เรื่อง นเรศ เหล่าพรรณราย
วันที่ 4 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา กฎหมายลิขสิทธิฉบับใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ โดยมีผลโดยตรงต่อการใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆจะต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิทางปัญญาของผู้อื่น
ผู้ประกอบการ SME ที่ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์จึงจำเป็นที่จะต้องรู้ข้อกฎหมายใหม่เพื่อรักษาผลประโยชน์ตัวเองและไม่ไปละเมิดลิขสิทธิของผู้อื่น โดยสามารถสรุปย่อใจความสำคัญได้ดังนี้คือ
หนึ่ง..หากมีการนำข้อความ บทความ ภาพถ่าย คลิปวีดีโอ ที่ผลิตขึ้นโดยผู้อื่นนำมาใช้บนโซเชียลมีเดียของตัวเองโดยเฉพาะในเชิงพาณิชย์จะต้องมีการอ้างอิงถึงเจ้าของลิขสิทธิทุกครั้ง
สอง..ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงหรือ Fact เช่น ราคาน้ำมัน ราคาหุ้น ราคาสินค้าต่างๆ สามารถนำมาเสนอได้ แต่ข้อความที่เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล เช่น บทความต่างๆ ต้องขออนุญาตก่อนหรืออ้างอิงที่มา
สาม..หากเราเป็นเจ้าของผลงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพถ่าย วีดีโอ มีสิทธิที่จะฟ้องผู้อื่นที่นำผลงานไปใช้โดยเฉพาะในเชิงพาณิชย์ได้ และผู้ประทำยิ่งมีความผิดถ้ามีการตั้งใจบิดเบือน ตกแต่ง เพื่อไม่ให้ผู้อื่นทราบว่านำผลงานของผู้อื่นมาใช้ เช่น ลบลายน้ำในภาพถ่าย ตัดโลโกเจ้าของผลงานออก ตัดต่อคลิปวีดีโอ ฯลฯ
สี่..หากนำบทความมารีไรท์ใหม่และให้เครดิตกับเจ้าของผลงานเดิมสามารถทำได้
ห้า..ไม่สามารถดาว์นโหลดผลงานต่างๆ เช่น ภาพถ่าย คลิปวีดีโอ จากอินเทอร์เนต นำมาเผยแพร่ต่อโดยเปลี่ยนมาใช้ชื่อของตัวเองเป็นเจ้าของผลงานได้
โดยสรุปคือหลักการสำคัญของกฎหมายลิขสิทธิฉบับนี้ก็คือหากจะมีการนำคอนเทนท์ของผู้อื่นมาใช้จำเป็นต้องอ้างอิงที่มาที่ไปเสมอ
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานโซเชียลมีเดียแต่ละประเภทในการแชร์หรือนำคอนเทนท์ของผู้อื่นมาใช้ด้วยเช่นกัน
- เจ้าของแฟนเพจโดยเฉพาะเพจที่มุ่งเน้นด้านธุรกิจไม่สามารถแชร์คอนเทนท์ของแฟนเพจอื่นเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจได้
- ไม่สามารถดาว์นโหลดคอนเทนท์บนแฟนเพจอื่น เช่น ภาพกราฟฟิค ภาพถ่าย คลิปวีดีโอ นำมาใช้กับแฟนเพจของเราเองได้เพราะเจ้าของผลงานมีสิทธิที่จะฟ้องได้
- การนำลิงค์ยูทูปของผู้อื่นนำมาใช้บนเวบไซท์หรือโซเชียลมีเดียของเราเองถือว่ามีความผิด วิธีการหลีกเลี่ยงคือต้องทำลิงค์ให้ผู้ชมเข้าไปชมต้นฉบับด้วยตัวเอง นอกจากนี้การนำคลิปภาพจากยูทูปไปใช้งานต่อ นอกเหนือจากระบุว่ามาจากยูทูปแล้วยังต้องระบุชื่อแอคเคานท์ที่นำมาใช้ด้วย
ภาพรวมของกฎหมายลิขสิทธิฉบับใหม่นี้จึงเป็นทั้งปัญหาของผู้ที่หยิบยืมหรือลักลอบนำผลงานของผู้อื่นมาใช้ในเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกันยังเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของผลงานที่สร้างสรรค์ด้วยตัวเองสามารถใช้กฎหมายดังกล่าวในการปกป้องสิทธิของตัวเองได้ ผู้ประกอบการจึงควรหันมาพัฒนาคอนเทนท์ของตัวเองบนโลกออนไลน์เพื่อสร้างมูลค่าทางธุรกิจของตัวเอง
SME Thailand : เพื่อนคู่คิด ธุรกิจเอสเอ็มอี
ติดตามข้อมูลดีๆ เพื่้อชาว SMEs ได้ที่ www.smethailandclub.com