Finanace

หยุดไม่อยู่ 5 เหตุผล ธุรกิจต้องเตรียมพร้อมต้อนรับ Fintech

เจษฎา ปุรินทวรกุล




     ในปี พ.ศ. 2563 คงไม่ได้เป็นปีที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในหลายๆ ธุรกิจ เพราะทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ในช่วงเวลาที่ผ่าน FinTech ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากธุรกรรมทางการเงินที่ไร้การสัมผัสเหรียญและธนบัตร ได้เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกด้านการโอนเงินและชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ทำให้เราทุกคนรู้สึกปลอดภัยจากเชื้อโควิดมากยิ่งขึ้น


     ซึ่งจากผลสำรวจทั่วโลกพบว่า ความนิยมของ FinTech เพิ่มขึ้นถึง 96% โดยเกือบทุกคนยอมรับว่าต้องเคยใช้บริการ FinTech อย่างน้อย 1 ครั้ง ดังนั้น ในฐานะผู้ประกอบการ เราควรเรียนรู้และเตรียมพร้อมรับมือเทรนด์ FinTech ในปี 2564 ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเข้ามาอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น





     1. อิสระด้านการชำระเงิน


     ทุกวันนี้ถ้ายังมีแบรนด์ไหนที่ปล่อยให้ลูกค้าถือบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปชำระเงินกับธนาคาร หรือเคาน์เตอร์เซอร์วิส ได้แค่ช่องทางเดียว คงต้องบอกว่าแบรนด์นั้นๆ ค่อนข้างเชยและล้าหลังไปแล้ว ลองคิดในมุมกลับว่าหากคู่แข่งของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม สามารถมีนวัตกรรมการชำระเงิน ยกตัวอย่างเช่น ค่าสาธารณูปโภค ประกันภัย ค่าสมาชิกรายเดือนต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน หรือชำระผ่านแอปฯ ธนาคาร จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้มากขนาดไหน


     ความมีอิสระในการใช้จ่าย โอน และธุรกิจกรรมอื่นๆ ทำให้กลุ่มเป้าหมาย มีเวลาในการไปทำอย่างอื่นให้กับชีวิตมากขึ้น และมั่นใจที่จะใช้บริการแบรนด์ที่ตอบโจทย์นวัตกรรมด้าน FinTech มากยิ่งขึ้น
 




     2. การปรับตัวของธนาคารในระบบดิจิตอล


     สมัยก่อนการรอคิวที่ธนาคารเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจมากๆ ต่อมาแม้ว่าจะมี Internet Banking และแอปฯ ธนาคารต่างๆ เข้ามาช่วย แต่ก็ไม่สามารถตอบโจทย์การให้บริการได้ครบทุกประเภท เราจึงยังเห็นลูกค้าไปยืนรอต่อคิวอย่างหนาแน่นอยู่เหมือนเดิม ยิ่งมีการระบาดครั้งใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งทำให้เราตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำไมยังต้องเดินทางไปทำธุรกรรม (บางเรื่อง) ที่ธนาคารอยู่อีก ดังนั้น ต้องเตรียมรอดูต่อไปว่าธนาคารแห่งใดจะปรับตัวเป็น Digital Banking อย่างเต็มรูปแบบได้เป็นแห่งแรก ซึ่งรับประกันได้เลยว่าเป็นข่าวดีของผู้บริโภคและผู้ใช้บริการอย่างแน่นอน และลำดับถัดๆ ไปคือแบรนด์ต่างๆ ที่จะให้บริการในรูปแบบ Digital Platform อย่างครบวงจร ก็ไม่น่าเกิน 1-2 ปีข้างหน้านี้เช่นกัน
 




      3. ความรู้และการจัดการด้านการเงิน


     ความรู้ด้านการเงิน มีอิทธิพลและส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างมหาศาล ทั้งนี้จากผลสำรวจของธนาคารในสหรัฐฯ พบว่าครอบครัวชาวอเมริกันมีเงินออมในธนาคารเพียงครอบครัวละ 8,863 ดอลลาร์ฯ เท่านั้น และผู้ที่มีอายุน้อยและโสด จะมีเงินออมมากกว่าคนที่มีครอบครัวแล้ว ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 55 ระบุว่าพวกเขาไม่มีเงินเพียงพอต่อความต้องการซื้อสินค้า


     จากข้อมูลที่ได้รับ ย้อนกลับมาที่การทำธุรกิจ จะพบว่าถ้ามีการพัฒนาโซลูชันจาก FinTech ที่สามารถให้ความรู้และคำแนะนำด้านการเงิน การใช้จ่าย หรือเลือกซื้อสินค้าที่มีการผ่อนชำระโดยไม่เสียดอกเบี้ย ก็จะช่วยให้ผู้ขายมีโอกาสขายสินค้าได้ ขณะที่ผู้ซื้อก็ไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นในแต่ละเดือน เรียกว่า Win กันทั้งคู่
 




     4. เทคโนโลยีเสียง


     ความสะดวกสบาย เป็นหัวใจสำคัญของ FinTech และผู้สร้างนวัตกรรม FinTech ทุกๆ คนต่างพยายามมอบสิ่งนี้ให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ ซึ่งในปัจจุบัน Gen Z เปรียบเสมือนผู้นำเทรนด์ด้านเทคโนโลยี ดังนั้น สิ่งที่ Gen Z ให้ความสนใจ FinTech จะเข้าไปสร้างและพัฒนาโซลูชันให้ตอบโจทย์การใช้งาน โดยเฉพาะเทคโนโลยีเสียง เช่น การชำระเงินผ่านเสียง การโต้ตอบผ่านระบบแชทออนไลน์ด้วยเสียง ที่กำลังได้รับความสนใจและช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี
 

โอกาสในด้าน FinTech ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะเทคโนโลยีและนวัตกรรมกำลังเติบโตขึ้นอยู่ตลอดเวลา ผู้ประกอบการก็ต้องเรียนรู้และตามเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ทัน เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup