มหาวิทยาลัยมหิดล และ บริษัท บี-52 แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อนำเอาองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยมหิดล ไปต่อยอด และพัฒนาในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้าง
โดยจะเริ่มจาก 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์-บริการทางการแพทย์และสุขภาพ ได้แก่ ยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามิน สมุนไพร อาหารทางการแพทย์ อุปกรณ์ทางแพทย์ และนวัตกรรมทางการแพทย์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะผลิตออกสู่ตลาดนั้นจะต้องได้มาตรฐาน ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ตามมาตรฐาน MST Standard สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์นั้นๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้บริโภค
โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ยารักษาโรค อาหารเสริม วิตามิน และสมุนไพร นั้นจะดำเนินการโดย บริษัท เอ็มเมด ฟาร์มา จำกัด ภายใต้แบรนด์ "เอ็มเมด" (M MED)
ศ.นพ. บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า "นอกจากความพยายามในการก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกแล้ว มหาวิทยาลัยเองยังมีความมุ่งมั่นในการนำเอาองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรม ที่มหาวิทยาลัยได้พัฒนาไปต่อยอด และทำประโยชน์ต่อสังคมทั้งในและต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน และเป็นรูปธรรม”
“ความร่วมมือกับเอกชนที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ มีพันธมิตรทางธุรกิจและการลงทุน มีเครือข่ายการกระจายสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ อย่างบริษัท บี-52 แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) นั้น นับเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ภารกิจเดินหน้า และประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย” ศ.นพ. บรรจง กล่าว
ศ.ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ บริษัท บี-52 แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความเห็น โดยกล่าวว่า "ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งในวิสัยทัศน์ และความตั้งใจของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่จะนำเอาองค์ความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณค่า ออกนอกรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อนำไปต่อยอดและก่อให้เกิดโยชน์ต่อสาธารณะอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรมในปัจจุบันนั้น นอกจากงานวิชาการ มาตรฐานในเรื่องการเรียนการสอน คุณภาพงานวิจัยและพัฒนาเพื่อก่อให้เกิดนวัตกรรมแล้ว ความสามารถของมหาวิทยาลัยในการนำเอาความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ได้จริง หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้จริงนั้น ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน”
“การเป็นพันธมิตรกับภาคธุรกิจ เพื่อทลายข้อจำกัดของมหาวิทยาลัยทั้งในด้านระดมเงินลงทุน การผลิตเชิงพาณิชย์ การวางแผนการตลาด การจัดการด้านโลจิสติกส์ และการบริหารจัดการธุรกิจ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อยอดองค์ความรู้และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยไปสู่เชิงพาณิชย์ หรือไปสู่การใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนในวงกว้าง" ศ.ดร. สุรเกียรติ์ กล่าว
ทวี โฆษิตจิรนันท์ รองประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ บริษัท บี-52 จำกัด (มหาชน) ด้านการพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า "บริษัท บี-52 แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในโอกาสที่จะได้ช่วยมหาวิทยาลัยมหิดล ในการนำองค์ความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยไปต่อยอดและพัฒนาธุรกิจในครั้งนี้ ด้วยทีมนักบริหารธุรกิจมืออาชีพ รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และเครือข่ายการกระจายสินค้าและบริการที่ บี-52 มีอยู่กว่า 160,000 ร้านค้าทั่วประเทศนั้น เรามีความมั่นใจว่าจะสามารถช่วยให้ภารกิจสำคัญนี้สำเร็จได้"
ส่วนพิรุฬห์ เศวตนันทน์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร บริษัทเอ็มเมด ฟาร์มา จำกัด กล่าวเสริมว่า "เราเชื่อว่ารากฐานที่ดีของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ต้องมีมาตรฐานที่ดี ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมหิดลมีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้อยู่แล้ว จุดแข็งของ แบรนด์ M MED อยู่ที่การนำเอาองค์ความรู้ นวัตกรรม งานวิจัย และบุคลากรที่เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมหิดลมาช่วยเราในการตรวจสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ที่มาของแหล่งวัตถุดิบ จนถึงการยืนยันผลการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆและการจัดเก็บ ภายใต้แนวคิด MST Standard ทำให้ผลิตภัณฑ์เอ็มเมด เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ทาง M MED มีความต้องการที่จะเป็นแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มสินค้าสุขภาพของไทย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยารักษาโรค อาหารทางการแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และนวัตกรรมทางการแพทย์”
โดยในงานได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกระชายพลัส ยี่ห้อ M MED ที่พร้อมจัดจำหน่ายแล้วในวันนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะทยอยนำออกสู่ตลาด และยังมีการแนะนำแพลตฟอร์ม หมอประจำบ้านอัจฉริยะ "Doctor At Home" ที่พัฒนาโดยบริษัท เอ็ม เมดิคอล อินโนเวชั่น จำกัด เป็นครั้งแรก โดยพัฒนาจากความพยายามกว่า 40 ปี ของ รศ. นพ. สุรเกียรติ อาชานานุภาพ ในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ในชนบท
วันนี้ แพลตฟอร์ม Doctor At Home สามารถทำให้คนไทยทุกคนเข้าถึงแพทย์ เภสัชกร ข้อมูลโรค ข้อมูลยา และข้อมูลสุขภาพได้ เหมือนมีหมอประจำตัวมาคอยดูแลเราอยู่ใกล้ๆ
นอกจากจะมีโปรแกรม "หมอประจำบ้านอัจฉริยะ" ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้ตรวจอาการเบื้องต้นได้ด้วยตัวเองเวลาเจ็บป่วยแล้ว Doctor At Home ยังมีบริการปรึกษาแพทย์และเภสัชกรออนไลน์ และบริการอื่นๆ โดยจะทยอยเปิดตัวในปีนี้ โดยจะมีการมีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Doctor At Home อย่างเป็นทางการอีกครั้งในเร็วๆ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup