Text : Kritsana S.




Main Idea
 

• ในช่วงที่ผ่านมาจำนวน Art Market หรือตลาดงานศิลปะเริ่มที่มีให้เห็นมากขึ้น ซึ่งสะท้อนการเติบโตของคนที่ชอบสร้างสรรค์งานศิลปะได้เป็นอย่างดี

 

• แต่การทำตลาดประเภทนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ลองมาฟัง พฤทธิ์ สารถี ผู้ปลุกปั้น 10ArtMarket กันว่า เขามีวิธีการอย่างไรจึงทำให้ทุกงานที่จับต้องมีคนต่อคิวเข้างานกัน

 


     เมื่อต้นปีที่แล้วตลาดงานศิลปะเจ้าแรกๆ อย่าง 10 Art Market ถือกำเนิดขึ้นจากความสงสัยของ พฤทธิ์ สารถี ผู้จัดตลาดว่า หลังงานแสดงศิลปะจบลง ศิลปินทำอะไรต่อ? หารายได้จากที่ไหน? เมื่อไถ่ถามศิลปินก็ได้คำตอบว่า พวกเขาไปออกบู๊ธขายสินค้าฝีมือตัวเองตามตลาดต่างๆ แต่ตลาดที่จัดขึ้นส่วนใหญ่ไม่ใช่ตลาดงานศิลปะโดยเฉพาะ ดังนั้น เขาจึงเปิดตลาดนี้ขึ้น เพื่อให้ศิลปินและคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำงานศิลปะและงานทำมือได้ขายงานที่ทำขึ้นในตลาดงานศิลปะจริงๆ โดยในวันที่ตลาดเปิดครั้งแรก ภาพที่เกิดขึ้นคือ คนมาต่อแถวรอเข้าตลาดตั้งแต่ตลาดยังไม่เปิด และในการเปิดตลาดครั้งต่อๆ มา ภาพเช่นนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ ซึ่งพฤทธิ์จะมาแชร์ให้ฟังว่า เขาทำให้ภาพนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร


     คอนเซปต์ต้องชัด : พฤทธิ์วางคอนเซปต์ให้ 10 Art Market เป็นตลาดที่เปิดโอกาสให้ศิลปินไทยทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่ศิลปิน แต่รักในการทำงานศิลปะและงานทำมือได้มีพื้นที่ขายงานที่ตัวเองทำขึ้น โดยสินค้าที่ได้ขายในตลาดหลักๆ เป็นงานกราฟิก รองลงมาคือ งาน Art&Craft

     ธีมเด่นและไม่ซ้ำตลาดอื่น : ตลาดจะน่าสนใจมากขึ้นถ้ามีธีม และตลาดจะกลายเป็นกระแสขึ้นมา ถ้าธีมนั้นมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร และทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งก่อนเลือกธีมให้ตลาดแต่ละครั้ง พฤทธิ์จะศึกษาก่อนว่า ช่วงที่ตลาดจะจัดนั้นเทรนด์อะไรกำลังมา และสีไหนกำลังฮิตในเอเชีย เพื่อให้ตรงกับความสนใจของคนเดินตลาดที่ดูงานศิลปะภายในเอเชียเป็นส่วนใหญ่ ตัวอย่างธีมของตลาด 10 Art Market ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้คือ ธีม Summer ที่ชวนทุกคนมาปาร์ตี้คลายร้อนที่สระว่ายน้ำหลังบ้านของเพื่อน ซึ่งแตกต่างจากธีม Summer ในปีที่แล้วที่ชวนทุกคนมาปิกนิก

     มีมากกว่าแค่ขายของ : พฤทธิ์เลือกทำให้ตลาดดูมีอะไรมากกว่าแค่เป็นตลาดงานศิลปะด้วยการจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปที่กำลังนิยมในช่วงเวลานั้น โดยมีค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าร่วม และมีการจัดทอล์กสั้นๆ บนเวที ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธีมในครั้งนั้น และเป็นเรื่องที่คนมาเดินงานหรือแม้แต่พ่อค้าแม่ขายเองก็อยากฟัง เช่น ตลาดธีม The Sticker จัดทอล์กในเรื่องการทำสติกเกอร์ขายในไลน์ เพื่อชี้โอกาสให้กับคนเดินตลาดที่อยากสร้างรายได้จากภาพวาดของตัวเอง หรือคนขายที่กำลังหาช่องทางเพิ่มยอดขายใหม่ๆ ให้แบรนด์

     ทิ้งช่วงจัดตลาด : การจัดตลาดถี่เกินไปทำให้คนมาเดินไม่รู้สึกเสียดายถ้าพลาดตลาดในเดือนนี้ เพราะเดี๋ยวตลาดก็จัดอีกในเดือนหน้า ดังนั้น พฤทธิ์จึงกำหนดเปิดตลาดครั้งถัดไปให้ห่างประมาณหนึ่งจากครั้งล่าสุด ไม่จัดทุกเดือนเหมือนช่วงแรกๆ เพราะอยากให้คนมาเดินรู้สึกถึงการรอคอย และตั้งหน้าตั้งตารอมาเดินตลาด เพราะถ้าพลาดอาจไม่ได้สัมผัสบรรยากาศของตลาดในธีมนั้นๆ อีก
                

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup