Q-Life

จิ่วไจ้โกว มนต์แห่งทะเลสาบห้าสี





 
     ภาพถ่ายเงาสะท้อนต้นไม้หลากสีสันที่แต่งแต้มผืนน้ำร่ายมนต์สะกดให้ฉันพาตัวเองไปเยือนป่าพิศวงแห่งนี้ จิ่วไจ้โกวในเดือนตุลาคม ลมหนาวคลี่ตัวปกคลุมไปทั่ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยหุบเขาอย่างที่นี่ ทันทีที่ก้าวผ่านประตูสนามบินออกมา ลมหนาวก็ปะทะเข้าอย่างจังลมแรงจนแทบหอบเอาฉันปลิวไปด้วย

     จุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้คือ อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเฉิงตู อยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน พื้นป่าโบราณแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหมิงซาน มีอาณาบริเวณประมาณ 3,000 ตารางกิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ประมาณ 700 ตารางกิโลเมตร และยังอนุรักษ์สัตว์ป่าเอาไว้อีก 2,000 กว่าชนิด อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,000-4,700 เมตร ทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 7-8 องศา

     



     คำว่า จิ่วไจ้โกว แปลว่า หุบเขาเก้าหมู่บ้าน ซึ่งหมายถึงหมู่บ้านของชาวทิเบตที่ตั้งรกรากกระจายตัวกันอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ เนื่องจากชาวทิเบตมีความเคารพนับถือภูเขาและสายน้ำ จึงเชื่อว่าที่นี่คือหุบเขาธารน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ จิ่วไจ้โกวจึงมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของทะเลสาบแสนสวย จนได้รับการขนานนามว่า อุทยานธารสวรรค์ ภายในอุทยานมีทะเลสาบน้ำจืดน้อยใหญ่มากกว่าร้อยแห่ง ทั้งยังมีลำธารและน้ำตกอันงดงามอีกหลายแห่งทั่วหุบเขา ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ.2535

     อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาชมความงามของพื้นป่าแห่งนี้ตลอดทั้งปี โดยเฉลี่ยแล้วจิ่วไจ้โกวอ้าแขนต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่าวันละ 7,000 คน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ป่าทั้งผืนนั้นกำลังเตรียมตัวก่อนจะก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง





     ฉันเจาะจงเลือกมาเที่ยวในช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อจะได้เห็นช่วงเวลาที่ใบไม้ทั้งหุบเขาพร้อมใจกันร่ายมนต์เปลี่ยนสีประชันขันแข่งอวดนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน จึงไม่น่าแปลกใจที่จะต้องเผชิญกับคลื่นนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศทั้งชาวจีนและต่างชาติที่ต้องการมาชมความงามที่ธรรมชาติบรรจงสรรค์สร้างซึ่งมีเพียงปีละครั้งเท่านั้น

     เมื่อเข้ามาถึงจะพบกับออฟฟิศขายตั๋วสำหรับเข้าชมอุทยาน ราคาปกติสำหรับผู้ใหญ่คือคนละ 310 หยวน หรือประมาณ 1,550 บาท ซึ่งรวมค่าเข้าและรถประจำทางภายในอุทยานเอาไว้แล้ว โดยการเดินทางท่องเที่ยวภายในอุทยานจะมีรถประจำทางวิ่งตามเส้นทาง สามารถกระโดดขึ้น-ลงรถเพื่อแวะตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ได้ตลอดเวลา ซึ่งแต่ละจุดท่องเที่ยวก็จะมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ และด้วยความที่อุทยานกว้างใหญ่มาก ทำให้ตามจุดท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลต์ต่างๆ ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวเบียดเสียดกัน แต่ในที่ฮอตฮิตจริงๆ ก็ต้องอาศัยจังหวะหามุมหลบคนอยู่พอสมควร





     นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนอุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกวล้วนมาเพื่อดื่มด่ำความงามยามใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเขียว เหลือง ส้ม และแดง สะท้อนวิวทิวทัศน์งดงามดั่งภาพวาดลงบนผิวน้ำสีมรกตฟ้าอมเขียวเรียบใสแจ๋วราวกับกระจก ซึ่งที่อุทยานแห่งนี้มีทะเลสาบน้อยใหญ่มากมายหลายแห่ง หากจะเที่ยวกันจริงๆ ต้องใช้เวลาประมาณ 2 วันถึงจะเที่ยวได้อย่างทั่วถึง แต่หากมีเวลาน้อยกว่านั้นทะเลสาบที่เป็นไฮไลต์ก็ได้แก่ ทะเลสาบแรด ทะเลสาบกระจก ทะเลสาบนกยูง และทะเลสาบดอกไม้ 5 สี นอกจากนี้ ยังมีน้ำตกธารไข่มุกที่ทุกคนห้ามพลาด  

     อากาศในวันนี้ไม่หนาวมาก อาจเป็นเพราะมีแสงแดดที่ช่วยคลายความหนาวลงได้ เมื่อเข้ามาภายในอุทยานจะเจอหมู่บ้านทิเบตเป็นที่แรก แต่อาจจะเพราะยังเช้าอยู่ร้านรวงยังงัวเงียไม่ตื่นจากภวังค์ ฉันจึงย้ายจุดหมายมุ่งไปยังภาพทะเลสาบซึ่งสะกดให้พาตัวเองมาที่อุทยานแห่งนี้ เริ่มต้นที่ทะเลสาบกระจกซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเป็นแห่งแรก ท้องฟ้าเปิดโอกาสให้ได้เก็บเกี่ยวความงามเกินบรรยายไม่ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย แมกไม้นานาพรรณในป่าโบราณไล่เฉดสีดั่งมีคนบรรจงแต้มแต่งเป็นทิวแถวทั่วทั้งหุบเขาทอดเงาสะท้อนทาบลงบนพื้นผิวทะเลสาบมรกตตัดกับท้องฟ้าโปร่งสีฟ้าสดใส น้ำใสแจ๋วจนสามารถมองเห็นท่อนไม้ล้มอยู่ใต้น้ำได้อย่างชัดเจน ฉันลัดเลาะไปตามเส้นทางอ้อยอิ่งอิ่มเอมละเลียดชมฉากธรรมชาติอันงดงามดุจภาพถ่ายชวนฝันที่ผ่านการตกแต่งในโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาแล้ว มีคำแนะนำนิดหน่อยสำหรับคนที่อยากได้รูปเงาสะท้อนผิวน้ำนิ่งๆ ไม่มีระลอกคลื่นควรมาเก็บภาพตอนเช้าหรือตอนเย็น น้ำจะนิ่งจนแทบแยกภาพจริงกับเงาสะท้อนไม่ออก





     หลังจากเดินเที่ยวจนเหนื่อยฉันหาที่เหมาะๆ ท่ามกลางร่มเงาแมกไม้เอาข้าวกล่องที่ซื้อติดตัวมาเติมพลังเป็นมื้อเที่ยงของวัน ใครที่มาเที่ยวที่นี่แนะนำให้ซื้ออาหารกล่องจากทางเข้าอุทยานเข้ามาด้วย เพราะในอุทยานไม่มีร้านอาหาร จะมีก็เพียงร้านขายของซึ่งขายในราคาแพงตามธรรมดาของร้านค้าทั่วไปในอุทยาน ลองซื้ออาหารสุดฮิตที่มีขายทุกร้านอย่างข้าวกล่องอุ่นร้อนพร้อมรับประทานได้ทุกที่โดยไม่ต้องใช้ไมโครเวฟ ซึ่งภายในกล่องจะมีชุดอุปกรณ์ง่ายๆ เพียงเทน้ำให้ทำปฏิกิริยากับสารอะไรสักอย่างก็จะเกิดเป็นพลังงานความร้อนใช้อุ่นข้าวได้เลย สักพักจะเริ่มมีควันพวยพุ่งออกจากฝากล่อง พร้อมเสียงหวีดหวิวเหมือนเสียงควันที่พลุ่งพล่านออกจากหม้อหุงข้าว รอประมาณ 10-15 นาทีก็กินได้แล้ว สะดวกสบายกว่าการหาน้ำร้อนต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสียอีก คนจีนมักมีนวัตกรรมอะไรให้ได้ทึ่งอยู่เสมอ

     หลังอาหารกลางวันฉันเดินเอื่อยไม่รีบร้อนเพราะเราอยู่บนที่สูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 2,000 เมตร จึงต้องระวังให้ร่างกายมีระดับออกซิเจนเพียงพอด้วยการทำอะไรช้าๆ หายใจลึกๆ ยาวๆ หากรู้สึกเหนื่อยก็พักห้ามฝืน จิบน้ำเปล่าบ่อยๆ นอกจากนี้ ควรพกลูกอม หรือช็อกโกแลตมาไว้เติมน้ำตาลเติมพลังงานให้ร่างกายด้วย เดินมาจนถึงน้ำตกธารไข่มุกซึ่งแม้จะไม่ยิ่งใหญ่มากนักแต่ก็มีความสวยงามสมคำร่ำลือ จากตรงนี้ฉันนั่งรถขึ้นไปเที่ยวป่าโบราณซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ก่อนที่จะย้อนกลับมาจบวันที่ทะเลสาบดอกไม้ 5 สี ที่สวยจนเกือบลืมหายใจจนไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นมุมยอดฮิตสุดคลาสสิกให้คู่รักพร้อมช่างภาพและทีมช่างแต่งหน้าทำผมขนอุปกรณ์ฟูลออปชันมาโพสต์ท่าเก็บบรรยากาศถ่ายรูปสวีตหวานพรีเวดดิ้งกันหลายต่อหลายคู่ ซึ่งฉันลงความเห็นว่าทะเลสาบแห่งนี้สวยที่สุดแล้ว และหากจะบอกว่า นี่คือสวรรค์บนดินก็ไม่ได้เกินเลยความจริงแต่อย่างใด



 

     How to Get There
     สนามบินจิ่วไจ้โกวคือ Jiuzhai Huanglong Airport (JZH) ยังไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ต้องบินไปลงที่เมืองที่ใกล้ที่สุดคือ เฉิงตู ฉงชิ่ง หรือซีอาน ตามลำดับ แล้วค่อยต่อเครื่องบินภายในประเทศไปจิ่วไจ้โกว โดยใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ แล้วแต่ว่ามาจากเมืองไหน และจากสนามบินต้องจ้างรถให้ไปส่งอีกทอดหนึ่ง
สามารถเดินทางด้วยรถบัสประจำทางจากเฉิงตูได้เช่นกัน ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง นั่งมาจนถึงปลายทางที่สถานี Jiutong Bus Station
 
     Where to Stay
     แนะนำให้พักบริเวณปากทางเข้าอุทยานเนื่องจากสามารถเดินเข้าไปเที่ยวภายในอุทยานได้เลย ซึ่งก็มีที่พักหลายระดับให้เลือก หากไปเที่ยวช่วงเดือนตุลาคมควรจองที่พักล่วงหน้า เพราะเป็นช่วงไฮซีชัน ที่พักทุกแห่งเต็มเร็วมาก
Jiuzhaigou Angelie Hotel โรงแรมมีห้องพักหลายแบบตามงบประมาณ ห้องพักสะอาด สตาฟฟ์พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ยินดีช่วยเหลือ และเป็นกันเอง Tel. +86 837 776 4973
 
     Where to Eat
     บริเวณหน้าปากทางเข้าอุทยานมีร้านอาหารมากมาย ถูกชะตาร้านไหนเข้าไปนั่งได้เลย ทุกร้านขายอาหารเหมือนกัน และราคาใกล้เคียงกัน ไม่แพงเว่อร์ รสชาติอาหารเผ็ดร้อนนิดหน่อยสไตล์เสฉวน จึงไม่จืดชืดเหมือนอาหารจีนแถบปักกิ่ง อาหารจานใหญ่ควรถามขนาดก่อนสั่งทุกครั้ง วัตถุดิบส่วนใหญ่จะเป็น เต้าหู้ ไก่ ปลา ข้าวกล่องอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน ราคากล่องละ 13-15 หยวน แล้วแต่ร้าน แล้วแต่ยี่ห้อและรสชาติ
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี