PHOTO: สุนันท์ ล้อสมทรัพย์
ในยุคที่เทคโนโลยี AI ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) จะปรับตัวอย่างไรให้ทัน? ร่วมไขข้อข้องใจไปกับ ณัฐพล จิตงามพงศ์ Chief Technology Officer, YDM (Thailand) Co., Ltd. กูรูผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการนำ AI มาใช้แบบ Full Funnel ที่จะมาแนะวิธีการใช้ AI ฉบับย่อสำหรับเจ้าของธุรกิจ SME โดยเฉพาะ
ทำไมธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับ AI
ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ต่างเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการ SME จำนวนมากต้องแบกรับภาระงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การผลิต การตลาด ไปจนถึงการบริหารจัดการด้วยตัวเอง ดังนั้น การนำ AI มาประยุกต์ใช้จึงเป็นเสมือนการมีผู้ช่วยอัจฉริยะคอยสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
AI สามารถช่วยให้ SME ปลดล็อกศักยภาพในการทำธุรกิจได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อทำการตลาดที่ตรงกลุ่มมากขึ้น การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ หรือการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น การใช้ Generative AI เพื่อทำการพยากรณ์ยอดขาย (sale forecasting) โดยอาศัยข้อมูลพื้นฐาน เช่น ประเภทสินค้า จำนวนที่ขาย และพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทำให้ SME สามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการลงทุน
นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยให้ SME ลดต้นทุนในการดำเนินงานได้อีกด้วย เช่น การใช้ AI มาช่วยในกระบวนการทำงานซ้ำๆ หรือการใช้ระบบ chatbot เพื่อตอบคำถามลูกค้าและแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ทำให้ SME สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ในเวลาเดียวกัน
“AI เป็นการช่วยปลดล็อกกาทำการรตลาดให้ SME ไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
AI กิน data เป็นอาหาร ยิ่งป้อนข้อมูลเยอะ AI ยิ่งเก่ง
สำหรับหลักการทำงานของ AI นั้น ณัฐพล บอกว่าสามารถแบ่งออกเป็นสองขั้นตอนหลัก ได้แก่ ขั้นตอนการป้อนข้อมูลและขั้นตอนการประมวลผลข้อมูล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องใส่ใจในคุณภาพของข้อมูลที่นำมาป้อน โดยข้อมูลเหล่านั้นต้องมีความถูกต้อง ครบถ้วน และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
“การป้อนข้อมูลให้กับ AI เปรียบเสมือนการสอนให้เด็กคนหนึ่งเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หากเราต้องการให้ AI สามารถแก้ปัญหาหรือตอบคำถามได้อย่างถูกต้อง เราจำเป็นต้องกำหนดโจทย์หรือคำถามที่ชัดเจนและให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอแก่ AI เพื่อนำไปวิเคราะห์และหาคำตอบ”
“ดังนั้น คุณภาพของข้อมูลจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของ AI โดยตรง หากเราสามารถจัดเตรียมข้อมูลที่ดีได้ AI ก็จะสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็ว และนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
AI ไม่ได้มาแทนคน แต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงาน
ถึงแม้ AI จะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายทำให้หลายคนบอกว่า AI จะมาแทนคน แต่สำหรับ ณัฐพล เขามองว่า AI ไม่ได้มาแทนคน แต่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการยกระดับศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับ SME โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในประโยชน์หลักของ AI คือ การช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซากจำเจ ทำให้พนักงานมีเวลาทุ่มเทไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะตัวมากขึ้น นอกจากนี้ AI ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน ลดความผิดพลาด และช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว AI ยังช่วยให้ธุรกิจ SME เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เช่น ข้อมูลการซื้อสินค้า ประวัติการเข้าชมเว็บไซต์ และข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าในระยะยาว
ประโยชน์ที่ธุรกิจ SME จะได้รับจากการนำ AI มาใช้
เพิ่มความเร็ว (Speed): กระบวนการทำงานต่างๆ ที่เคยใช้เวลานาน จะมีความรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น
ขยายขอบเขต (Scope): สามารถทำงานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การทำนายผลลัพธ์ในอนาคต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ขยายธุรกิจ (Scale): ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตลาดดิจิทัล ที่ AI สามารถช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“การใช้ AI ทำให้ได้ข้อมูลที่หลากหลาย สิ่งที่ตามมาคือ ไม่ใช่แค่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน แต่ยังสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้ อาจกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่ต่างไปจากเดิมเลยก็ได้ไม่ต้องแข่งใน red ocean”
ตัวอย่างการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ SME
การตลาด: ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
บริการลูกค้า: ใช้ chatbot เพื่อตอบคำถามลูกค้าและแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
การผลิต: ใช้ AI ในการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ และการทำนายการบำรุงรักษาเครื่องจักร
2 keys word ใช้ AI ให้เวิร์ก
ปัจจุบันการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จักเลือกใช้ AI ที่เหมาะสมกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของธุรกิจ ณัฐพล ให้คำแนะนำว่า การมองหาจุดแข็งและจุดอ่อนของ AI แต่ละตัว และนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
"อย่างแรกคือ ต้องรู้ก่อนว่าจะใช้ AI เพื่ออะไร และใช้ AI อย่างไรเพื่อให้ธุรกิจเติบโตขึ้น
ด้านมืดของ AI ที่ต้องระวัง
อย่างไรก็ตามเหรียญมักมีสองด้านเสมอ ณัฐพล บอกว่า จุดแข็งของ Generative AI คือ เป็นนักเดาคำ ที่เรียนรู้จาก Data ที่ได้รับหรือจากอินเตอร์เน็ต ดังนั้นสิ่งที่ต้องควรระวังคือ
1. ความปลอดภัยของข้อมูล: หนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการใช้งาน AI คือ ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญ การป้อนข้อมูลที่เป็นความลับเข้าสู่ระบบ AI อาจนำไปสู่การถูกบุคคลภายนอกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้
2. ความถูกต้องของข้อมูล: AI ทำงานบนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้รับการป้อนเข้าไป หากข้อมูลเหล่านั้นมีความไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ผลลัพธ์ที่ได้จาก AI ก็ย่อมมีความคลาดเคลื่อนเช่นกัน ดังนั้น ผู้ใช้งานควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้จาก AI ก่อนนำไปใช้ในการตัดสินใจที่สำคัญ
3. ต้นทุนในการใช้งาน: แม้ว่าปัจจุบันจะมีเครื่องมือ AI ให้ใช้งานฟรีจำนวนมาก แต่ในอนาคตเมื่อเทคโนโลยี AI พัฒนาไปมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน AI อาจสูงขึ้น และอาจกลายเป็นภาระทางการเงินสำหรับผู้ใช้งานบางกลุ่ม
4. การพึ่งพา AI มากเกินไป: การพึ่งพา AI ในการทำงานทุกอย่างอาจทำให้ขาดทักษะและความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง นอกจากนี้ การควบคุม AI ที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ไม่คาดคิดได้
และวันนี้เทคโนโลยีกับการทำธุรกิจจึงเป็นของคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ใครเปิดใจใช้ได้ก่อนก็ย่อมได้เปรียบทางการแข่งขัน
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี