อนรรฆ โกษะโยธิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ริเริ่มแนวคิดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวโพดหวานพร้อมทาน และสินค้าแพลนท์เบส แบรนด์ วี ฟาร์ม เปิดเผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคนไทยให้ความสนใจบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มโปรตีนจากพืช และเทรนด์ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ และยังทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ถูกรังสรรค์และพัฒนาเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามแม้ผู้บริโภคหลายรายจะมีความตั้งใจในการเปลี่ยนพฤติกรรมมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ก็ยังพบอุปสรรคที่สำคัญที่มุ่งเน้นตัวเลือกที่หลากหลายในการกิน รวมถึงความเร่งรีบในการใช้ชีวิตประจำวัน บริบทแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อบางมื้อ - ความสร้างสรรค์ของประเภทอาหาร ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงและทำให้การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมีความไม่สม่ำเสมอ
“เพื่อให้การบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชเป็นเรื่องที่ง่ายและสนุกยิ่งขึ้นแบรนด์ วี ฟาร์มจึงได้มีการจัดกิจกรรมกระตุ้นผู้บริโภคทุกกลุ่มให้หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงที่ง่ายที่สุดอย่างการเลือกรับประทาน ที่มีประโยชน์ และรับประทานผลิตภัณฑ์จากพืชให้มากขึ้นในแต่ละมื้อ ผ่านแคมเปญ “Plant-Based is calling ก้าวแรกของสุขภาพดี เริ่มด้วย วี ฟาร์ม” ตั้งแต่วันนี้ – 15 พ.ย. 2565 นี้ โดยแคมเปญนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงข้อดีจากการรับประทานอาหารที่รังสรรค์จากพืชผัก ประโยชน์ที่จะได้ทางตรงและทางอ้อมต่อสุขภาพและโลกจากการลดบริโภคเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังเป็นการต้อนรับเทศกาลกินเจ และเทศกาลเฉลิมฉลองวันมังสวิรัติโลก หรือ World Vegan Day ซึ่งตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายนของทุกปี”
ทั้งนี้ เป้าหมายของแคมเปญ Plant-based is calling จะเชิญชวนให้กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นตัวแทนของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มคนทั่วไป ช่วยกันเชิญชวนให้คนใกล้ชิด หรือคนที่รู้จักหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพในรูปแบบที่หลากหลาย โดยทางแบรนด์จะมีการผลิตคอนเทนท์การแนะนำวิธีดูแลสุขภาพ ฮาวทูการเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์ โดยเน้นช่องทางออนไลน์เป็นหลักเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังจะมีการแนะนำสินค้าใหม่ของวี ฟาร์ม ให้เหมาะกับ แต่ละไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าข้าวโพดหวานพร้อมรับประทาน วี ฟาร์ม ในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่มีอยู่กว่า 10,000 สาขา ซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมสำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดดเด่นด้วยรสชาติที่หวาน รับประทานง่าย เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโพด วี ฟาร์ม ที่ในปีนี้ได้มีโอกาสในการปรับสูตรสินค้าให้มีความอร่อย เข้มข้น ดื่มแล้วได้บรรยากาศเหมือนกินข้าวโพดสด ๆ จากไร่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสะดวกและชีวิตที่เร่งรีบ
โดยทางแบรนด์ยังมีการตอบรับกระแสการบริโภคพืชผักผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีความสร้างสรรค์ ใส่ใจการผลิต ออกแบบให้สินค้ามีการแปรรูปน้อย ภายใต้ concept “Whole Foods” และเอาใจกลุ่ม Urban Healthy Lifestyle ที่นิยมมองหาผลิตภัณฑ์ Plant-based พร้อมทาน ที่ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่อย่าง V Farm Whole Veggie Bites (ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานจากพืช ในรูปแบบใหม่) ที่ให้ผู้บริโภคได้สนุกกับการกินอาหารจากพืช ในรูปแบบของผักที่หลากหลาย V Farm Mushroom Nuggets นักเก็ตที่ทำจากเห็ดแชมปิยองออแกนิค ปรุงง่ายด้วยการทอดน้ำมันหรือหม้ออบลมร้อน V Farm Buffalo Cauliflower Wings ดอกกะหล่ำคลุกด้วยซอสบัฟฟาโลสูตรพิเศษสไตล์อเมริกัน รสชาติใหม่ของคนที่ชื่นชอบการรับประทานผักและรับประทานผักได้ยาก และ V Farm Spinach, Chia and Sweet Potato Bites อาหารทานเล่นที่ทำจากผักโขม เมล็ดเจีย สอดไส้ด้วยมันหวานบด เหมาะสำหรับคนที่กินผักยาก เช่น เด็กเล็ก หรือพ่อแม่ที่มองหาสินค้าให้ลูกได้กินผักได้ง่ายขึ้น ช่วยสร้างความเคยชินรสชาติของผัก และไม่ต้องรู้สึกว่าต้องฝืนใจการรับประทาน
“ผลิตภัณฑ์อาหารแพลนท์เบสในเมืองไทย นอกจากผลิตภัณฑ์เนื้อต่าง ๆ ที่ทำจากพืชแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์แพลนท์เบสจากพืชในรูปแบบใหม่ – อาหารพร้อมทานที่อยู่ในช่องทางออนไลน์ และซูเปอร์สโตร์ ตลอดจนการนำพืชชนิดใหม่ ๆ มาดัดแปลงเป็นอาหารที่มีรสชาติที่หลากหมายมากขึ้น โดยความนิยมที่เพิ่มขึ้นนี้จึงทำให้เกิดกระแส “แพลนต์เบส ครีเอชัน” ซึ่งเป็นการนำความคิดสร้างสรรค์มาช่วยตอบโจทย์ผู้ที่บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น การนำรสชาติของอาหารไทย เอเชีย หรือยุโรปมาปรุงแต่งวัตถุดิบจากพืชให้เป็นเมนูใหม่ การผลิตอาหารทานเล่น / ขนม ที่ทำจากพืชผัก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประเด็นที่ทางวี ฟู้ดส์ให้ความสำคัญและจะนำไปใช้ตอบโจทย์กับกลุ่มผู้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพเดิม และเปลี่ยนพฤติกรรมให้กลุ่มที่ยังไม่เคยทดลองทานอาหารเพื่อสุขภาพให้หันเข้าสู่เทรนด์นี้มากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้วี ฟู้ดส์ก้าวสู่การเป็นบริษัท Plant-based Food อย่างเต็มรูปแบบ”
อนรรฆ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับช่วงเทศกาลกินเจ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 30-40% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ ซึ่งเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะได้รับความนิยมทั้งฐานผู้บริโภคเดิมที่เป็นผู้รับประทานอาหารพร้อมทานจากพืช รวมถึงกลุ่มที่รับประทานเจในช่วงเทศกาลกินเจ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ข้าวโพดฝัก ข้าวโพดตัดสามท่อน น้ำนมข้าวโพด รวมถึงผลิตภัณฑ์ชุดรวมนึ่ง ส่วนกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานที่วางจำหน่ายในซูเปอร์สโตร์คาดว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ในปี 2565 วี ฟาร์ม ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่จะมีการเติบโตประมาณ 30% แบ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ข้าวโพดฝัก ข้าวโพดตัด 3 ท่อน และข้าวโพดถ้วย ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบส
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี