ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต ประกาศเดินหน้ารุกสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป และการเพิ่มจำนวนนักช้อปคุณภาพ พร้อมสรรหาสินค้าและบริการ รวมถึงกิจกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักช้อป นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อกระตุ้นและเพิ่มยอดขายแก่ร้านค้า โดยยึดหลักแนวคิด ESG ยกระดับสิ่งแวดล้อม สังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร พร้อมดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
ประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต กล่าวว่า จังซีลอน ได้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก (Retail) ต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปีตั้งแต่ปี 2549 บนพื้นที่กว่า 2 แสนตารางเมตร หรือกว่า 55 ไร่ เราได้ให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกมุมโลก กว่า 45,000 – 50,000 คนต่อวัน นับเป็นศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการวางแผนการสร้างความเข้มแข็งกับแบรนด์ และด้วยกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ มีการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น มีหลักการบริหารที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเข้าใจไลฟ์สไตล์ของนักช้อปจากทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันในแต่ละซีซั่น พร้อมทั้งปรับปรุง มุ่งเน้นการเติบโตให้กับศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยหลักการดำเนินธุรกิจอย่างมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน (Sustainability Commitment) ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด สร้างการตระหนักรู้ในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เราให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบขององค์กรต่อสังคม สิ่งแวดล้อม การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างสมดุล พร้อมทั้งมีส่วนร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายขององค์การสหประชาชาติ โดยเราได้นำกลยุทธ์ ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) เป็นปัจจัยสำคัญในด้านการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนของบริษัท
โดยในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) นับเป็นพันธกิจหลักขององค์กรที่ “จังซีลอน” ให้ความสำคัญมาตั้งแต่ปีแรกจนถึงปัจจุบัน และมุ่งมั่นไปสู่อนาคตอย่างต่อเนื่อง ในแนวทางปฏิบัติที่เสริมสร้างพลังงานหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจ สู่องค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยหลัก 4 R ได้แก่ Reduce, Reuse, Repair และ Recycle ซึ่งในปัจจุบันได้ก้าวไปสู่การ “Upcycle” เพื่อสร้างมูลค่าและคุณภาพได้อย่างสูงสุด และเพื่อสร้างจิตสำนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปริมาณถุงพลาสติกและขยะ ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้หันมาใช้ถุงผ้าเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนและรักษาสิ่งแวดล้อมของท้องทะเลภูเก็ต จึงได้เกิดโครงการจัดจำหน่ายถุงผ้ารีไซเคิลมากมาย อาทิ Go Green Shopping @Jungceylon, Zero Bag Zero Waste, SAVE THE SEA, Love Phuket Save Phuket และล่าสุดโครงการ Jungceylon Art for Oceans งานศิลปะเพื่อมหาสมุทร ที่นำเสนอผลงานจากศิลปินชั้นนำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ พร้อมจัดทำกระเป๋า “Upcycled Tote Bag” จากแบนเนอร์โฆษณาที่ผ่านการใช้งานจากตกแต่งกิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์การค้า นำมาผ่านกระบวนการทำความสะอาด ออกแบบ ตัดเย็บวางรูปแบบให้สวยงาม กลายเป็นคอลเลกชันรักษ์โลกสุดชิค โดยรายได้จากการจัดจำหน่ายถุงผ้า เพื่อสมทบทุนสนับสนุนรายได้ให้กับศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร จ.ภูเก็ต ในการอนุรักษ์สัตว์ทะเลและสิ่งแวดล้อมทางทะเล นอกจากนั้นยังจัดทำ ECO Premium Gift ของที่ระลึกรักษ์โลก อีกหลากหลายคอลเลกชัน และโครงการ Jungceylon Eco Creative Contest ที่สนับสนุนความสามารถของเยาวชนในด้านความคิดสร้างสรรค์ การนำเสนอไอเดียใหม่ และนำวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงโครงการที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กับโครงการ “โค้ก ชวนแยก แลกลุ้นโชค Trash Lucky” จุดรับขยะรีไซเคิลสำคัญของ จ.ภูเก็ต ที่ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการแยกขยะ สร้างระบบกลไกจัดการขยะแบบครบวงจร เป็นต้น
สำหรับในเรื่องการจัดการระบบภายในศูนย์การค้า ภายหลังจากการรีโนเวทพื้นที่ ทั้งภายในและภายนอกศูนย์การค้า เราได้จัดสรรพื้นที่สีเขียวให้เพิ่มขึ้นกว่า 80% ทั่วทั้งศูนย์การค้า พร้อมยกระดับอาคารสู่ Green Building อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานและติดตามผลการดำเนินงานผ่านโครงการ “Jungceylon Energy Saving” ด้วยการประหยัดพลังงาน เน้นใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และใช้เทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม อาทิ เพิ่มพลังงานสะอาดด้วยการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ (Solar Cell) บนหลังคาศูนย์การค้าที่ช่วยลดความร้อน และสามารถประหยัดค่าไฟได้กว่า 3% ต่อปี, การบำบัดน้ำเสียมาใช้ซ้ำกับระบบคลูลิ่ง โดยสามารถนำกลับมาใช้งานได้ 3,000 Q / เดือน, การกำจัดขยะด้วยการแยกชนิดของขยะโดยผ่านมาตรฐาน ISO ที่เกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม กำจัดขยะ และรักษาสุขอนามัย, การใช้หลอดไฟระบบ LED Motion Sencer ชนิดหรี่แสงอัตโนมัติในบางพื้นที่ โดยสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าโหลดแสงสว่างได้ 85% ต่อปี และสำหรับห้องเครื่องจักร MDB & Chiller Plant ทั้งหมดสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าโหลดแสงสว่างได้กว่า 84% ต่อปี นอกจากนั้น เรายังใช้สีทาผนังภายนอกอาคาร เป็นสีสะท้อนความร้อนที่สามารถสะท้อนความร้อนได้ถึง 96.7% ซึ่งสามารถช่วยลดอุณหภูมิได้มากถึง 12 องศาเซลเซียส และประหยัดพลังงานได้กว่า 10 - 12% เป็นต้น และเรายังได้ร่วมทำกิจกรรมในโครงการต่างๆ อาทิ World Environment Day, World Ocean Day และ Earth Hour รณรงค์ให้ปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเป็นประจำทุกปี เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาตระหนักถึงปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อนมากขึ้นอีกด้วย
ในด้านสังคม (Social) จังซีลอนได้เดินหน้าทำกิจกรรมที่ตระหนักถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อมร่วมกันมาโดยตลอด โดยได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ, เอกชน, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, หน่วยงานอิสระ รวมถึงศิลปินในจังหวัดภูเก็ต ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมที่กระตุ้นจิตสำนึกอนุรักษ์และใส่ใจสิ่งแวดล้อมอาทิ กิจกรรมสร้างแผงปะการังเทียม, ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อขยายและอนุรักษ์สายพันธุ์, กิจกรรมปลูกต้นจากเพื่อช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศการท่องเที่ยว และกิจกรรมเก็บขยะหน้าชายหาดที่ทำเป็นประจำทุกปี นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคม อาทิ เปิดพื้นที่ให้ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จ.ภูเก็ต สภากาชาดไทย ออกหน่วยรับบริจาคโลหิต (Blood Donation) เพื่อจัดหาโลหิตไว้สำรองจ่ายให้แก่ผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง, กิจกรรมส่งมอบความสุขแก่เด็กด้อยโอกาส Christmas Charity ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ด้วยการจัดเลี้ยงอาหารกลางวัน มอบของขวัญและมอบเงินสมทบทุนให้แก่มูลนิธิ, สนับสนุนกิจกรรมในเทศกาลประเพณีถือศีลกินผัก เป็นต้น และยังได้จัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมรายได้ แรงงาน และสาธารณสุขของประชาชนในจังหวัด ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต และพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพในระดับประเทศและระดับโลกต่อไป
ทั้งนี้ “จังซีลอน” ได้ดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล (Governance) ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม และคำนึงถึงผลประโยชน์ที่สมดุลของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ทั้งบุคลากรภายในองค์กร ร้านค้า คู่ค้า รวมถึงลูกค้าที่มาใช้บริการ ต่างก็สามารถดำเนินการตามนโยบายแจ้งเบาะแสการกระทำผิด (Whistle Blowing Policy) ที่บริษัทกำหนด อาทิ การฝ่าฝืนกฎหมายและกฎระเบียบ การทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ การเปิดเผยข้อมูลลับโดยไม่ได้รับการอนุญาต และการไม่สำแดงผลประโยชน์ทับซ้อนในการติดต่อธุรกิจ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับชั้น ได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอความคิดเห็นในการพัฒนาองค์กร ผ่านกิจกรรมต่างๆ อันจะนำไปสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ดี มีความมั่นคงและเติบโต ควบคู่ไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีได้ในระยะยาว ภายใต้จรรยาบรรณและหลักการกำกับดูแลกิจการของบริษัท ซึ่งบุคลากรภายในองค์กรทุกคนยึดถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับการบริการสู่ประสบการณ์การพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบ ตอบทุกโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายท่ามกลางธรรมชาติอย่างเหนือระดับ ภายใต้กรอบแนวคิด “The Oasis of Shopping in Patong” ประวิช กล่าว
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup