Digital Marketing
เปิดลายแทงเส้นทางสู่ฝันของ SME
ทุกธุรกิจล้วนมีจุดกำเนิดเกิดจาก “ความฝัน” ของผู้ก่อตั้ง หรือ เจ้าของ ทั้งนั้น แต่...การออกเดินทางไกล สู่เส้นทางสานฝันที่วาดไว้ จะไปเพียงลำพังคงยากที่จะบรรลุ ยิ่งฝันใหญ่เท่าไร จึงต้องมี “ผู้ร่วมเดินทาง” มากขึ้นเท่านั้น
“ผู้ร่วมเดินทาง” กลุ่มแรก จึงเป็นกลุ่มคนที่มี “ความฝัน” แบบเดียวกัน มีเป้าประสงค์ต่อการเดินทางไกลที่คล้ายกัน
กลุ่มต่อมาที่จะเข้ามาร่วมเดินทาง กลุ่มนี้อาจไม่ได้มี “ความฝัน” เช่นเดียวกับกลุ่มแรกร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กลุ่มนี้จะต้องมี “คุณค่า” ที่ยึดถือเฉกเช่นเดียวกับผู้ก่อตั้ง หรือ คนกลุ่มแรก
“คุณค่า” จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกตัวตนขององค์กรใดๆ เป็นดั่งเช่นดีเอ็นเอขององค์กรนั้นๆ แล้วจึงพัฒนาไปเป็นวัฒนธรรมองค์กร
การจะขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุฝันของกลุ่มก่อตั้ง นอกจากจะต้องใช้ “คุณค่า” เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทุกคนเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ยังต้องอาศัยแท็คติกหลากหลายรูปแบบในการขับเคลื่อนองค์กร
ช่วงที่กำลังล้มลุกคลุกคลาน ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ ลำพังการขับเคลื่อนโดยใช้ความฝันนั้นไม่เพียงพอและคงไม่สัมฤทธิผล ในช่วงนี้หากขับเคลื่อนโดยความฝันอย่างเดียว ความรู้สึกจะมีแต่เหี่ยวเฉาลงไปเรื่อยๆ ทุกเวลา ทุกนาที
ผู้นำที่ฉลาด จะต้องเลือกใช้แท็คติกที่กระตุ้นให้คนตระหนักถึงความเป็นความตายขององค์กร ให้ทุกคนปรับโฟกัสมาที่การเอาตัวให้รอด สร้างแรงขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดแรง “วิ่งหนี” ภัยพิบัติที่ใกล้ตัวมากๆ เพื่อให้ทุกคนช่วยกันเร่งฝีเท้าองค์กรให้ห่างไกลหายนะนี้
ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คนมักจะผิดพลาด เลือกใช้วิธีในการขับเคลื่อนองค์กรที่ไม่เหมาะสม โดยยังพยายามให้ทุกคนวิ่งหนีอยู่ตลอดเวลา แต่วิธีที่เคยได้ผล จะไม่ได้รับการตอบสนองจากคนในองค์กร เพราะพายุนั้นได้สงบลงแล้ว โจทย์ในช่วงนี้คือ ทำอย่างไรให้คนสามารถลอยเคว้งอยู่กลางน้ำได้โดยไม่สิ้นหวังเหี่ยวเฉา เฉื่อยชา ไปเสียก่อน
ผู้นำจะต้องสร้างจินตนาการให้ทุกคนเห็นภาพของ “ความฝัน” ให้ทุกคนสามารถรู้สึก และจับต้องได้ ทุกคนจึงจะมีส่วนร่วม ช่วยกันขับเคลื่อนองค์กรให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไป ถึงแม้ยังไม่เห็นฝั่งก็ตาม
ช่วงนี้องค์กรจะอยู่ได้ด้วยความหวัง
หวัง...ที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
หวัง...ที่จะมีแรงขับเคลื่อนต่อเนื่อง โดยไม่อ่อนล้า ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
หวัง...ที่จะสามารถกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ควรจะเป็นได้อีกครั้ง หากเกิดพลัดหลงทิศหลงทาง
ช่วงนี้ คือช่วง “วัดใจ” ขององค์กรอย่างแท้จริง ไม่มีใครบอกได้ว่าจะใช้เวลาเนิ่นนานสักแค่ไหน แต่สิ่งที่ผู้นำต้องทำคือ “หล่อเลี้ยงใจ” ขององค์กรต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเริ่มเห็นฝั่งฝัน
เมื่อเห็นสัญญาณของฝั่งฝัน องค์กรที่หล่อเลี้ยงดูแลใจกันมาดี จะมีพลังในฉับพลัน ทุกคนจะช่วยกันมุ่งหน้า มีเท่าไรใส่กันหมด ไม่มียั้ง สิ่งที่เฝ้ารอเห็นอยู่ลิบๆ รออยู่ใย ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องตบรางวัลกันอย่างเต็มที่
ทว่า...หากองค์กรใด ไม่ได้หล่อเลี้ยงใจกันในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้เห็นฝั่งฝันอยู่ตรงหน้า เรี่ยวแรงกลับไม่มี จะให้รางวัลสูงขนาดไหน ก็ไม่สามารถชักจูงใจที่เหี่ยวเฉานั้นได้ เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเสียดายยิ่ง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี