กระทรวงพาณิชย์จัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง 30 ปี รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น หรือ PM’s Export Award เชิดชูเกียรติ 34 บริษัทที่พัฒนายกระดับธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีแผนการดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับบริบทโลกยุคใหม่ พร้อมเปิดเวทีรับฟังไอเดียบริหารองค์กรจาก 12 บริษัทเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับธุรกิจส่งออกรายอื่นๆ ได้ต่อไป
บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการเร่งผลักดันโดยสร้างความเชื่อมั่นภาคการส่งออก และยกระดับ SME และ Micro SME ด้วยเครื่องมือทางการตลาด สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้นำเข้าต่อสินค้าและบริการโดยผู้ส่งออกไทย โดยมอบหมายกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผ่านฑูตพาณิชย์เร่งรัดการส่งออกทั้งเชิงรุกและเชิงลึก เพื่อสร้างรายได้จากการส่งออกให้มากที่สุด เดินหน้าให้ได้ตัวเลขส่งออก 9 ล้านล้านบาท ผ่านการจัดคู่เจรจาธุรกิจ เร่งรัด Mini-FTA ส่งเสริมการค้าระบบออนไลน์ การนำซอฟพาวเวอร์ใส่ในสินค้าและบริการของไทย และรวมถึงการให้ความสำคัญด้าน BCG เพื่อสร้างภาพลักษณ์การค้าและการผลิตที่ยั่นยืน
อีกทั้งกล่าวในการเปิดกิจกรรมเฉลิมฉลองรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น (PM’s Export Award) เนื่องในวาระครบรอบ 30 ปี ว่า รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ถือเป็นรางวัลเกียรติยศของกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการมา ตั้งแต่ปี 2535 เพื่อ ส่งเสริมและให้ความสำคัญแก่ผู้ส่งออกสินค้าและบริการที่มีผลงานดีเด่น มีการริเริ่มและพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศ ภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง และมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกโดยรางวัลในปีแรก คือ “Distinctive Development & Marketing of Thai Owned Brand Exports” และในปีต่อมาได้เพิ่มสาขารางวัล “Distinctive Development & Marketing of Thai Owned Design Exports” และรางวัล “Outstanding Performance as the Best Exporter” ตามลำดับ
และจากการพัฒนารางวัลอย่างต่อเนื่อง รางวัล PM’s Export Award รางวัลนี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรให้แก่ผู้ส่งออกไทยและเสริมสร้างภาพลักษณ์สินค้าและบริการส่งออกของไทยในต่างประเทศ ก่อให้เกิดการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสามารถขยายมูลค่าการค้าระหว่างประเทศได้อย่างยั่งยืน โดยตลอด 30 ปีมานี้ กระทรวงพาณิชย์มองเห็นการขยายตัวมากขึ้นของธุรกิจส่งออกของผู้ที่ได้รับรางวัล ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ภายใต้โลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่อย่างต่อเนื่อง และระบบเศรษฐกิจกระแสใหม่ (New Economy) ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงความยั่งยืนทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อต้องการยกระดับการพัฒนาประเทศจากการเป็นประเทศ “รับจ้างผลิตสินค้า” เป็นประเทศที่มีความสามารถใน “การพัฒนานวัตกรรม” โดยใช้จุดแข็งของประเทศ เช่น ต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรม ต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างขีดความสามารถของระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องปรับตัว
โดยหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการในโลกยุคใหม่ให้ประสบความสำเร็จ เริ่มต้นจากการใช้กรอบความคิด หรือ Mindset ที่เหมาะสม ได้แก่ Entrepreneurial Mindset กรอบความคิดในเรื่องของการลงมือปฏิบัติ เรียนรู้และศึกษาในปัญหาให้ถ่องแท้ Agile Mindset กรอบความคิดของการบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ให้ทันสมัยและสามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ใช้ทักษะการทำงานเป็นทีมเข้ามาร่วมด้วย Digital Mindset กรอบความคิดดิจิทัล ก้าวทันโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา Innovation Mindset กรอบความคิดเชิงนวัตกรรม ปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่แต่เดิมให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในด้านที่ดีมากยิ่งขึ้น เห็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้สามารถเกิดขึ้นได้ จากการนำจินตนาการของตนเองมาทำการศึกษา เรียนรู้จนเข้าใจและลงมือทำ
“ผู้ประกอบการที่ได้รับการเชิดชูเกียรติในวาระครบรอบ 30 ปี ของรางวัล PM’s Export Award ครั้งนี้ เป็นต้นแบบของผู้มีกรอบความคิดที่ก้าวหน้า เป็นแบบอย่างให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นในฐานะเป็นผู้พัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ง พร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง กระทรวงพาณิชย์หวังว่าความมุ่งมั่นและเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจไทยผ่านรางวัลดังกล่าว จะเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจให้ทุกท่านรักษาคุณภาพ รวมทั้งเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการสอดคล้องกับแนวโน้มตลาดโลก อันจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืนสืบไป”
ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่นเป็นรางวัลสูงสุดของรัฐบาลที่มอบให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกของไทย เป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจระดับประเทศ เพื่อประกาศเกียรติคุณให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางในตลาดโลก ถึงความสำเร็จและความทุ่มเทของผู้ประกอบการไทย โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 30 ปี (พ.ศ.2535 - 2564) มีผู้ได้รับรางวัลแล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น 787 รางวัล 257 บริษัท ซึ่งล้วนเป็นตัวแทนความภาคภูมิใจของคนไทยในการผลิตสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับในตลาดสากล
และเพื่อก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 ของรางวัล PM’s Export Award กรมเห็นควรยกระดับรางวัลและปรับแนวทางการมอบรางวัลให้รองรับการการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทั้งยังสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 13 วาระแห่งชาติ BCG Economy Model และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนองค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยพัฒนาหลักเกณฑ์และยกระดับรางวัลให้ทันสมัย สำหรับรางวัล ในปี 2566 ทั้ง 7 สาขา จะให้ความสำคัญของนวัตกรรมและความยั่งยืนในหลักเกณฑ์ของทุกสาขารางวัล อีกทั้งได้เพิ่มรางวัลด้าน BCG และเพิ่มสาขาย่อยของรางวัลสินค้าไทยที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) กลุ่มผลงานกราฟิกดีไซน์ ได้แก่ ประเภท Illustration /Character/ Digital Art เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัล และสำหรับรางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยม (Best OTOP) อาจขยายให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ไปยังกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจส่งออกรายย่อยยอดเยี่ยมด้วย (Best OTOP Plus Micro SME)
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปี ของรางวัล กรมได้จัดกิจกรรมขึ้น ภายใต้แนวคิด Proud Past – Inspired Future หรือ ธุรกิจไทยที่มีความมุ่งมั่นพัฒนา ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการส่งแบบสอบถามและสำรวจความก้าวหน้าของผู้ได้รับรางวัลทั้ง 257 บริษัท ปัจจุบันมีผู้ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ 232 บริษัท และมีจำนวน 67 บริษัทที่ได้แสดงความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคณะกรรมการจากภาครัฐ ภาคเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องได้ทำการคัดเลือก 34 บริษัท ที่มีการพัฒนายกระดับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับบริบทโลกยุคใหม่ อาทิ การพัฒนาด้านการออกแบบ ด้านนวัตกรรม ด้านการสร้างแบรนด์ การพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจ BCG (เศรฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาสู่ความยั่งยืนของสหประชาชาติ เพื่อมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ Best of the Best จากหลากหลายอุตสาหกรรมและขนาดธุรกิจ แบ่งเป็น ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก (S) 8 บริษัท ขนาดกลาง (M) 8 บริษัท และขนาดใหญ่ (L) 18 บริษัท ซึ่งจากอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ไลฟ์สไตล์ สิ่งทอและแฟชั่น อัญมณีและเครื่องประดับ รวมทั้งภาคธุรกิจบริการ
ร่วมด้วยการจัดกิจรรมปาฐกถาหัวข้อ “เส้นทางธุรกิจสู่ความยั่งยืน” (A Business Path Towards Sustainability)” จากผู้บริหาร 12 บริษัท อาทิ “PlanToys” ผู้ส่งออกของเล่นที่ได้รับรางวัลเมื่อปี 2536 “Sonite” แบรนด์สินค้าโมเสคตกแต่งผนัง ของตกแต่งบ้านจากวัสดุ upcycle และ“Qualy” แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและได้รับรางวัลต่อเนื่อง 4 ปี ใน 4 สาขารางวัล และ “ชาวเกาะ” “มาม่า” ผู้ส่งออกแบรนด์ไทยที่มีจำหน่ายไปทั่วโลก ซึ่งทั้ง 12 บริษัทนี้ ได้รับการคัดเลือกให้เป็น The Inspirers ตัวแทนผู้ได้รับการเชิดชูเกียรติซึ่งเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ พร้อมทั้งจัดนิทรรศการแสดงผลสำเร็จและผลงานของผู้ที่ได้รับการเชิดชูเกียรติเพื่อส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ในด้านการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ รวมทั้งแนวทางการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนด้วย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี