เห็นภาพซ้อน ปวดศีรษะรุนแรงฉับพลัน งุนงง เวียนศีรษะหรือเสียการทรงตัว หากเกิดอาการดังกล่าวให้รีบพบแพทย์โดยด่วน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ webmd.com ระบุ Stroke สามารถป้องกันได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ไปดูกันว่าปัจจัยอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง
1. ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของ Stroke หมั่นตรวจวัดความดัน หากเกิน 130/80 ต้องควบคุมให้ต่ำกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิด Stroke 4-6 เท่า
2. การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด Stroke เท่าตัว เนื่องจากนิโคตินในบุหรี่กระตุ้นให้ความดันเลือดสูงขึ้น และคาร์บอนมอนอกไซด์ในบุหรี่ลดปริมาณออกซิเจนในเลือด ทำให้เลือดข้นหนืด ทั้งนี้ การรับควันจากผู้อื่นทั้งที่ไม่ได้สูบเองก็มีความเสี่ยงในการเป็น Stroke เช่นกัน
3. การทำงานของหัวใจ หากหัวใจสูบฉีดผิดปกติ จะทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกายได้สะดวก หรือเกิดลิ่มเลือดขึ้นภายในหลอดเลือด และมีโอกาสที่ลิ่มเลือดจะหลุดไปอุดตันหลอดเลือดในสมอง การเต้นของหัวใจที่ไม่ปกติอาจมาจากภาวะความดันสูง เกิดพลัคเกาะตามผนังหลอดเลือด และอื่นๆ
4. การดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดความดันสูงและเพิ่มระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ การดื่มแอลกอฮอล์ยังทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย ดังนั้น จึงควรจำกัดการดื่ม ชายไม่เกิน 2 แก้ว หญิงไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน
5. เบาหวาน คนที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงในการเป็น Stroke 2-4 เท่า เนื่องจากมีภาวะของไขมันพอกในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็ง ขาดความยืดหยุ่น เลือดไหวเวียนไม่สะดวก หรือเมื่อความดันพุ่ง โอกาสที่หลอดเลือดจะแตกก็มีมาก
6. อาหารและการออกกำลังกายก็มีส่วนสำคัญ เลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup