รายงานจากมาสเตอร์การ์ด และฮาลาล ทริป เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น ระบุว่าร้อยละ 60 ของประชากรในประเทศมุสลิมหลักๆ ทั่วโลกมีอายุน้อยกว่า 30 ปีหรือคิดเป็นจำนวนราว 1,000 ล้านคน มีการประเมินว่าในปี 2030 หรืออีก 12 ปีข้างหน้าร้อยละ 29 ของประชากรโลกที่อายุระหว่าง 15-29 ปีเป็นมุสลิม ด้านโอกิลวี นูร์ เอเจนซี่ที่ทำการตลาดให้กับแบรนด์อิสลามคาดการณ์ราวปี 2020 ตลาดไลฟ์สไตล์ในกลุ่มผู้บริโภคมุสลิมจะมีมูลค่าสูงถึง 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และลูกค้ากลุ่มใหญ่ก็คือสาวๆ มุสลิมนั่นเอง

     ชีรีน่า แจนโมฮาเหม็ด รองประธานโอกิลวี นูร์ผู้เขียนหนังสือ Generation M: Young Muslim Change the World ระบุวิจัยชี้ให้เห็นว่าร้อยละ 90 ของกลุ่มลูกค้ามุสลิมตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการโดยอิงจากค่านิยมทางศานา เช่น ต้องมีตราฮาลาล กล่าวสำหรับกลุ่มมุสลิมมิลเลนเนี่ยลหรือที่เรียกในชื่อต่างๆ อาทิ Gen M, Mipsterz (Muslim Hipster) และ GUMmies (Global Urban Muslim Consumer) กลุ่มนี้มีการศึกษามากขึ้น เข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น แต่งงานและมีลูกช้าลง เป็นกลุ่มที่มีรายได้และกำลังซื้อสูง และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพศหญิงและเพศชายเปลี่ยนไป Gen M จะต่างจากมุสลิมรุ่นพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายคือยังไม่ละทิ้งความเชื่อความศรัทธาแต่ก็มีความทันสมัยมากขึ้น

     สำหรับตลาดที่เป็นที่น่าสนใจของกลุ่ม Gen M ได้แก่ตลาดเครื่องสำอางฮาลาลและสินค้าแฟชั่นทั้ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 58,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2025 ผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการเห็นตัวตนของพวกเขาไปสะท้อนอยู่ตามสินค้าต่างๆ หลายแบรนด์จึงเริ่มให้ความสนใจลูกค้ามุสลิม

     ยกตัวอย่าง มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ที่เปิดตัว burkinis ชุดว่ายน้ำสำหรับสตรีมุสลิมในปี 2016 และจำหน่ายหมดในเวลาอันรวดเร็ว หรือบริษัทไนกี้ที่ผลิตเสื้อผ้ากีฬารวมถึงผ้าคลุมศีรษะสำหรับนักกีฬาหญิงมุสลิมและผู้ที่ต้องการออกกำลังกาย ส่วนแมงโก้และดีเคเอ็นวายก็ออกแบบเสื้อกระโปรงในคอลเลคชั่น “รอมฎอม” ยังไม่นับรวมผู้ประกอบการจำนวนมากที่ไม่ใช่แบรนด์ดัง ต่างก็พยายามสรรหาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองลูกค้า Gen M

     อีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่ควรให้ความสนใจ คือธุรกิจท่องเที่ยวและงานบริการ รายงานของมาสเตอร์การ์ดและฮาลาลทริปอีกเช่นกันที่ระบุราวปี 2025 การใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทางของ Gen M จะมีมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย 5 จุดหมายต้นๆ ที่ Gen M เลือกเดินทางไปเยือนมากที่สุดประกอบด้วยมาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไทย และออสเตรเลีย

     มาเลเซียกับอินโดนีเซียติดอันดับสูงสุดเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมด้วยกันทำให้หาอาหารฮาลาลทานง่าย และมีการจัดห้องละหมาดไว้ตามสถานที่ต่างๆ ให้ ส่วนประเทศอื่น เช่น ไทยก็มีบริการโรงแรมและสปาฮาลาลหลายแห่งที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ ขณะที่ญี่ปุ่น ถือเป็นจุดหมายที่กำลังมาแรงในกลุ่มนักท่องเที่ยวมุสลิม ทำให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมมืออำนวยความสะดวก ประเดิมด้วยการสร้างห้องละหมาดที่สถานีรถไฟในโตเกียว

     ในการสำรวจความเห็น Gen M วัย 18-36 ปีจากทวีปแอฟริกา อเมริกา เอเชียแปซิฟิก ยุโรป และตะวันออกกลางซึ่งดำเนินขึ้นระหว่างเดือนเม.ย.-ก.ย. 2017 พบว่า 3 เหตุผลที่ Gen M ใช้ในการพิจารณาเลือกประเทศเป้าหมายคือ 1. แบกรับค่าใช้จ่ายได้ 2.เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และ 3. เดินทางเข้าง่าย ส่วนเหตุผลที่ออกเดินทางมี 3 ประการ ได้แก่ ท่องเที่ยวพักผ่อน เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นอื่น และไปเยี่ยมญาติหรือเพื่อน  โดยร้อยละ 50 มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศปีละ 2-5 ครั้ง เฉลี่ยครั้ง 4-6 วัน และใช้จ่ายประมาณ 100-500 ดอลลาร์ต่อทริป

     ปัจจัยที่ทำให้ Gen M เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นเป็นผลจากค่านิยมที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่นิยมซื้อหาสิ่งของมาสะสมหรือครอบครองก็หันมาเน้นหาประสบการณ์ชีวิตจากการเดินทางมากขึ้น สำหรับ Gen M การออกเดินทางไม่ใช่แค่การพักผ่อน หากยังเปิดโอกาสให้ได้พัฒนาตนเอง ทำให้เติบโตและมีวุฒิภาวะขึ้น ทั้งยังได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และได้กระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว จากการคาดการณ์ ปี 2050 ประชากรมุสลิมทั่วโลกจะมีจำนวน 2,800 ล้านคนหรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลกทั้งหมด โดย 2 ใน 3 ของจำนวนนั้นเป็นมุสลิมอายุไม่ถึง 30 ปี ขณะเดียวกัน การเติบโตของชนชั้นกลางมุสลิมจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่งผลให้ตลาดใหม่อย่าง Gen M ที่ยังไม่มีผู้เล่นมากมายนักกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บริโภคที่น่าจับตามองมากที่สุด
 
ที่มา : 
     https://asia.nikkei.com/Business/Trends/Travel-spending-by-Muslim-millennials-to-top-100bn-by-2025
     http://mihas.com.my/the-reach-for-muslim-millennials/
     www.warc.com/NewsAndOpinion/news/Muslim_millennials_offer_opportunities/f89c2de3-87af-4a40-a521-     6561fb53382b
 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี