TEXT : กองบรรณาธิการ
Main Idea
- เกาหลีคือ 1 ใน 3 ของประเทศที่คนไทยชอบเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก
- ทันทีที่มีประเด็นดราม่า #แบนเที่ยวเกาหลี จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจทัวร์แค่ไหน
- เมื่อมีหลายกระแสที่บอกว่าการตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีเหมือนเล่นเกมวัดดวง
ทั้งศิลปิน K-Pop, อาหาร แฟชั่นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ฯลฯ เหล่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้คนไทยเตรียมเคลียร์วันว่างเพื่อหาเวลาว่างไปทัวร์ที่ประเทศเกาหลีสักครั้งหนึ่งในชีวิต จนทำให้เกาหลีใต้ ติด TOP 3 ของประเทศที่คนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุดจากข้อมูลของ Visa Global Travel Intentions Study 2023
โดยเฉพาะช่วงก่อนโควิดที่เป็นช่วงไฮซีซั่นจะมีคนไทยไปเที่ยวเกาหลีมากขนาดร้านค้าหนึ่งจะมีรถบัสของนักท่องเที่ยวไทยไปจอดถึง 40-50 รถบัสต่อวันต่อหนึ่งร้านค้า แต่มาวันนี้กลับมี #แบนเที่ยวเกาหลี สถานการณ์ธุรกิจทัวร์จะโดนกระทบแค่ไหนไปฟังตำตอบจาก Sonkyojin (ซน คโย จิน) เจ้าของบริษัททัวร์ในเกาหลี KWINKOREA
Sonkyojin (ซน คโย จิน) เจ้าของบริษัททัวร์ในเกาหลี KWINKOREA
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของเกาหลีเข้มงวดกับคนไทยเป็นพิเศษหรือไม่?
จริงๆ แล้วแฟนผมที่เป็นคนไทยก็เคยบินไปเที่ยวเกาหลีบ่อยมากตั้งแต่เป็นวัยรุ่นจนมาเปิดบริษัททำทัวร์ด้วยกันที่เกาหลี เขาบอกว่า ตม. เกาหลีก็เข้มงวดมานานแล้วจำได้ก็ตั้งแต่ตั้งแต่ปี 2006 เพียงแต่ว่าช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีโซเชียล คนที่ไม่ผ่านตม. ก็กลับไปไม่ได้ลงโพสต์ในโซเชียล ในขณะที่สมัยนี้ที่ทุกคนมีพื้นที่ของตัวเองสามารถลงเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบมาผ่านทางสื่อโซเชียล เมื่อมีหลายๆ คนโพสต์ในเรื่องเดียวกันก็ทำให้เกิดเป็นกระแสขึ้นมาได้
ยิ่งช่วงหลังที่ทางเกาหลีมีนโยบายเรื่องการลงทะเบียน K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization จัดทำขึ้นมาเพื่อคัดกรองผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศมายังเกาหลีใต้ผ่านทางออนไลน์ โดยไม่ต้องขอวีซ่า เพื่อแก้ปัญหาการโดนปฏิเสธของนักท่องเที่ยวที่ช่วงหลังมีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากปัญหาข้อมูลด้านวัคซีน และข้อจำกัดด้านปริมาณการเปิดรับคนเข้าประเทศ รวมถึงการลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายที่เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ ก็อาจทำให้มีการคัดกรองคนเข้าเมืองเป็นพิเศษมากขึ้น
จากกระแสดราม่า #แบนเที่ยวเกาหลี ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทัวร์คุณกวินอย่างไรบ้าง?
อาจจะมีผลกระทบอยู่บ้างครับ ตัวอย่างเช่น คนที่จองทัวร์มาเที่ยวเป็นกรุ๊ปครอบครัวใหญ่ กรุ๊ป Outting บริษัท อยากมาเที่ยวเกาหลีด้วยกันหลายๆ คน แต่ถ้ามีบางคนลงทะเบียนผ่าน บางคนลงทะเบียนไม่ผ่าน ส่งผลกระทบกับการจองทัวร์โดยตรงเลยครับ แต่ยังดีว่าบริษัททัวร์ของกวิน เป็นทัวร์แบบส่วนตัว เดินทางตั้งแต่ 1 ท่านขึ้นไปก็รับพาเที่ยวครับ ผลกระทบเลยอาจจะน้อยกว่าบริษัททัวร์อื่นๆ ที่ต้องการจำนวนคนเยอะๆ ครับ
ถ้ามองในภาพรวมก็อาจทำให้คนที่ตั้งใจอยากจะมาเที่ยวมีความกังวล ลังเลเกิดขึ้น ในการวางแผนมาเที่ยวอาจทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่าจะไปเที่ยวไหนดี เช่น ระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น พอมีกระเเสดราม่าๆ เยอะๆ ทำให้คนที่ยังไม่เคยมาประเทศเกาหลีมีความเป็นกังวลกลัว ตม. ถึงขนาดเคยมีคำพูดเปรียบเปรยว่า “มาเที่ยวเกาหลีทำการบ้านหนักกว่าตอนสอบอีก ก็เคยได้ยินมาครับ”
ธุรกิจทัวร์เกาหลีซบเซาหรือไม่?
เทียบกับ 6 ปีก่อนพอมีโปรโมชั่นทัวร์ไฟไหม้ 7,000 บาทคนไทยก็บินกันได้เลย ยกตัวอย่างช่วงไฮซีซั่น เช่น สงกรานต์บางทีมีทัวร์รถบัสของคนไทย 40-60 คันต่อวันไปจอดต่อหนึ่งร้านค้า ซึ่งรถบัสคันหนึ่งก็ 20-40 คน แสดงว่าปริมาณคนเยอะมาก ถ้าเทียบกับตอนนี้ช่วงตุลาคมที่ผ่านมาที่เป็นไฮซีซั่นเหมือนกันมีรถบัสมาประมาณ 4 คัน ซึ่งมันแตกต่างกันเลย
อย่างที่ได้บอกตั้งแต่แรกว่าผลกระทบส่วนหนึ่งอาจจะเพราะตั้งแต่ด่านแรกต้องลงทะเบียน K-ETA พอไปเจอด่านที่ 2 ตม. อีก ก็เลยเป็นกระแสยิ่งขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่งก็มีหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้เกาหลีต้องเข้มงวดขึ้น
ผู้ประกอบการที่ทำทัวร์เกาหลีควรปรับตัวอย่างไร
กระแสการแบนเที่ยวเกาหลี ในมุมมองผมคิดว่าเป็นกระแสช่วงเวลาหนึ่งครับ เพราะสำหรับคนที่ชอบอยากมาเที่ยว คนที่เคยมาแล้วประทับใจ ถึงมีกระเเสการแบนเกิดขึ้น เชื่อว่าก็ยังอยากมากันอยู่ครับ แต่ไม่ใช่ว่าทางบริษัททัวร์ของเราจะนิ่งนอนใจกับกระเเสที่เกิดขึ้นนะครับ เราก็มีการปรับตัวเรื่องการให้คำแนะนำในการเดินทาง/การจองทัวร์มาเที่ยวประเทศเกาหลีกับลูกค้าแบบละเอียด โปรโมทการเที่ยว 4 ฤดูของเกาหลี การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ รวมไปถึงที่บริษัทของเราทำหลักๆ เลยก็คือ ‘Korea private tour’ รับจัดกรุ๊ปส่วนตัวเที่ยวเกาหลี ทำให้เราได้คุยกับลูกค้าโดยตรงได้สื่อสารให้ลูกค้ารู้ว่าการมาเที่ยวเกาหลีนั้นมันยังโอเคอยู่ ไม่ได้น่ากังวลแบบกระแสที่เกิดขึ้นครับ
ไม่ว่ากระแสจะอยู่นานแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดของผู้ประกอบก็คือการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ต่างๆ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี