ลองนึกภาพดูว่าอยู่ดีๆ งานศิลปะของคุณที่สุดแสนจะยูนีคหนึ่งภาพ ตอนนี้สามารถขายได้มันได้แล้วบนโลกดิจิตอลแถมยังทำเงินได้อย่างอิสระ ตามที่คุณต้องการด้วย หรือแม้แต่มีมชื่อดังบนโลกออนไลน์ที่เราเห็นผ่านตากันมามากมาย มีหลายคนที่จ่ายเงินคริปโตมูลค่ามหาศาลเพราะอยากครอบครองและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มีมนั้นแต่เพียงผู้เดียว! วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นและจะช่วยสร้างรายได้ให้วงการศิลปะ วงการคอนเทนต์และอื่นๆ อีกมากมาย นี่คือเรื่องราวของสิ่งที่เรียกว่า ‘NFT’

 

     NFT ย่อสั้นๆ มาจาก Non – Fungible Token หนึ่งในสกุลเหรียญดิจิตอลที่กำลังมาแรง โดยเจ้า NFT นั้นมีความยูนีคที่แตกต่างจากเหรียญรูปแบบอื่นๆ เพราะว่าเหรียญนี้เป็นเหรียญที่ไม่มีเหรียญสกุลไหนมาทดแทนได้ หากพูดกันแบบง่ายๆ NFT คือการซื้อขายสิทธิการเป็นเจ้าของอะไรบางอย่างบนโลกดิจิตอลที่มีมูลค่า 

     โดย Non-Fungible คือ ไม่สามารถทดแทนกันได้ เป็นอะไรที่มีสิ่งเดียว มีความเป็นออริจินอล ทำซ้ำไม่ได้ ส่วนตัว Token จะเปรียบเหมือนใบรับรองเจ้าของสินทรัพย์ว่าคุณเป็นเจ้าของงานศิลปะชิ้นนี้ของศิลปินคนนี้ แม้ว่าคนอื่นจะยังสามารถดูได้ เห็นได้ แต่ก็มีคุณเท่านั้นที่มีเจ้าของสินทรัพย์ชิ้นนี้ ใบรับรองจะถูกบันทึกอยู่บน Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูงมาก 

 

     สำหรับการซื้อผลงานหรืออยากขายผลงานในรูปแบบ NFT ผู้ซื้อจะได้ครอบครองสิทธิ์การเป็นเจ้าของสิ่งนั้น ส่วนเจ้าของผลงานก็จะได้เงินดิจิตอลที่เรียกว่า Ethereum หรือค่าลิขสิทธิ์จากการขายผลงาน ที่สำคัญเจ้าของผลงานก็ยังคงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะมีการซื้อขายการครอบครองสิทธิ์ มีการเปลี่ยนมือผู้ถือครอง เจ้าของผลงานก็จะได้ค่าลิขสิทธิ์ทุกครั้ง

 

     ทุกอย่างบนโลกใบนี้สามารถหยิบมาขายในรูปแบบ NFT ได้หมด! ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะ Digital Art เสียงเพลง เสียงดนตรี เสียงอะไรก็ตามหรือคลิปวิดีโอ มีมตลกๆ ข้อความบนทวิตเตอร์ ทุกอย่างนั้นสร้างรายได้ให้คุณได้ แต่หลักๆ จะเป็น Digital Art ที่เริ่มมีศิลปินมากมายเข้ามาขายผลงานของตัวเอง เช่น ปั๋น Riety หรือแม้แต่ซีอีโอของทวิตเตอร์อย่าง Jack Dorsey ก็ได้ขายทวีตแรกของเขาบนทวิตเตอร์ที่เขียนว่า "just setting up my twttr," ซึ่งขายได้ในมูลค่า 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว หรือแม้แต่โมเมนต์สำคัญของคนในวงการกีฬา เช่น วงการ NBA ที่ขายรูปนักกีฬาในช่วงเวลาสำคัญ 

 

 

     สำหรับช่องทางในการซื้อขาย NFT มีให้เลือกทั้ง Opensea.io, Rarible, SuperRare, Foundation โดยจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า Gas Fee หลังจากนั้นคุณก็สามารถสมัครสมาชิกและเชื่อมข้อมูลกับกระเป๋าเงินคริปโต 

พอจะเริ่มขายผลงาน ก็สามารถอัพโหลดผลงานรูปแบบดิจิตอลลงในแพลตฟอร์ม โดยสามารถเลือกขายได้ 2 แบบคือราคาที่คุณตั้งไว้แบบตายตัวกับราคาที่ให้ผู้ซื้อมาประมูล เมื่อมีคุณปิดการขายเสร็จเรียบร้อยก็รอรับเงินที่จะโอนเข้ามาได้เลย!

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup