อาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศผลกำไรในไตรมาสสาม สูงกว่าการคาดการณ์ของ Wall Street สะท้อนประสิทธิภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง แม้ท่ามกลางปัจจัยท้าทาย ทั้งจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และการแข่งขันที่รุนแรง
ย้อนไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทางการจีนได้ประกาศยุตินโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มจำนวนขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว กระทบตั้งแต่ภาคการบริโภคไปจนถึงการดำเนินงานของจุดให้บริการคลังสินค้าทั่วทั้งประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ต้องหยุดชะงัก
“ผลงานของเราในไตรมาสนี้ยังคงแข็งแกร่ง แม้ท่ามกลางอุปสงค์ที่ลดลง ห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ที่หยุดชะงัก เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านมาตรการควบคุมโรคโควิด-19” แดเนียล จาง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กล่าว
EBITA ที่ปรับปรุงแล้วของอาลีบาบา ซึ่งเป็นการวัดแบบ non-GAAP เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบเป็นรายปี คิดเป็น 52.05 พันล้านหยวน (7.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งอยู่เหนือการคาดการณ์ของ Thomson ที่ก่อนหน้านี้ได้ประเมินไว้ที่ 47 พันล้านหยวน อาลีบาบาสามารถสร้างผลกำไรได้สูงกว่าการคาดการณ์รายไตรมาสอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุน นักวิเคราะห์ในภาคธุรกิจ กล่าว
กำไรปรับลดแบบ non-GAAP ต่อหุ้น American Depository Share (ADS) สำหรับไตรมาสนี้พุ่งขึ้น 14% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะยอด 19.26 พันล้านหยวน สูงกว่าการประเมินการของ Thomson และ Bloomberg ที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 16 พันล้านหยวน
ซู หง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของอาลีบาบา กล่าวว่า "ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เรายังคงปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และปรับต้นทุนให้เหมาะสม ส่งผลให้กำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง"
ตั้งแต่ต้นปี 2566 นักวิเคราะห์หุ้นได้ประเมินการฟื้นตัวของภาคการบริโภคทั่วประเทศจีน และสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยมากขึ้นสำหรับอาลีบาบา จากการที่จีนกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้งในวันที่ 8 มกราคม และประกาศว่าจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการบริโภค
“ในอนาคตข้างหน้านี้ เราคาดการณ์ว่าจะได้เห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ” จาง กล่าว
มูลค่าการค้าปลีกในสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมดของจีนในปี 2565 ลดลง 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ถึงกระนั้น ยอดค้าปลีกออนไลน์ก็ยังเพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งนักวิเคราะห์หุ้นมองว่าเป็นผลมาจากอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของจีนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอยู่แล้ว จึงมีส่วนสนับสนุนประมาณ 30% ของยอดค้าปลีกในประเทศจีน
ท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบัน รายรับแต่ละไตรมาสของอาลีบาบายังขยับสูงขึ้น 2% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 247.76 พันล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการบริหารจัดการลูกค้าแต่ละไตรมาสของธุรกิจค้าปลีกในจีนของบริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริการด้านการตลาดและค่าคอมมิชชั่น ปรับลดลง 9% เมื่อเทียบเป็นรายปี
มูลค่ารวมของสินค้าที่จับต้องได้ทางออนไลน์ (GMV) ในตลาดดิจิทัลของจีนอย่าง เถาเป่า (Taobao) และ ทีมอลล์ (Tmall) ซึ่งไม่รวมคำสั่งซื้อที่ค้างชำระ ลดลงเป็น "ตัวเลขกลางหลักเดียว" (mid-single-digit) ในไตรมาสเดียวกันเมื่อเทียบเป็นรายปี การลดลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากการบริโภคที่ชะลอตัวและการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์หยุดชะงักในเดือนธันวาคม
ทั้งนี้ อาลีบาบากล่าวว่า การเติบโตของ GMV ในอัตราที่ลดลงนั้นเป็นผลกระทบจากความต้องการที่ลดลงในหมวดแฟชั่นและเครื่องประดับ ซึ่งตัวเลขส่วนนี้ก็ถูกชดเชยได้บางส่วน ด้วยอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลสุขภาพ การดูแลสัตว์เลี้ยง และผลิตผลสด รวมถึงการชะลอตัวของหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ลดลง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี