TEXT: ภัทร เถื่อนศิริ
Main Idea
- ยุคนี้ถ้าไม่ไลฟ์ขายของก็อาจไร้ลูกค้า
- เจาะลึกเทคนิคลับ LIVE Commerce ให้ขายดี กระตุ้นให้คนซื้อแบบทันที
- รู้จักช่วงเวลาในการ Live ที่เหมาะสมและช่วงเวลาที่ร้านค้านิยม Live
อาจจะไม่ใช่ทุกคน/บริษัทที่สนใจทำ ไลฟ์คอมเมิร์ซ (Live commerce) ซึ่งก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของทุกธุรกิจ แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามอัตราการขยายตัวแบบก้าวกระโดดของตลาดไลฟ์คอมเมิร์ซ (Live commerce) ซึ่งกลายเป็นหัวข้อสำคัญที่สร้างแรงกระเพื่อมให้ธุรกิจและแบรนด์ หันมาวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยนอกเหนือจากความบันเทิงที่ได้รับจากการไลฟ์ขายสินค้าของอินฟลูเอนเซอร์คนโปรดแล้ว ธุรกิจไลฟ์คอมเมิร์ซยังมีคุณลักษณะพิเศษ ซึ่งผนวกเอาประสบการณ์เสมือนจริงในร้านค้า ที่สร้างความใกล้ชิดระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ จนสามารถกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อแบบฉับพลัน (Impulse purchase) อันถือเป็นการพลิกโฉมประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ กลายเป็นความปกติใหม่ ที่คาดการณ์ว่าจะมาสร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
ทำความรู้จัก ‘ไลฟ์คอมเมิร์ซ’
Live Commerce หรือการไลฟ์ขายของออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการทำ Social Commerce ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีลักษณะเป็นการผสมผสานระหว่างการเผยแพร่วิดีโอแบบเรียลไทม์เข้ากับ E-Commerce หรือการซื้อขายออนไลน์ การตลาดแบบใหม่ เทรนด์การขายที่น่าสนใจมีความท้าทายและต้องอาศัยทักษะเฉพาะตัว ไม่จำกัดว่าสินค้าจะเป็นชนิดไหน ขายที่ไหน เวลาไหน ผู้ขายผู้ซื้อสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนและนำเสนอสินค้ากันได้ทันทีเป็นการปรับการขายของออนไลน์ให้เข้ากับพฤติกรรมธรรมชาติของลูกค้านั่นเอง
โดยประเทศจีน คือ ประเทศที่นำเทรนการซื้อขายออนไลน์ผ่านการไลฟ์สด ซึ่งในประเทศไทยของเราก็มีตัวอย่างพ่อค้าแม่ค้าที่ไลฟ์ขายของออนไลน์แล้วประสบความสำเร็จ อย่างเช่น พิมรี่พาย บังฮาซัน เจ๊น้ำ เป็นต้น เรียกได้ว่า Live Commerce เป็นอนาคตของการขายของออนไลน์เลยก็ว่าได้ เพราะสามารถเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เป็นการปฏิรูปการซื้อขายแบบเดิมๆ และการไลฟ์ขายของออนไลน์ก็ได้กลายเป็นช่องทางหลักในการซื้อสินค้าออนไลน์ไปเสียแล้ว
ในปี 2024 กลายเป็นปีทองของ Content Creator ช่วยทำให้ Live Commerce ยิ่งเหมือนเสือติดปีกไปกับเรื่องราวของ Affiliate Marketing โฟกัสแค่การทำ Content อย่างเดียวไม่ต้องสนใจการผลิต การสต็อกสินค้า การกำหนดราคา แต่อย่างใด ทำให้ Content Creator สร้างความหลากหลายของเนื้อหาได้ไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมไปกับการรับรายได้คอมมิชชั่นไปด้วย ผลักดันด้วยการ LIVE ช่วยให้คนเห็นช่องและแบรนด์มากยิ่งขึ้น สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้ามากขึ้น ทำการ LIVE เป็นงาน Active และสร้าง Clip Content เป็น Passive พร้อมกับเติบโตแบบทวีคูณไปกับ Affiliate Marketing อย่างเช่น ตี๊โอรีวิว เป็นต้น
สำหรับในประเทศไทย มีสถิติที่น่าสนใจของ LIVE Commerce ดังนี้
- หากสังเกตยอดการจับจ่ายใช้สอยของตลาดภูมิภาคเอเชียในรอบหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่า 39% ของการมีส่วนร่วมในระบบอีคอมเมิร์ซทั้งหมด ล้วนมาจากช่องทางการขายแบบไลฟ์สตรีมมิ่ง
- มีสตรีมเมอร์ชาวไทยกว่า 2.5 ล้านคน ที่สตรีมเนื้อหามากกว่า 340 ล้านชั่วโมง (ผลรวมของปีนี้จนถึง 12/12)
- มีการมอบของขวัญในระหว่างไลฟ์มากกว่า 2.3 พันล้านชิ้น และ เหรียญอีกกว่า 2.5 พันล้านเหรียญ
- มีการบริจาค/เติมเงิน สูงถึง 93%
- วันจันทร์ เวลา 20.00 น. คือช่วงเวลาที่มีออเดอร์เข้ามาสูงที่สุด (โดยเฉพาะช่วงต้นเดือน) ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์จะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนนิยมทำกิจกรรมอื่นมากกว่า แต่หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในเอเชีย จะพบว่า วันพุธ เวลา 22.00 น. คือช่วงเวลาที่มีออเดอร์เข้ามาสูงสุด
- ช่วงเวลาในการ Live ที่เหมาะสมต่อครั้ง คือ 120 นาที ส่วนเวลาที่ร้านค้านิยม Live คือ 19.00 น.
- สินค้าที่ขายดี 3 อันดับแรกสำหรับการ Live คือ สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ (37%), เครื่องแต่งกาย (28%) และ อาหาร-เครื่องดื่ม (24%)
- โดยกลุ่มคนที่เข้าชมมากที่สุด คือ Gen Y รับชมมากที่สุดถึง 64.65% และเพศหญิงรับชมมากกว่าเพศชาย
- เหตุผลที่ซื้อสินค้าออนไลน์ ส่วนใหญ่เลือกซื้อ เพราะราคาถูก 63.10%ความหลากหลายของสินค้า 58.73% แพลตฟอร์มใช้งานง่าย 45.81% การจัดโปรโมชัน และค่าจัดส่งถูกหรือฟรี 34.10%
- ช่องทางที่คนไทยเลือกซื้อออนไลน์มากที่สุด คือ e-Marketplace (เช่น Shopee, Lazada, Kaidee) 75.99% รองลงมาคือ Facebook 61.51% Website 39.7% LINE 31.04% Instagram 12.95% และ Twitter 3.81%
โดยหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมในการรับชมไลฟ์สตริมมิ่งคอนเทนต์ของผู้ใช้บน TikTok ในประเทศไทย ได้แก่
- ดนตรีและความบันเทิง
- เกม
- ความงามและแฟชั่น
- อาหาร
- ASMR
- ไลฟ์สไตล์ และอื่นๆ
Live Commerce ให้ขายดี ด้วยเทคนิคลับเหล่านี้
1.สม่ำเสมอ : ถ่ายทอดสดเป็นประจำเพื่อสร้างนิสัยกับผู้ติดตามของคุณ
2.Location : นำผู้ชมของคุณไปยังสถานที่ที่ไม่ธรรมดาและมีแต่ความจริง
3.มีส่วนร่วมโดยตรง : ใช้การถามตอบเพื่อโต้ตอบกับผู้แสดงความคิดเห็น ตอบกลับ และปรับให้เข้ากับสิ่งที่ผู้ชมสนใจ
4.Momentum : สร้างความรู้สึกคาดหวังอย่างเป็นธรรมชาติและขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้า
5.กระตือรือร้น : มักมีบางสิ่งที่ทำให้เกิดความน่าสนใจ มีอุปกรณ์ประกอบฉากสร้างความกระฉับกระเฉง
6.ทีมงานพร้อม : ทั้งทีมแอดมินคอยชวนคุย ตอบคำถาม Creative คอยคิดกิจกรรม Support คอยช่วยเหลือส่งของ Graphic Banner หรือ sticker คูปอง โปรโมชั่น หรือแฟลชเซลล์ คอยใส่เอฟเฟคเสียงหรือภาพ Data คอยดู Stat ข้อมูลต่างๆ MC สร้างความสนุกและพูดคุยขายของได้ดี เป็นต้น
7.Background ต้องสวยคมชัด ฉากหลังที่สวยงาม ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าและยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าหรือตัวผู้ขายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ อย่างเช่น ฉากหลังที่มีสินค้าวางอยู่มากมาย ยิ่งมีสินค้ามากเท่าไหร่ก็จะทำให้ร้านค้าของคุณดูน่าติดตามและน่าไว้วางใจมากขึ้น
8.ตะกร้าสินค้า : ต้องมีการปักหมุด และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
9.ปู Story ก่อนขายสินค้า : เพื่อดำเนินไลฟ์อย่างลื่นไหล เราควรมีธีม หรือ Story เตรียมเอาไว้เพื่อทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ สินค้าง่ายขึ้น เป็นการ Add value ให้สินค้า ยกตัวอย่างเช่น เล่าเรื่องราว real user ที่ใช้จริงออกมาให้น่าสนใจ เล่าถึงมุมมองเทคนิคการใช้งานของสินค้าของ real user (เช่นทาทับเครื่องสําอางโชว์ อ้างอิง จากคนใช้งานจริง) เลียนแบบหรือสวมบทบาทสถานการณ์จาก Real user ในการใช้สินค้า (เช่นลงครีมแล้วทาแป้งทันที) รีวิวให้ข้อมูลเชิงแนะนํา และบอกต่อ
10.กระแส : ทุกคนตามกระแสซะส่วนมาก เน้นความบันเทิงในการขายของด้วย
11.Live by AI : คนให้ความสนใจอย่างมากในการให้ AI โคลนนิ่งแม่ค้ามาไลฟ์เหมือนคนจริง มีการใช้แล้วส่วนนึงใน JD และ เถาเปา
12.หาจุดเด่นเพื่อให้เกิดการจดจำ อย่าลืมว่าไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่ไลฟ์ขายของออนไลน์ได้ ยังมีคู่แข่งอีกมากมาย ดังนั้น ต้องหาจุดเด่น หาเอกลักษณ์เฉพาะตัวยิ่งแตกต่างมากเท่าไหร่ ผู้คนก็จะยิ่งจดจำคุณได้มากเท่านั้น แต่จุดเด่นหรือเอกลักษณ์จะต้องอยู่ในขอบเขตที่ดีภายใต้ความคิดที่สร้างสรรค์
13.โปรโมชั่นเพื่อดึงดูด ทั้ง Code ส่วนลดต่างๆของ Platform รวมถึงการจัดโปรโมชั่นต่างๆ เช่น โปรโมชั่นลดราคาในวันสำคัญหรือให้ลูกค้าช่วยแชร์ลงกลุ่ม รับสินค้าในราคาพิเศษ ตั้งคำถามเพื่อชิงรางวัล ฯลฯ ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เป็นการกระตุ้นยอดขายและสร้างการเข้าถึงให้กับไลฟ์สดของคุณด้วย
14.เลือกเวลาให้เหมาะสม การไลฟ์ขายของออนไลน์ หากมีผู้ชมจำนวนมากคุณก็มีโอกาสขายได้เยอะ อันดับแรกเลยก็ต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร เพื่อที่จะกำหนดเวลาไลฟ์ได้อย่างถูกต้อง อย่างเช่น ถ้าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือพนักงานออฟฟิศ ช่วงเวลาหลังเลิกงานหรือช่วงพักเที่ยงคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไลฟ์ขายสินค้า เป็นต้น
15.เน็ตต้องดีไม่มีสะดุด การไลฟ์ขายของออนไลน์จะต้องให้ความสำคัญกับภาพและเสียงที่คมชัด ไม่มีสะดุด อย่าลืมเช็คสัญญาณอินเทอร์เน็ตว่ามีปัญหาเกิดขึ้นหรือไม่ เช็คเสถียรภาพมีมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้การไลฟ์ขายของของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด
16.เชิญชวนให้กดติดตามหลังจบไลฟ์ หลังจากที่คุณไลฟ์ขายของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมให้ลูกค้ากดติดตามเพจของคุณหรือติดตามช่องของคุณไว้ด้วย เพื่อไม่ให้พลาดการไลฟ์สดในครั้งต่อไปหรือหากมีกิจกรรมใดๆ ที่ร่วมสนุก ผู้ที่กดติดตามก็สามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมรับของรางวัลต่างๆ เป็นการส่งเสริมการขายได้อีกทางหนึ่ง
ผมเชื่อว่ายังไงในช่วงสามปีนี้ Live Commerce จะยังเป็นกระแสและเครื่องมือหลักในการขายของออนไลน์อย่างแน่นอน ซึ่ง Live Commerce เองก็มีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ผมเชื่อว่าทุกท่านสามารถมีแนวทางประสบความสำเร็จของตัวเองได้แน่นอน เพียงแค่ลองลงมือทำและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง หวังว่าข้อมูลต่างๆ จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านครับ
Ref : https://www.brandbuffet.in.th/2022/12/tiktok-thailand-statistic-live-streaming-2022/
https://www.tiktok.com/business/en-US/blog/growing-community-tiktok-live?redirected=1
https://www.marketingoops.com/news/biz-news/social-and-live-commerce-trend-by-shopline-thailand/
https://www.thaipost.net/columnist-people/207144/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี