ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงไทยขยายตัวจ่อขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดโลก รับปัจจัยหนุนโควิด-19 ดันธุรกิจกระแสแรงผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น “เอกา โกลบอล” ผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร รับอานิสงส์ ยอดขายบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารล้น ด้านตลาดอาหารพร้อมรับประทานเติบโตไม่น้อยหน้า เอกา เตรียมเดินหน้าช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย เร่งจัดโรดโชว์ 4 ภูมิภาค ภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า
ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะ 10 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet-Food) พรีเมียม ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ตลาดโลกและเทรนด์ผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ ทำให้ทั้งสองกลุ่มธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก ต่อเนื่องถึงความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารมีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้หากมองเทรนด์ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะประเทศไทยเชื่อมั่นว่าจะเห็นการขยายตัวอย่างได้สูงขึ้นอีก ล่าสุด รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยในงาน Pet Fair South East Asia (SEA) 2022 ว่า อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง นับเป็นสินค้าดาวรุ่งของประเทศไทยที่สร้างรายได้จากการส่งออกประมาณปีละ 65,000 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.65) สามารถทำเงินให้ประเทศแล้ว 75,000 ล้านบาท มากกว่ามูลค่าทั้งปี 2564 ถึง 34.4% นับเป็นการขยายตัว 37 เดือนต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าประเทศไทยมีสิทธิ์จะเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 1 ของโลกได้ในอนาคตไม่นาน
“ปัจจุบัน ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตย์เลี้ยงอันดับ 3 ของโลก รองจากเยอรมันและอเมริกา ไทยมีศักยภาพสูงมากในการเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ มาตรฐานปลอดภัย และมีระบบการผลิตที่สร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม สามารถตอบสนองตลาดทั่วโลกและเทรนด์ผู้บริโภคได้ครบทุกด้านเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์พฤติกรรม Pet Humanization ที่เจ้าของรักและเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว เทรนด์รักษ์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มมีความพร้อมที่จะจ่ายเงินสูงขึ้น ไทย ยังมีข้อได้เปรียบทางด้านภาษีจากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA)”
อย่างไรก็ดี เส้นทางที่จะยกระดับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงไทยให้ก้าวสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม จำเป็นต้องพัฒนาและเพิ่มขีดจำกัดทางด้านอีโคซิสเต็ม เร่งนำนวัตกรรมและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างสมบูรณ์รอบด้าน 360 องศา เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) พร้อมรับมือทั่วโลกหันมาใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax)
ส่วนภาพรวมกลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) ยังคงครองใจผู้บริโภคยุคใหม่ โดยคาดการณ์ตลาดอาหารปรุงสุกพร้อมทานจะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2024 เนื่องจากหลังสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้บริโภคมักเน้นความสะดวก คุ้มราคา และสะอาดปลอดภัย รวมถึงการนิยมสั่งอาหารเดลิเวอรี่ (Food Delivery) หรือเลือกซื้ออาหารปรุกสุกสำเร็จที่บรรจุภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ที่สามารถยืดอายุอาหาร เพิ่มอายุการจัดเก็บได้ยาวนานขึ้น เพื่อลดความถี่ในการออกไปซื้อของและการสัมผัสที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวันมากขึ้น
ทั้งนี้ ชัยวัฒน์ กล่าวเสริมปิดท้าย ว่า บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญและคงเจตนารมณ์มุ่งส่งเสริมศักยภาพและช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี (SME) ในประเทศไทย ให้เข้าถึงเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร “เอกา โกลบอล” และนวัตกรรมบรรจุแบบดัดแปรบรรยากาศ Modified Atmosphere Packaging Process หรือ MAP เพื่อนำมาใช้และพัฒนาธุรกิจ ยกระดับธุรกิจเอสเอ็มอีไทยให้แข็งแกร่งสามารถขับเคลื่อนเอสเอ็มอีไทยสู่การแข่งขันบนเวทีระดับโลกได้ โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างการเตรียมแผนงานเดินหน้าจัดโรดโชว์ ครอบคลุม 4 ภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และภาคกลาง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นโรดโชว์แรก ภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า อย่างแน่นอน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี