การมีธุรกิจเป็นของตนเองเป็นความฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ยิ่งในยุคนี้ออนไลน์ได้กลายเป็นช่องทางที่ทำให้การทำธุรกิจสะดวกมากขึ้นและใช้ต้นทุนน้อยลง ดังนั้นจึงได้เห็นธุรกิจใหม่ๆ เกิดบนออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยบางรายก็ประสบความสำเร็จ จนสามารถต่อยอดจากออนไลน์มาสู่ออนกราวด์ได้ ในขณะที่บางรายก็ล้มเหลว
ศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัล และประธานกรรมการ บริษัท เอ็มอินเตอร์แอคชั่น จำกัด กล่าวว่า สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์ โดยหลักๆ แล้วจะอาศัยพลังโซเชียล มีเดียในการบอกต่อ ดังนั้น หากมีสินค้าดีน่าสนใจก็มักจะได้การประชาสัมพันธ์จากลูกค้าด้วยการบอกต่อผ่านในโซเชียล มีเดียได้ง่าย
ซึ่งในแง่มุมนี้ ช่องทางออนไลน์ก็เหมาะกับธุรกิจ SME ที่ต้นทุนน้อย ซึ่งแต่ก่อนจะเสียเปรียบบริษัทใหญ่ๆ ในแง่งบการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้ประกอบการจึงสามารถอาศัยประโยชน์จาก Earned Media ซึ่งก็คือการที่ลูกค้าหรือผู้คนพูดถึงสินค้า บริการ หรือแม้กระทั่งแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นจากการไลค์ การแชร์ การคอมเม้นต์ ในเนื้อหา ในวิดีโอคลิป ซึ่งเป็นการได้ช่วยเผยแพร่โปรโมทสินค้าและบริการ
ดังนั้น ผู้ประกอบการคนใดที่มี Owned Media หรือช่องทางการสื่อสารของแบรนด์ที่เข้มแข็ง ก็จะช่วยนำพาให้ Earned Media ไปได้ไกล
“ผู้ประกอบการ SME ต้องใส่ใจสินค้าให้มากตั้งแต่เริ่มแรก เลือกสินค้า แพคเกจจิ้งที่มีความแตกต่าง น่าสนใจ เพราะเหล่านี้คือ Owned Media ดีๆ นี่เอง ขณะเดียวกัน SME ที่ทำธุรกิจด้านการบริการก็ต้องทำบริการให้ดี เพราะการเริ่มต้นของสินค้าและบริการที่ดีย่อมก่อให้เกิดการบอกต่อง่าย
ที่สำคัญคือการลงรูปภาพสวยๆ ซึ่งก็เหมาะกับลักษณะนิสัยของคนไทยที่ไม่ชอบเขียนและอ่านอะไรยาวๆ ฉะนั้น ต้องดึงดูดความสนใจด้วยรูป มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่มองข้ามเรื่องเหล่านี้ หรือเพราะไม่อยากลงทุนมาก ซึ่งถ้าถ่ายรูปไม่สวยจริงก็ต้องลงทุนไปเรียนหรือจ้างช่างภาพ
นอกจากนี้ หากใช้ช่องเฟซบุ๊กอาจเสียเปรียบ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเฟซบุ๊กจำกัดจำนวนคนเห็น ดังนั้น หากคิดจะทำตลาดบนเฟซบุ๊กก็คงต้องมีงบโฆษณา เพราะถ้าไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เลย ความสำเร็จก็จะยากมาก สมมติทำการตลาดบนเฟซบุ๊ก บางคนบอกเสียดายเงินโฆษณา แต่ถ้าไม่จ่ายก็ต้องใช้เวลาไปกับในการทำโน่นนี่ เวลาที่เสียไปก็คือเงินเหมือนกัน ถ้ายอมจ่ายเงินแล้วมีโอกาสประชาสัมพันธ์ข่าวสารมาก ก็เหนื่อยน้อยลงแล้วเอาเวลาไปทุ่มกับการพัฒนาสินค้าหรือบริการจะดีกว่า”
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์คือความน่าเชื่อถือมาจากลูกค้า ในเรื่องนี้ ศิวัตรได้ให้คำแนะนำว่า หากมีตัวเลขที่น่าสนใจหรือภาพที่แสดงว่าสินค้าขายดีมากๆ ก็สามารถเอามาโชว์ได้ แต่ต้องเป็นตัวเลขจริงและภาพจริง เพราะถ้าหลอกลวงแล้วลูกค้าจับได้ ก็จะโดนพลังของการบอกต่อย้อนกลับมาทำลายได้ รวมถึง
“อาจจะลงภาพถ่ายกล่องไปรษณีย์เพื่อเตรียมส่งของ ซึ่งก็แปลว่ามีคนซื้อเยอะ ขณะเดียวกันต้องระมัดระวังในมุมกลับ กล่าวคือ อีกแง่การบริการลูกค้ามีความสำคัญมาก ลูกค้าบางคนที่มีปัญหากับสินค้าแล้วไม่ได้รับการบริการที่ดี ก็จะเอามาประกาศบอกต่อในโซเชียลมีเดีย
ดังนั้น ต้องบริการ ตอบลูกค้าอย่างมีสติ ต้องระมัดระวังเสมอ บางคนใช้แชทจนเป็นนิสัยพูดคุยปกติ แต่การแชทไม่เหมือนการพูดคุยต่อหน้า เราไม่เห็นสีหน้าหรือน้ำเสียงลูกค้า และถ้าเราหลุดอะไรไป จะถูกนำไปกระจายต่ออย่างรวดเร็ว”
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการที่ใช้ช่องทางออนไลน์ในการทำธุรกิจจะมีทั้งที่ทำเป็นงานอดิเรกหรือทำเพื่อเป็นรายได้เสริม และกลุ่มที่ทำอย่างจริงจัง ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ เวลาทำธุรกิจจะให้น้ำหนักความใส่ใจไม่เท่ากัน สำหรับกลุ่มคนที่ทำจริงจังนั้น ศิวัตร ให้ข้อคิดในตอนท้ายว่า
“คนทำธุรกิจออนไลน์ต้องระวังเรื่องความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีบางธุรกิจขายอยู่ดีๆ ไม่มีคู่แข่ง ก็ได้รับความนิยมเร็ว แต่วันหนึ่งเกิดมีคู่แข่งที่ทำการตลาดเก่งกว่า ก็ทำให้ยอดขายตกได้ บางคนยอดขายขึ้นอยู่กับสินค้าแค่ไม่กี่ตัว เวลาเจอคู่แข่งรายใหม่ที่เห็นเราขายดีเลยเอาสินค้าที่เหมือนกันมาขายบ้าง ก็แย่แล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องรู้จักที่จะกระจายความเสี่ยง และคิดเผื่อด้วยว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะมากระทบกับยอดขายแล้วก็หาทางป้องกันแต่เนิ่นๆ เพราะเรื่องพวกนี้ เวลาที่ลงจะลงเร็วมาก”
SME Thailand เพื่อนคู่คิด ธุรกิจเอสเอ็มอี
ติดตามเรื่องราวดีๆ เพื่อ SME ได้ที่ www.smethailandclub.com