TEXT : Neung Cch.
สำหรับขาช้อปออนไลน์ทั้งหลายช่วงนี้คงจะคุ้นหูกับชื่อของ TEMU แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีน มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง ได้เข้ามาให้บริการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถ้ามองเผินๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ แต่ด้วยจุดเด่นของ TEMU ที่เน้นขายสินค้าราคาถูกชนิดที่ว่าน่าตกใจ เช่น นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ราคา 8.99 ดอลลาร์ หรือประมาณ 318 บาท
จุดเด่นด้านราคานี่เองทำให้ TEMU กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ร้อนแรงของยุคนี้ก็ว่าได้ เพราะหลังจากเปิดตัวเมื่อปี 2022 ในบอสตัน แมสซาชูเซตส์ ก็มีผู้ใช้งานเป็นชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นกว่า 100 ล้านราย แซงหน้าคู่แข่งอย่าง Shein มีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ อยู่ที่ 13.7 ล้านคน
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและด้วยสินค้าที่มีราคาถูกของ TEMU ส่งผลให้ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซเจ้าถิ่นในสหรัฐอเมริกา อย่าง Amazon, eBay และ Etsy ขวัญผวาโดนแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปไม่น้อย
จากข้อมูลของ MobiLoud พบว่า ยอดขายสินค้าของ Temu ในเดือนกันยายน 2022 อยู่ที่ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และถัดมาอีก 4 เดือน ยอดขายของ Temu เพิ่มขึ้นมาเป็น 192 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงมกราคม 2023
ปัจจุบัน TEMU ได้ขยายตลาดไปแล้วกว่า 49 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เมื่อแพลตฟอร์มนี้เข้ามาเยือนไทย ทำให้หลายฝ่ายต่างวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีไม่ใช่น้อย วันนี้เราจะมาวิเคราะห์สถานการณ์และหาทางออกร่วมกันไปพร้อมกับ ภัทร เถื่อนศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซลสุกิ จํากัด และกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (THECA)
TEMU คืออะไร ทำไมถึงสร้างความตึงเครียดให้กับหลายประเทศ?
จากสโลแกน “Shop Like a Billionaire” ของ TEMU แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ พอจะบอกได้ว่าจุดเด่นของ TEMU คือสินค้าราคาถูก โดยเจ้าของคือ บริษัท PDD Holdings Inc. เจ้าของเดียวกันกับแพลตฟอร์มชื่อดังในจีน อย่าง Pinduoduo ยิ่งทำให้แพลตฟอร์มรายนี้มีความชำนาญในเรื่องอีคอมเมิร์ช การทำตลาด การทำโปรโมชั่นเพื่อดึงให้ลูกค้ามาใช้บริการไม่ใช่น้อย
“ผมเรียก TEMU ว่าเป็นแพลตฟอร์ม Group Buying แต่สามารถซื้อปลีกแล้วก็ได้ราคาถูกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ความพิเศษของ TEMU คือ เขาจะมีข้อมูลว่าตอนนี้สินค้าประเภทไหนที่มีดีมานต์ในตลาด แล้วก็จะให้โรงงานในจีนมาแข่งประมูลกัน โรงงานไหนให้ราคาถูกก็ได้ออร์เดอร์ไปผลิต ตัดปัญหาเรื่องโรงงานทำแบรนด์ไม่เก่ง ทำ Marketing ไม่เป็น พูดง่ายๆ คือเขาพยายามหาผู้ผลิตเป็นต้นน้ำที่สุด เพื่อผลิตสินค้าได้ถูกที่สุด พร้อมกับตัดปัจจัยอื่นๆ ออกไป นี่คือ TEMU แพลตฟอร์มที่ทำให้ของถูกที่สุด ซึ่งปกติโรงงานในจีนทำของได้ถูกอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอของใน TEMU ยิ่งทำให้ราคาสินค้าถูกมากขึ้นไปอีก”
TEMU ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง
“ถ้ามองในภาพรวม Wave ที่ 1 คนที่ทำสินค้าชนกับ TEMU จะลำบาก หรือคนที่ไม่มีแบรนด์จะเจ็บหนัก โดยเฉพาะสินค้าประเภทจุกจิก เสื้อผ้า ของแต่งบ้าน เป็นต้น ส่วน Wave ที่ 2 เป็นภาพใหญ่ เมื่อมีคนไทยมาซื้อของที่นี่จำนวนมาก เหมือนเราถูกสูบเงินออกนอกประเทศ ไม่มีเงินหมุนเวียนในประเทศ ไม่มีการผลิตสินค้า ไม่เกิดการจ้างงาน คนไม่มีกำลังจับจ่ายใช้สอย ประเทศโตลำบาก”
“นอกจากนี้ TEMU ไม่ได้ต้องการแบรนด์ไทยเข้าไปขายสินค้าใน TEMU เค้าแค่ต้องการระบายของจากจีน โจทย์เค้าคือทำตลาดให้คนรู้จัก ให้คนมาซื้อของ เพราะเศรษฐกิจจีนมีปัญหามาตั้งแต่ every green ล้มละลาย ถ้าภาครัฐของไทยยังไม่รีบจัดการหรือไม่ทำอะไรเลย เชื่อว่า TEMU ก็จะน่ากลัวอารมณ์คล้ายๆ ปลาหมอคางดำที่สามารถโตได้ไวทำลายระบบนิเวศ”
“อยากมีเหมือนปลากะพงขาวมาช่วยคนไทย เท่าที่ทราบตอนนี้สมาคม THECA ก็เริ่มทำจดหมายเปิดผนึกไปถึงภาครัฐ มีมาตรการควบคุมบ้าง เช่น ภาษีนำเข้า การำจำกัดสินค้าบางประเภทไม่ให้กระทบ SME หรือทำยังไงให้เงินอยู่ในประเทศ หรือทำเหมือนอินโดนีเซียแบนไปเลยไหม”
การมาของ TEMU เป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ต้องปรับตัวกันอีกครั้ง
ที่มา: https://shorturl.asia/PW0y1
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี