เอกา โกลบอล” มุ่งยกระดับองค์กรสู่ธุรกิจสีเขียว รับมือคู่ค้าสหรัฐฯ - อียู จ่อเก็บภาษีคาร์บอน

 

     “เอกา โกลบอล” ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารอันดับต้น ๆ บนเวทีโลก เดินหน้าต่อเนื่องเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน ยกระดับองค์กรสู่ธุรกิจสีเขียว 360 องศา มุ่งสร้างสังคมยั่งยืน กู้วิกฤตโลกร้อน พร้อมทั้งรับมือคู่ค้า สหรัฐฯ - อียู เร่งเครื่องเก็บภาษีคาร์บอน ปีหน้าตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากกรีนโปรดักส์ แตะระดับ 30% และเดินหน้าปรับลดปริมาณขยะในโรงงาน

     ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศคู่ค้าของบริษัทฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (อียู) มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเร่งดำเนินการยกร่างกฎหมายกำหนดมาตรการจัดเก็บภาษีการปล่อยคาร์บอน (Carbon Tax) หรือ ก๊าซเรือนกระจกกับสินค้าที่กระบวนการผลิตส่งผลให้เกิดการปล่อยคาร์บอนในปริมาณสูงให้เร็วขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจส่งออกทั่วโลก จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรับมืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยผลกระทบไม่เพียงแต่มีผลต่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่หลายรายทั้งในไทยและต่างประเทศที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ และอียู ส่งสัญญาณและเริ่มปรับตัวเพื่อบรรลุเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกไปสู่ธุรกิจยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเท่านั้น แต่แรงกดดันนี้ยังมีผลภาควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของธุรกิจใหญ่ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

     “ล่าสุด กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่ตรงกันว่า ปัจจุบันประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ และอียู เตรียมบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีคาร์บอนเพิ่มขึ้น โดยจะส่งผลต่อภาคส่งออกไทย ดังนั้น ผู้ผลิตสินค้าไทยควรเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการดังกล่าว”

     ทั้งนี้ มองว่าภาครัฐไทยจำเป็นต้องเร่งจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการส่งออก อีกทั้งจะต้องเร่งยกระดับระบบกลไกราคาคาร์บอนที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล เพื่อลดภาระการจ่ายภาษี หรือ ซื้อใบรับรองการปล่อยคาร์บอนที่ผู้ผลิตไทยต้องจ่ายให้กับต่างประเทศด้วย

     ขณะที่ ภาคธุรกิจต้องปรับกระบวนการผลิตลดการปล่อยคาร์บอน และนำกระบวนการผลิตเข้าสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นำวัสดุและวัตถุดิบรีไซเคิลเข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่กับการให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นให้ความรู้ภายในโรงงานในเรื่องประโยชน์ของพลาสติก ขั้นตอนเก็บ แยกขยะพลาสติก และระบบโลจิสติกส์ รวมถึงกระบวนการเพิ่มมูลค่าขยะพลาสติก เพื่อเป้าหมายช่วยลดการเกิดคาร์บอน และปริมาณขยะพลาสติกให้ลดน้อยลงจนกระทั่งเป็นศูนย์ได้ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการร่วมกันทำให้ไทยเป็น Net Zero ลดก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ให้สำเร็จ

     ชัยวัฒน์ กล่าวว่า “เอกา โกลบอล” ได้เริ่มต้นปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสีเขียวอย่างสมบูรณ์ 360 องศา โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้อย่างจริงจัง เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนนับตั้งแต่ปี 2563 ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายปรับพอร์ตการดำเนินธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อมใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ คือ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมดและสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล ในปี 2565-2566 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากมูลค่ายอดขายรวมของทั้งปี พร้อมตั้งเป้าปรับลดปริมาณขยะภายในโรงงานให้ได้มากที่สุด

     “บริษัทฯ เล็งเห็น และตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ปี 2563 และได้ประกาศใช้เป็นนโยบายของบริษัทฯ เพื่อเป้าหมายจะสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะพลาสติกในประเทศ พร้อมกับขยายฐานรายได้ในกลุ่มสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ตอบสนองต่อเทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลกที่หันมาให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี โดยในปี 2564 บริษัทฯ สามารถคิดค้นและผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ได้สำเร็จ ซึ่งในอนาคต บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มนี้มากขึ้น” ชัยวัฒน์ กล่าว

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS