6 เคล็ดลับสตาร์ทธุรกิจอย่างไร ไม่ให้เงินรั่วไหล
ก่อนที่เราจะลงทุนทำธุรกิจอะไรขึ้นมาสักอย่าง เราควรวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างไรให้มีความคุ้มค่ามากที่สุด การลงทุนแบบไหนฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วจะซื้ออุปกรณ์อย่างไรให้พอดีกับความจำเป็น หรือกำลังทำธุรกิจอยู่ แต่ไม่ต้องการใช้จ่ายเงินแบบผิดจุด เพราะอาจส่งผลให้ธุรกิจเสียหลักหรือต้องปิดกิจการไป
สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้นตรงจุดใดกันบ้าง เพื่อให้สามารถวางแผนการใช้เงินได้อย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น ลองดูคำตอบเหล่านี้กัน
1. งานเลี้ยงและการเดินทางที่แสนฟุ่มเฟือย
ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ อาจมองเรื่องงานเลี้ยงและการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่น่าสนุก แต่ถ้าคุณเอาเงินลงทุนมาใช้ในส่วนนี้ ก็ต้องบอกว่าผิดพลาดมหันต์ ควรจำกัดงบไม่ให้บานปลาย ไม่เช่นนั้น เงินของบริษัทคุณจะไหลออกไปเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็น และผิดวัตถุประสงค์ด้านการลงทุนอย่างแรก
2. การประชุมหรือสัมมนา
เรื่องการประชุมเองก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้คุณสามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับคู่ค้า นักลงทุน หรืออาจเป็นงานสัมมนาที่ให้ความรู้ด้านต่างๆ แก่ผู้ประกอบการด้วยก็ได้เช่นกัน แต่คุณควรเลือกการประชุมหรืองานสัมมนาที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของตัวเอง ไม่ใช่มาเข้าร่วมเพราะเพื่อนมากันเยอะ มาร่วมเพราะน่าสนุก เพราะเมื่อคุณเป็นผู้ประกอบการ เวลาทุกนาทีนั้นมีค่ามหาศาลต่อธุรกิจของตัวเอง ที่สำคัญงานอบรมหรือสัมมนาหลายๆ งานก็เสียค่าใช้จ่ายด้วย การเข้าร่วมโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ ย่อมทำให้เสียทั้งเงินและเวลาโดยเปล่าประโยชน์
3. อุปกรณ์ทำงานมือหนึ่ง สภาพใหม่เอี่ยม
ไม่จำเป็นเลยว่าอุปกรณ์ทำงานของคุณต้องเป็นมือหนึ่ง มีสภาพใหม่เอี่ยม ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ รถยนต์ เครื่องชงกาแฟราคานับแสน ฯลฯ เพียงแค่มองหาคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้ ไม่ตกรุ่น รถยนต์ที่ขนส่งสินค้าได้อย่างปลอดภัย ประหยัดน้ำมัน หรือเครื่องชงกาแฟสภาพดี ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของเราได้ก็เพียงพอแล้ว การใช้ของใหม่ ดี มือหนึ่ง ไม่ใช่ตัวการันตีให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ หรือทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ เพราะมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้น ควรลิสต์รายชื่อสิ่งของที่ต้องซื้อให้พอดีกับความจำเป็นในการทำธุรกิจ ไม่ควรซื้อมามากเกินความจำเป็น
4. ออฟฟิศหรือร้านค้าสุดหรูหรา
สำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่มีเงินลงทุนมากนัก อาจมองหาของตกแต่งเท่าที่จำเป็น ซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสอง แต่ผู้ประกอบการบางคนที่มีเงินมหาศาลกลับลงทุนตกแต่งออฟฟิศหรือร้านค้าจนหรูหราน่าอยู่เกินความจำเป็น จำไว้เลยว่าสิ่งนั้นแทบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย แถมผลเสียสำคัญที่สุดคือทำให้เงินของคุณ “จม” ซึ่งคุณควรเก็บไว้เป็นเงินหมุนเวียนทางธุรกิจมากกว่า
5. ค่าบริการต่างๆ
ค่าซอฟต์แวร์ ค่าสมาชิกรายเดือนของบริการต่างๆ ฯลฯ ในส่วนนี้คุณควรมองหาบริการที่มีราคาถูกหรือ ฟรีซอฟต์แวร์ใช้ไปก่อน จนคุณมั่นใจว่าต้องการใช้จริงๆ หรือคุ้มค่ากับการทำธุรกิจจริงๆ ค่อยตัดสินใจใช้บริการ
6. ค่าลูกจ้าง
ในบางครั้งคุณอาจยังไม่มีความพร้อมด้านการเงินที่จะจ้างพนักงานประจำ ให้เลือกใช้พนักงานแบบ Outsource ไปก่อน เพราะคุณจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ในภายหน้าถ้าพร้อมแล้วจะจ้างพนักงานประจำก็ยังไม่สาย
อุดรอยรั่วของคุณให้ครบทั้ง 6 ข้อ ก็จะช่วยให้การใช้จ่ายเงินลงทุนของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อนำมาพิจารณาค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือจุดไหนที่สูงเกินความจำเป็น ให้หาทางปรับลดซะ รับรองมีเงินเหลือจากการลงทุนอีกเพียบ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup