สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 2 ปี 2015 ขยายตัว 2.8%YOY (เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า) ชะลอลงจาก 3.0%YOY ในไตรมาสก่อน และขยายตัวได้ 0.4%QOQSA (เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าแบบปรับฤดูกาล) เร่งขึ้นเล็กน้อยจาก 0.3%QOQSA ในไตรมาสแรก โดยการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสสองนี้ถือว่าดีกว่าที่คาด
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 มีแรงสนับสนุนหลักจากการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ เศรษฐกิจภาคบริการยังเติบโตได้ดีจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูง โดยธุรกิจโรงแรมและภัตตาคารเติบโตสูงถึง 18.7% YOY การขนส่งและคมนาคมเติบโต 8.6% YOY ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโต 37.6% YOY
ในส่วนของการลงทุนภาครัฐในไตรมาส 2 เติบโตสูงถึง 24.7%YOY ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 37.8%YOY โดยเป็นการลงทุนทั้งด้านการก่อสร้างและเครื่องมือเครื่องจักร แต่การก่อสร้างชะลอตัวลงบ้างเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ช้าลงและยังไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโครงการใหม่นอกเหนือจากที่กำลังดำเนินการ ในส่วนของการบริโภคภาครัฐเติบโต 4.6%YOY จากการซื้อสินค้าและบริการที่ยังคงขยายตัวสูงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผลผลิตภาคเกษตรยังหดตัวสูงและภาคอุตสาหกรรมยังอ่อนแอแม้ว่าตัวเลขภาคอุตสาหกรรมจะดีกว่าที่คาด เศรษฐกิจภาคการเกษตรหดตัวสูงถึง 5.9%YOY จากไตรมาสก่อนที่หดตัว 4.7%YOY โดยมาจากปัญหาภัยแล้งซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตข้าว ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมมีการผลิตลดลง 0.7%YOY ตามการส่งออกที่หดตัวสูงและอุปสงค์ในประเทศยังเติบโตในระดับต่ำ
อย่างไรก็ดี การหดตัวของภาคอุตสาหกรรมดีกว่าที่คาดค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับเครื่องชี้วัดการผลิตภาคอุตสาหกรรมในไตรมาส 2 ที่หดตัวสูง โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) หดตัวถึง 7.6%YOY และดัชนีปริมาณการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว 3.8%YOY ในช่วงเวลาเดียวกัน
การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงจากการซื้อสินค้าคงทน แต่สินค้าไม่คงทนและบริการยังเติบโตได้ การบริโภคภาคเอกชนโดยรวมขยายตัวได้ 1.5%YOY ชะลอลงจาก 2.4%YOY ในไตรมาสก่อน เนื่องจากการบริโภคสินค้าในหมวดยานพาหนะหดตัวถึง 11.5%YOY และการซื้อเฟอร์นิเจอร์หดตัว 3.9%YOY ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอยู่ในระดับต่ำและธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
นอกจากนี้ การบริโภคสินค้าไม่คงทน หรือสินค้าจำเป็นส่วนใหญ่ยังเติบโตได้ดี เช่น อาหารและเครื่องดื่มขยายตัว 2.5%YOY หมวดที่อยู่อาศัย ประปา และไฟฟ้า เติบโต 3.8%YOY เป็นต้น ขณะที่หมวดบริการขยายตัวดีทั้งด้านการท่องเที่ยวและโทรคมนาคม
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนกลับมาหดตัวอีกครั้งหลังจากเติบโตติดต่อกัน 3 ไตรมาส การลงทุนภาคเอกชนโดยรวมหดตัว 3.4%YOY จากไตรมาสก่อนที่เติบโตได้ 3.6%YOY เนื่องจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรหดตัวสูงถึง 5.0%YOY ตามการนำเข้าเครื่องจักรที่ลดลงเพราะการผลิต การส่งออก และการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว
ขณะที่การก่อสร้างยังเติบโตได้ 2.7%YOY ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 1.8%YOY จากการก่อสร้างอาคารสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างที่อยู่อาศัยหดตัว 0.4%YOY จากที่เติบโต 1.5%YOY ในไตรมาสก่อน ตามกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ชะลอตัว
ด้านดุลการค้าและบริการเกินดุลแม้การส่งออกจะหดตัวลงมาก ปริมาณการส่งออกสินค้ายังหดตัวถึง 4%YOY ขณะที่การนำเข้าสินค้าและบริการโดยรวมหดตัว 0.3%YOY จากการชะลอตัวของการผลิตและการบริโภคในประเทศ แต่รายรับภาคบริการซึ่งมาจากรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวสูงถึง 25.1%YOY เพิ่มขึ้นจาก 14.6%YOY ในไตรมาสก่อน ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 2 เกินดุลถึง 4.2% ของ GDP
อีไอซีคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจเติบโตได้ต่ำกว่าระดับ 3.0% ที่ประมาณการไว้เดิม แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกจะสามารถเติบโตได้ 2.9% เท่ากับที่ประมาณการไว้เดิม และยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภาครัฐและการท่องเที่ยว แต่ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่รุมเร้า เช่น การส่งออกที่หดตัวสูงกว่าที่คาดและรายได้ภาคเกษตรลดลงจากราคาสินค้าเกษตรและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ตกต่ำตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม จากทั้งภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวกว่าที่คาดและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้าเครื่องจักร
SME Thailand เพื่อนคู่คิด ธุรกิจเอสเอ็มอี
ติดตามข้ัอมูลดีๆ เพื่อชาว SMEs ได้ที่ www.smethailandclub.com