Digital Marketing
IGTV vs. YouTube เปิดศึกชิงจ้าววิดีโอ
ด้วยกระแสของวิดีโอที่ถือเป็นคอนเทนต์มาแรงและเข้าถึงผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้วันนี้ Instagram ต้องออกฟีเจอร์ใหม่อย่าง IGTV ขึ้นมาเพื่อเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการดึง Content Creator หรือผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ให้หันมาใช้บริการแอปพลิเคชันใหม่นี้ แต่อย่างไรก็ตามด้านเจ้าพ่อเว็บไซต์อย่าง YouTube ก็ไม่นิ่งนอนใจและเสริมความแข็งแกร่งด้วยการเปิด 3 ช่องใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้มากขึ้น งานนี้จะเป็นยังไงมาดูกัน
IGTV ช่องน้องใหม่ที่หลายคนจับตา
หลังจากความสำเร็จของ IG Story ที่สามารถเรียกความนิยมไปจากผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี Instagram เดินหน้าอีกครั้งกับการปล่อยฟีเจอร์ใหม่อย่าง IGTV ที่มาในรูปแบบของ Long-Form Video Application ที่ให้ผู้ใช้สามารถอัพโหลดคลิปวิดีโอที่มีความยาวสูงสุดได้ถึง 1 ชั่วโมงเต็ม นอกจากนี้ยังเป็นวิดีโอแนวตั้งที่สามารถลงได้ทั้งในแอปพลิเคชันและในเว็บไซต์ และเชื่อมต่อกับองค์กรแม่อย่าง Facebook และ Instagram บัญชีเดิมของผู้ใช้ได้อีกด้วย
ทางด้าน Kevin Systrom ซีอีโอของ Instagram กล่าวว่า IGTV ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำให้การค้นหาและดูวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ทโฟนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
“ในการรับชมแอปวิดีโอส่วนใหญ่นั้น คุณต้องทำการค้นหาหรือดูตามหมวดหมู่ต่างๆแล้วถึงจะเริ่มดูได้ แต่สำหรับ IGTV นั้นจะเริ่มเล่นวิดีโอทันทีที่คุณเปิดแอปขึ้นมา โดยในส่วนของ “lean back” mode หรือ โหมด “เอนหลังชมคลิป” นั้นจะทำให้ IGTV เป็นอีกแหล่งที่มีประสิทธิภาพสำหรับ Instagram ในการวางโฆษณาได้”
และด้วยการที่ IGTV อนุญาตให้ผู้สร้างคอนเทนต์สามารถทำการอัพโหลดวิดีโอไปยัง Instagram ได้โดยตรง ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการทำให้แอปนี้กลายเป็นแหล่งรวมของวิดีโอที่จะเข้ามาท้าชิงด้านคู่แข่งอย่าง YouTube นั่นเอง ในเบื้องต้นผู้ใช้สามารถถ่ายวีดีโอที่มีความยาว 10 นาที และหากเป็นบัญชีผู้ใช้รายใหญ่ก็สามารถโพสต์วิดีโอที่มีความยาวเป็นชั่วโมงได้ สำหรับแผนระยะยาวทางบริษัทยังตั้งเป้าที่จะให้ผู้ใช้สามารถทำการโพสต์วิดีโอที่มีความยาวไม่จำกัดได้อีกด้วย
YouTube ขยับตัวพร้อมเปิด 3 ช่องใหม่
เพื่อรับมือกับ IGTV ด้าน YouTube ก็ไม่รอช้าทำการปรับกลยุทธ์เพื่อคงความเป็น “Hub” หรือแหล่งรวมวิดีโอคอนเทนต์เอาไว้โดยการปล่อย 3 ช่องใหม่บน YouTube อย่าง Memberships, Merchandise และ Premieres เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้สร้างคอนเทนต์และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้มากขึ้น
- Memberships
ก่อนหน้านี้ YouTube ได้เสนอรูปแบบ Twitch-like “Sponsorship” ใน YouTube Gaming ที่ให้แฟนๆสามารถเป็นสปอนเซอร์จ่ายเงินให้กับช่องได้ในราคา 4.99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน และนั่นทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงสินค้าดิจิตอลสุดพิเศษได้เช่น custom badge และอิโมจิ
YouTube เริ่มทดสอบโปรแกรมนี้ผ่านทางเครือข่ายวิดีโอขนาดใหญ่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีที่ผ่านมา การทดสอบนี้นำไปสู่ YouTube Channel Memberships ที่มีความแตกต่างจากช่อง YouTube Gaming โดยในส่วนของช่อง Memberships จะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมคือ สำหรับคนที่จะอัพโหลดวิดีโอขึ้นช่องนี้จะต้องมีสมาชิกหรือ subscriber มากกว่า 100,000 รายขึ้นไป อายุมากกว่า 18 ปี และเป็นสมาชิกของ YouTube Partner Program แต่อย่างไรก็ตาม ราคาสำหรับการสนับสนุนผู้สร้างคอนเทนต์ยังอยู่ที่ 4.99 เเหรียญสหรัฐต่อเดือน รวมถึงยังได้ custom badge และอิโมจิแบบพิเศษเหมือนเดิม
นอกจากนี้ยังอนุญาตให้สมาชิกสามารถเข้าถึงโพสต์ที่มีไว้แค่สมาชิกเท่านั้นเข้าถึงได้ในแท็บ Community ซึ่งผู้ทำคอนเทนต์วิดีโอจะแชร์สิทธิพิเศษให้ เช่น สิทธิ์ของการเข้าถึงวิดีโอแบบ Live Stream แบบพิเศษ วิดีโออื่นๆเพิ่มเติม shout-outs ข่าวสารกิจกรรมต่างๆและสิทธิ์เข้าถึงการซื้อตั๋วตั้งแต่วางขายและอื่นๆ
- Merchandise
อีกหนึ่งช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับผู้ทำคอนเทนต์วิดีโอคือ สำหรับใครที่มีสมาชิกมากกว่า 10,000 รายสามารถทำการขายของบนช่อง Merchandise ได้ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด หมวก เคสโทรศัพท์มือถือ หรือสินค้าหลากหลายกว่า 20 รายการที่มีความเหมาะสมกับช่องของผู้ทำ ซึ่งตัวโปรแกรมใหม่นี้กำลังเปิดตัวร่วมกับ Teespring แพลตฟอร์มสินค้าที่กำหนดเองหรือ Custom Merchandise นั่นเอง
- Premieres
ในส่วนของช่อง Premieres นั้น จะเปิดโอกาสให้ Youtuber ที่สร้างรายได้จากการไลฟ์สดสามารถได้เงินเพิ่มโดยไม่ต้องทำการออกอากาศสดได้ เพราะสามารถใช้ช่องใหม่ที่มีขึ้นมานี้สร้างหน้า Landing Page ขึ้นมาเพื่อทำการโปรโมทก่อนที่จะปล่อยวิดีโอออกมาได้ และในหน้านี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับแชทเช่นเดียวกับที่ Live Video มี นั่นหมายถึงผู้ทำคอนเทนต์สามารถใช้ Super Chat และใช้สิทธิพิเศษที่ได้จาก Channel Membership ได้แม้ว่าจะไม่ได้ทำวิดีโอถ่ายทอดสดก็ตาม
นอกจากนี้ วิดีโอจะถูกอัพโหลดบนอินเตอร์เฟซเดียวกันบน YouTube ดังนั้นผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ขั้นตอนใหม่หรือทำเพียงแค่เปิดใช้งาน “Premiere” ขึ้นมาเท่านั้น
Premieres ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะปรากฎบนหน้าโฮมเพจของ YouTube ในส่วนของวิดีโอแนะนำ รวมถึงส่วนที่ผู้ใช้ได้ทำการกดติดตามหรือ subscribe เอาไว้ และยังจะปรากฎอยู่ในการค้นหาของ YouTube และในส่วนของวิดีโอที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ช่องทางใหม่นี้สามารถใช้เพื่อทำการโปรโมทวิดีโอที่กำลังจะปรากฎจากทั้งผู้สร้างคอนเทนต์ ตัวอย่างหนังใหม่จากสตูดิโอ ตัวอย่างจากวิดีโอเกมหรือแม้กระทั่งมิวสิกวิดีโอ แต่อย่างไรก็ตามตัว Premieres ในขณะนี้ยังไม่ได้เชื่อมโยงกับทาง YouTube Music
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี